รีวิวหนังบุพเพสันนิวาส2 : ไปดูกันหรือยังหนาออเจ้า บทความรีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน หากไม่ตรงใจผู้อ่านท่านใด ผู้เขียนต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะรอวันฉายส่วนตัวแล้วผู้เขียนเป็นแฟนหนังไทยและชอบละครบุพเพสันนิวาสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้รู้ข่าวว่าจะมีภาค 2 ในรูปแบบภาพยนตร์ แทนที่จะเป็นละครทีวีอย่างที่ได้รับข่าวลือมา ก็ยิ่งสนใจ เพราะมีความรู้สึกว่าหนังพีเรียดไทยๆ ที่มีฉากสวยๆและชุดของตัวละครงามๆ ถ้าได้ฉายในโรงภาพยนตร์จอใหญ่ยักษ์ จะได้เห็นรายละเอียดของพร็อบ (Props) และฉากต่างๆได้อย่างเต็มตามากกว่ารับชมผ่านทีวีหรือมือถือ เมื่อได้เห็นตัวอย่างหนังบุพเพสันนิวาส2 ก็ยิ่งอยากไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้หนังบุพเพสันนิวาส2 เข้าฉายวันแรก คนแน่นโรงและแล้ววันที่หนังบุพเพสันนิวาส2 เข้าฉายวันแรกก็มาถึง วันนี้คนแน่นโรง แม้แต่แถวเกือบหน้าสุดก็ยังมีคนนั่งหลายกลุ่ม ก่อนรอบฉายแต่ละรอบคนต่อแถวซื้อ Pop Corn จนถังป๊อบคอร์นที่มีรูปโป๊ป-เบลล่าหมดเกลี้ยง เป็นปรากฎการณ์บุพเพสันนิวาส2 ที่ทำให้คนไทยจูงมือกันมาดู ‘หนังไทย’ กันอย่างล้นหลาม เป็นภาพที่ผู้เขียนไม่ได้เห็นมานานมากแล้วจริงๆ ทำให้ผู้เขียนนึกชมโป๊ป-เบลล่าที่เป็นคู่พระนางที่มีเสน่ห์ ตลก แสดงได้น่ารักและสมบทบาท เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชมได้จริงๆPromotion Cards บัตรสะสม หนังบุพเพสันนิวาส2 คนยุค 5G ยังตอบรับดีตอนที่ผู้เขียนซื้อตั๋ว สังเกตว่า promotion cards รูปโป๊ป-เบลล่าขายดีมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าในยุค 5G แบบนี้ ยังมีคนไทยรุ่นใหม่สะสมการ์ดที่เป็นกระดาษบทและการดำเนินเรื่องพูดถึงบท ผู้เขียนรู้สึกว่าทำได้ดีเกินความคาดหวังค่ะ ตอนแรกก็ยังคิดอยู่ว่าถ้าภาค 2 เป็นเรื่องลูกของการะเกดก็คงน่าเบื่อแย่ แต่สิ่งที่ออกมายังคงเชื่อมต่อกับภาคแรกได้เป็นอย่างดีคือการย้อนเวลา แต่เซอร์ไพรส์ตรงที่ไม่ใช่การย้อนเวลาของพระเอกหรือนางเอก แต่กลับกลายเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นใหม่คือ เมธัส หันตระกูล (ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ซึ่งเป็นลูกหลานของนายห้างหันแตรหรือหลวงอาวุธวิเศษประเทศพานิช (แดเนียล เฟรเซอร์) ผู้เขียนต้องขอชมว่าบทของเมธัสซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวต้นเรื่อง สามารถเชื่อมโยงไปสู่คู่พระนางคือขุนสมบัติบดีหรือภพ (โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) และเกสร (เบลล่า-ราณี แคมเปน) ได้อย่างไร้รอยต่อจริงๆ ในฉากย้อนอดีตเมื่อเมธัสและขุนสมบัติบดีต่างก็พยายามช่วยเกสรไม่ให้ตกน้ำที่ท่าเรือพระคลังการดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มจนไปถึงกลางเรื่องเป็นไปอย่างกระชับและน่าติดตามแถมแทรกด้วยมุขฮาๆตลอดเวลา สนุกมากค่ะ เสียดายนิดเดียวที่ในตอนท้ายๆของเรื่องดูเหมือนจะยืดเกินไปจนคนดูอาจจะเบื่อได้ อย่างฉากที่บรรดาคนดีโดนจับเป็นตัวประกันอยู่บนเรือกลไฟและขุนภพปลอมตัวเป็นกลาสีเรือเพื่อไปช่วยเหลือ ส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะเล่าเรื่องได้กระชับมากกว่านี้ และในฉากใกล้จบไม่แน่ใจว่าผู้ชมท่านอื่นจะรู้สึกเหมือนผู้เขียนหรือไม่ คือดูเหมือนจะจบแล้วหลายรอบมาก