อื่นๆ
คืนนั้นมันสยอง

อาคารโอ่อ่าหรูซอย 84 ย่านลาดพร้าว ในสำนักงานห้องแอร์เย็นฉ่ำ มีป้ายใหญ่ติดหน้าทางเข้า "นิตยสาร ขนหัวลุก" แน่นอนไม่ต้องบอกใครก็รู้ว่าที่นี่คือแหล่งพิมพ์หนังสือแนวผี ผวา สยดสยองนิตยสารที่อยู่แนวหน้าต้น ๆ ฉบับหนึ่ง
"ผู้อ่านทางบ้านส่งเมล์มาว่าให้ไปพิสูจน์หมู่บ้านที่อุดรหน่อย ข่าวว่าผีเฮี้ยนนัก" บก.ร่างท้วมใส่แว่นหนาเตอะพูดขึ้นกับนักเขียนคอลัมน์ผี หุ่นอวบอ้วนนาม "อเวจี" แต่ใคร ๆ ในออฟฟิศมักเรียกพี่อ้วนตามรูปร่าง
"คุณไปทำสกู๊ปนี้ทีนะ ให้เจ้านทีไปเป็นเพื่อนด้วย" ว่าพลางหยิบซองสีขาวยื่นให้ "อ่ะนี่เบี้ยเลี้ยงไว้ใช้จ่าย 2 คนนะ รายละเอียดกับที่อยู่ในซองนั่นแหละ" นายอ้วนยกมือไหว้ก่อนรับซองนั่นมา
"สกู๊ปนี้เผยแพร่เมื่อไหร่หนังสือเราดังเปรี้ยงปร้างแน่ ฮ่า ๆ" บก.หนังสือชื่อดังหัวเราะร่าให้ ราวกับเป็นตัวเองเป็นผู้กำชัย
Advertisement
Advertisement
ตะวันโพล้เพล้เจียนค่ำปิคอัพ 4 ประตู 4×4 คันดำพุ่งทะยานจากเส้นทางหลวงลัดเลาะมาออกถนนดำ ตัดทางเข้าหมู่บ้านขรุขระดินลูกรังค่อยแคบลงจนเป็นทางหลุมบ่อ ความมืดโรยตัวทุกขณะ สองข้างทางเป็นป่าไม้ใหญ่โอบคลุมไร้เสาไฟฟ้าส่องทาง ยามนี้มีแต่แสงไฟหน้ารถที่เป็นตัวนำทาง พลันนั้น.. ตุ้บ!! ร่างชายแก่ผอมเกร็งหล่นตุ้บลงมาที่กระจกหน้ารถสภาพหัวห้อยลงจ้องมาที่ 2 หนุ่มเขม็ง
"จ๊ากกกก .ผ.. ผี ๆ ..!!!!" ต่างแหกปากร้องลั่น
"เล่นต้อนรับแต่หัวค่ำเลยเร้อะ" แล้วก็หล่นตุ้บลงหน้ารถ ได้ยินเสียง อูยๆๆ.. เจ้าอ้วนค่อยได้สติ "เฮ้ย ใช่ผีป่าววะ มีร้องด้วยรึ.. น่าจะคนมากกว่าว่ะ.." ทั้งสองรีบเปิดประตูลงไปดู ร่างผอมเกร็งนั้นลุกขึ้นนั่งคลำต้นคอป้อย ๆ
"ไม่ต้องสงสัยหรอก คน คนว้อย.. ซี้ดด.. เจ็บชิบ.. " " อ้าว รึ แล้วเป็นบ้าอะไรมาโดดเล่นหน้ารถงี้ล่ะ.." "โดดเล่นพ่องเร้อะ ข้าปีนต้นมะม่วงตกลงมาน่ะสิ ไม่น่าริไปขโมยเค้าเลย.. " " นั่น..สม ฮ่าๆ .." เมื่อบรรยากาศค่อยคลายความกลัวลงจึงได้สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับผี ๆ ที่ข่าวว่าเฮี้ยน "ปอบยายสีไง เฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา บ้านอยู่ท้าย ๆ สวนนี่แหละ.. " เข้าทางพอดีเลย จึงให้แกนำไป จึงได้นำทางลิ่ว ๆ ทันที
Advertisement
Advertisement
บ้านยกสูงใต้ถุนโปร่ง ในบ้านแสงสลัว ๆ ด้วยมีแต่ตะเกียงดวงเดียว ร่างหญิงแก่ๆนอนนิ่งบนเสื่อเก่าๆสภาพดูเหมือนศพแล้ว เจ้าอ้วนเอามือไปอังที่จมูก "อ๊ะ นี่แกตายแล้วนี่นา.. ตายเมื่อไหร่เนี่ย.. " "อ้าว ไรฟะ ปอบจะมาตายง่ายๆได้ไง.." ตาลุงนั่นเปรยอย่างแปลกใจ
ภาพปกและประกอบโดย simomwijersจากpixabay
"เอาไงล่ะทีนี้ลุง มีคนตายก็ต้องไปแจ้งผู้ใหญ่นะจะได้ประสานให้หมอตำรวจมาชัณสูตร.." ตาลุงนั่นบอกให้สองหนุ่มเฝ้าศพไว้ก่อน ส่วนแกจะไปติดต่อผู้ใหญ่บ้านเอง แกไปแล้ว บรรยากาศในบ้านเริ่มอึมครึม ศพที่นอนนิ่ง พลันนั้นมันเริ่มขยับค่อย ๆ พองขึ้น ๆ.. จนบวมอืดราวกับตายมาหลายวันแล้วลุกขึ้นนั่งหันมามองควั่บ
"ไอ้ อ้วน เอ็งเห็นหยั่งข้าเห็น.. มั้ย.. " " เออ เห็น.. เห็นชัดเลยว่ะ.." "ทำไงต่อดี.."