แต่ก็ไม่จบสักทีค่ะนักแสดงและตัวละครในส่วนของนักแสดงและตัวละคร ทุกคนคงคุ้นหน้ากันดีอยู่แล้วกับขุนภพและเกสร ไม่ต้องสงสัยในฝีมือการแสดงและความมีเสน่ห์กับเคมีที่เข้ากันของสองตัวละครนี้ เพราะพิสูจน์มาแล้วในกระแสฟีเวอร์บุพเพสันนิวาสที่เป็นละครจนวัดไชยวัฒนารามที่อยุธยาแทบแตก ผู้เขียนจึงจะพูดถึงตัวละครใหม่ในหนังบุพเพสันนิวาส2 ที่เป็นเหมือนกับเพื่อนพระเอกและเพื่อนนางเอก คือพระสุนทรโวหาร หรือ สุนทรภู่ หรือ พี่ภู่ (บ๊อบบี้-นิมิตร ลักษมีพงศ์) พี่ปี่ บ่าวรับใช้เกสร (ปุ๊กกี้-ปวีณ์นุช แพ่งนคร) ผู้เขียนติดตามและชื่นชอบการแสดงของสองท่านนี้มาตั้งแต่ซิทคอมเรื่อง เนื้อคู่ประตูถัดไป และ เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร มาในเรื่องหนังบุพเพสันนิวาส2นี้ก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง ถือได้ว่าพี่ภู่และพี่ปี่เป็นตัวสร้างสีสันตลอดเรื่องได้ดีทีเดียวตัวละครที่มาแบบไม่ได้คาดคิด คือแจ็ค-แฟนฉัน (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ที่รับบทเป็นครูของละครนอกในคณะละครของเสด็จในกรมฯ โดยในเรื่องจะแต่งตัวเป็นนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรในเรื่องพระอภัยมณี ส่วนอีกตัวละครหนึ่งคือ หมอบรัดเลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ (สตีเฟน โธมัส) หมอมิชชั่นนารีที่เย็บแผลให้ขุนสมบัติบดี และมีการกล่าวถึงในหนังว่าต่อมาท่านผู้นี้จะกลายเป็นผู้ริเริ่มการพิมพ์หนังสือพิมพ์ที่ชื่อ Bangkok Recorder (บางกอกรีคอเดอร์) ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่าเป็นการดีที่จะสอดแทรกประวัติศาสตร์ไทยให้ผู้ชมได้รู้ แต่รู้สึกขัดๆอยู่บ้างตรงที่ว่าบทในตอนนั้นดูไม่น่าจะใช่เวลาที่พูดถึงเรื่องการพิมพ์เลย จึงดูเหมือนหนังจงใจที่จะสอดแทรกความรู้ทางประวัติศาสตร์เข้าไป ตอนท้ายยังมีเซอร์ไพรส์คือพี่ผิน (นุ่น-รมิดา ประภาสโนบล) พี่แย้ม (หยา-จรรยา ธนาสว่างกุล) บ่าวรับใช้ของแม่นางการะเกดในละครบุพเพสันนิวาสภาคแรกพายเรือผ่านมารับเกสรที่กำลังไล่ตามขุนภพตอนใกล้จบเรื่อง เป็นการเชื่อมโยงตัวละครของทั้งสองภาคได้เป็นอย่างดีงานภาพและโปรดักชั่นงานภาพทำออกมาได้อย่างสวยงามทั้งฉากและพร็อบประกอบฉากต่างๆ สอดแทรกความเป็นไทยไว้ทุกอณู การออกแบบสีสันของชุดตัวละครมีความลงตัวและเข้ากันได้ดีกับฉากหลัง ซึ่งผู้เขียนสังเกตว่าฉากมักเป็นสีเอริ์ธโทน (Earth tones) เพื่อสื่อถึงการย้อนยุคหรืออดีตได้ดีและยังช่วยผลักให้ชุดของขุนภพและเกสรที่มักใส่สีสดเข้มให้โดดเด่นออกมา ในหลายฉากมีการออกแบบสีสันของชุดของตัวละครให้มีความสัมพันธ์กัน อย่างเช่น ฉากเปิดตัวเกสรที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษให้ท่านอาจารย์-บาทหลวงปาลเลอกัวซ์ (โจนาธาน แซมซัน) เกสรใส่ชุดสีแดงทั้งชุดเข้ากันกับชุดของบาทหลวงที่เป็นสีดำ-แดง หรือตอนที่ขุนภพตามเกสรตอนที่เกสรไปพบท่านอาจารย์บาทหลวง ทั้งขุนภพและเกสรใส่ชุดสีน้ำเงินเหมือนกัน ให้ความรู้สึกของความเป็นคู่พระนางได้ดีในส่วนของงาน Visual Effects (คือวิธีการใดๆ ที่ใช้สร้างฉากหรือเอฟเฟ็กต์ที่ไม่สามารถผลิตด้วยเทคนิคการถ่ายภาพแบบปกติได้) ผู้เขียนชื่นชอบสองวิธีที่มีการใช้ในหนังบุพเพสันนิวาส2 วิธีแรกคือการใช้ Pop-up card technique (เทคนิคแบบที่ใช้ทำการ์ดอวยพรแบบป๊อบอัพสามมิติ) ในตอนเริ่มต้นเพื่อใช้ในการเล่าว่ามีสถานที่ใดบ้างในแผนที่กรุงศรีอยุธยาในยุคนั้น คนดูเข้าใจง่ายมากและไม่น่าเบื่อ ส่วนวิธีที่สองที่ผู้เขียนชอบมากคือการใช้ภาพวาดลายเส้นของเรือบนแผนที่ที่กำลังพายไปเองจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งเป็นการเล่าเรื่องโดยไม่ต้องใช้บทพูดของตัวละคร ทำให้คนดูเข้าใจง่ายในเวลาอันสั้นมากๆว่าใครกำลังจะไปไหน ทั้งสองวิธีการน่าสนใจและยังน่าเอ็นดูอีกด้วยโดยส่วนตัวผู้เขียนชื่นชอบ Sound Effect มาก ทั้ง Sound Design และ Music โดยหนังเรื่องนี้มักใช้ Sound Design (ซึ่งก็คือเสียงบางอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริงแต่ไปเสริมหรือแทนความรู้สึก) มาใช้ในการสื่อสารความรู้สึกของตัวละครอย่างมีอัตลักษณ์ของหนังไทยคือใช้ sound จากเครื่องดนตรีไทย อย่างเช่น ฉากที่ขุนภพเห็นหน้าเกสรเป็นครั้งแรกตอนกำลังดูละครนอก มี sound design เป็นเสียงรัวกลองของคณะละครแทนจังหวะการเต้นของหัวใจของขุนภพที่กำลังใจเต้นเมื่อพบนางในฝัน และอีกหลายๆฉากที่มีการใช้ sound effect จากเครื่องดนตรีไทยในลักษณะนี้ ส่วน Music (หรือดนตรีประกอบที่ใช้สร้างอารมณ์ของหนังให้สมบูรณ์ขึ้น) ก็ทำได้ดีตลอดเรื่องโดยมีการสอดแทรกเพลงที่บรรเลงจากเครื่องดนตรีไทยและเพลงไทยด้วยเช่นกันหนังบุพเพสันนิวาส2 มีคำบรรยายใต้ภาพทั้งภาษาไทยและอังกฤษจุดที่ดีของหนังบุพเพสันนิวาส2 อีกข้อหนึ่งคือ มีคำบรรยายใต้ภาพทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทำให้คนทุกกลุ่มและชาวต่างชาติสามารถชมได้ทั้งหมดจุดเช็คอินถ่ายรูปกับพี่ภพและแม่เกสรผู้เขียนสังเกตว่าคนที่ดูหนังบุพเพสันนิวาส2 จบแล้ว ก็มักจะต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกับป้ายคัทเอาท์ (Cutout) รูปขุนภพกับเกสรขนาดเท่าตัวคนจริง ที่วางอยู่คู่กันหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ กลายเป็นจุดถ่ายรูปย่อมๆไปเลย น่าจะทำออกมาหลายเวอร์ชั่นมากกว่านี้ เพราะคนนิยมกันมาก เหมือนได้ถ่ายรูปคู่กับโป๊ป-เบลล่า ส่วนใหญ่จะมาถ่ายกันเป็นแก๊งค์แต่หลายคนก็ชอบถ่ายเซลฟี่กับขุนภพกับเกสรรู้หรือยังว่า มีของที่ระลึกบุพเพสันนิวาส2จำหน่ายด้วยเผื่อใครที่ยังไม่ทราบว่านอกจากการ์ดสะสมและแพ็คเกจป๊อบคอร์นแล้ว ยังมีของที่ระลึกของหนังบุพเพสันนิวาส2 จำหน่ายด้วยนะ ลองเช็คดูจากใน Twitter GDH นะคะทิ้งท้ายด้วยความหมายของดอกไม้ไทย 4 ชนิด ในหนังบุพเพสันนิวาส2ก่อนจะจบรีวิวหนังบุพเพสันนิวาส2 ผู้เขียนเก็บเอาความหมายของดอกไม้ไทย ตามที่ถูกพูดถึงในหนังพูดถึงมาฝากค่ะ พี่ภพใช้ดอกรักแทนการบอกรักแม่เกสรแบบรัวๆ, ดอกดาหลาสีแดง แทนความรักที่มั่นคง, ดอกชงโคสีขาว คือความรักที่บานสะพรั่งของชายที่มีต่อหญิงที่รัก, ดอกปาริชาติสีแดง เชื่อว่าใครได้ดมจะระลึกชาติได้ ใครอยากทราบว่าดอกไม้ทั้งสี่ชนิดนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ลองสังเกตตอนชมภาพยนตร์นะคะขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านบทความนี้ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวต่อไปค่ะ ฝากติดตาม TrueID Creator เสือส่องแสง ด้วยนะคะภาพหน้าปก: GDHภาพประกอบบทความ:ภาพที่ 1: GDHภาพที่ 2: GDHภาพที่ 3, 4, 7, 8, 9, 13, 14: เสือส่องแสง (ผู้เขียน)ภาพที่ 5: Major Cineplex ภาพที่ 6: GDH ภาพที่ 10: GDH ภาพที่ 11: GDH ภาพที่ 12: GDH ภาพที่ 15,16: GDH *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565