"ถามโง่ ๆ เผ่น เผ่นซีวะ น.. นั่นมันผีนะ.." ไม่ต้องให้พูดซ้ำ ต่างกระโจนลงบ้านโดยไม่แตะบันไดสักขั้น ข้างหน้านั่นตาลุงกำลังเดินมากับพระชรารูปหนึ่ง "ลุงง ผี ยายนั่นมันเป็นผี พองอืดลุกขึ้นนั่ง" ตาลุงนั่นไม่เห็นตกใจอะไร แต่กลับแสยะยิ้ม "หืมม ก็ไม่เห็นแปลกนี่ พวกเอ็งมาทำข่าวเรื่องผีก็ต้องเจอผีสิ.. ข้ายังเป็นเลย.." ให้ตายเหอะ หัวลุงนั่นหลุดหล่นตุ้บลงพื้น แกก้มลงหยิบเฉย "เหอ ๆ .. ข้าก็ตกต้นมะม่วงคอหักตายเหมียนกัล.. ฮี่ ๆ .. "
สุด ๆ ล่ะหนีผีมาเจอผี สองหนุ่มทรุดลงไปไหนไม่ถูก พลันฉุกคิดได้เมื่อเห็นพระรูปนั้น
Advertisement
Advertisement
" หลวงพ่อ ช่วยที ผ.. ผี ผีทั้งนั้น.. " " อาตมาไม่รู้จะช่วยยังไง ผีมันไม่กลัวอาตมาน่ะสิ.." ผีคอขาดนั่นมันเดินมาขวางพระเอาไว้ "ทำไม ผีไม่กลัวพระ.. " " ผีน่ะกลัวพระ แต่ผีมันไม่กลัวผีนะโยม.." "อะไร หมายความว่าไง.." หลวงพ่อพูดแปลก..?? และทันใด พระชรารูปนั้นก็แปรเปลี่ยนร่างกายเปื่อยเน่าเฟะ จีวรขาดรุ่งริ่งดวงตาแดงก่ำทะลัก ผี ผีอีกแล้ว ไม่ต้องถามกันสักคำสองหนุ่มใส่ตีนหมาโกยอ้าวไปที่รถสตาร์ทหมายขับออกหนี รถเจ้ากรรมดันไม่เป็นใจทำไงก็ไม่ติด สองหนุ่มแหกปากสุดเสียงพลันสติดับวูบ
เช้าแล้ว เจ้าอ้วนกับนทีฟื้นลืมตามาก็เห็นชาวบ้านมายืนมุงดูเต็ม ลุงแก่ๆคนหนึ่งบอกว่า จุดที่สองคนมาโดนผีหลอกน่ะมันคือป่าช้า เส้นทางก่อนจะเข้าหมู่บ้านอีกที ทางนี้เขาเลิกใช้มานานแล้ว "หมู่บ้านที่จะเข้าไปน่ะต้องอ้อมไปอีกทาง" "โอยย.. ช่างเถ๊อะ ไม่ไปแล้ว แค่นี้ก็จะช็อคตาย เหตุการณ์เมื่อคืนก็เจอจัง ๆ เอาไปเขียนได้อยู่หรอก" ว่าแล้วก็ยกมือท่วมหัวสาธุกัน//
=================
ความคิดเห็น
