The God of High School หรือชื่อภาษาไทย เทพเกรียน โรงเรียนมัธยม อนิเมะแนว Action, Fantasy, Comedy ที่ถูกสร้างมาจาก Manhwa ใน WEBTOON ผลิตโดย สตูดิโอ MAPPA ค่ายที่ฝากผลงานการผลิตอนิเมะมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kakegurui, Dorohedoro, Yuri!!! on Ice และเรื่องล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้อย่าง Shingeki no Kyojin: The Final Season เรียกได้ว่าชั่วโมงบินดีไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างผลงานที่ผู้เขียนจะมารีวิวในวันนี้ ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ ในช่วงต้นเรื่อง ส่วนตอนท้ายเรื่องนั้นบอกเลยว่าแอบเฉย ๆเรื่องย่อเนื้อเรื่องคร่าว ๆ ของอนิเมะเรื่องนี้จะถูก Setting ไปที่ ประเทศเกาหลี ซึ่งในตอนนี้กำลังจะมีการจัดแข่งขันประลองฝีมือการต่อสู้ของเหล่านักเรียนมัธยมขึ้นมา เพื่อเฟ้นหาว่า ใครจะได้เป็นผู้ที่ครองตำแหน่งสูงสุดและได้รับรางวัลสุดล้ำค่าไป นั่นก็คือ การที่ผู้ชนะสามารถขออะไรก็ได้ 1 อย่าง แล้วสิ่งที่ขอก็จะได้กลับมาจริง ๆ นับว่าเป็นรางวัลที่ดีงามสุด ๆ เพราะไม่ว่าคุณอยากได้อะไร เจ้าของผู้จัดการแข่งขันจะทำให้สมหวังตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง เงินทอง ผู้หญิง หรือแม้แต่การรักษาชีวิตคน ๆ หนึ่ง เขาก็สามารถทำให้ได้ทันทีJin Mori ตัวเอกของเรื่อง เด็กหนุ่มผู้มีฝีมือด้านการต่อสู้ เทควันโด ที่เฉียบขาด ไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลยในชีวิตนี้ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีชายปริศนาคนหนึ่ง ชักชวนเขาให้เข้าร่วมการแข่งขันประลองฝีมือ โดยในตอนแรกเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมหรอก แต่พอเขาได้แพ้ให้กับชายปริศนาคนนั้น เลยต้องทำตามสัญญาที่บอกเอาไว้ว่า ถ้าหากตัวเองต่อสู้แพ้จะยอมเข้าแต่โดยดีเมื่อถึงวันแข่งขันจริง Jin Mori ก็ได้เพื่อนใหม่มาอีก 2 คน จากสถานการณ์ไม่คาดคิดอย่างการวิ่งไล่จับโจร โดยเพื่อนทั้ง 2 คนนั้นก็คือ Yu Mira สาวแว่นผมสั้นสุดห้าว ผู้มีฝีมือในการใช้ดาบไม้ที่เป็นเลิศ และคนต่อมาคือ Han Dae-Wi เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่มีทักษะการต่อสู้เฉพาะตัวด้านคาราเต้ เป็นคนที่มีจิตใจมุ่งมั่น สวนทางกับสายตาที่แลดูเหมือนปลาตายการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น ผ่านการควบคุมงานโดยท่านประธาน Park Mu-Jin ผู้ที่อยู่เบื้องหลังงานแข่งขัน The God of High School ในครั้งนี้ โดยไม่มีใครรู้เลยว่า กำลังจะมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่าง เริ่มคืบคลานใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว เอาล่ะ! ในส่วนของเนื้อเรื่องคร่าว ๆ ก็ต้องขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ ใครอยากไปติดตามดูต่อ สามารถเข้าไปรับชมได้เลยที่ช่อง Youtube ชื่อ Muse Thailand (th) หรือ Muse Asia (eng) ฉบับอนิเมะ ส่วนฉบับการ์ตูน Manhwa สามารถเข้าไปอ่านได้ทาง Line WEBTOON หรือ WEBTOON (eng) ได้เลยนะครับตัวละครหลักJin Mori (ให้เสียงพากย์ญี่ปุ่นโดยคุณ Tachibana Tatsumaru)เด็กหนุ่มวัยรุ่นใจร้อน เป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้สุด ๆ พอเห็นว่ามีคนเก่ง ๆ อยู่ตรงหน้าทีไร ก็มักคันไม้คันมืออยากเข้าไปสู้ด้วยทุกที แต่เห็นอย่างนี้เขาก็เป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่านะ ซึ่งนั่นเป็นเพราะปู่ของเขา ที่เลี้ยงดูเขาตั้งแต่เด็ก ๆ ได้สอนเอาไว้Yu Mira (ให้เสียงพากย์ญี่ปุ่นโดยคุณ Ohashi Ayaka)สาวแว่นผมสั้นสุดห้าว(แต่น่ารัก) เก่งการต่อสู้ที่ใช้ดาบเป็นอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นดาบแบบไหนเธอก็สามารถใช้งานมันจนคล่องได้ สาเหตุเป็นเพราะเธอเติบโตมาในครอบครัวโรงฝึกดาบ และเป้าหมายในการได้รางวัลของเธอในครั้งนี้เอง ก็เกี่ยวข้องกับโรงฝึกดาบนี่แหละHan Dae-Wi (ให้เสียงพากย์ญี่ปุ่นโดยคุณ Kumagai Kentarou)เด็กหนุ่มที่มีดวงตาคล้ายปลาตาย แต่มีจิตใจมุ่งมัน โดยทักษะการต่อสู้ที่เขาพกมาครั้งนี้ก็คือ คาราเต้ นั่นเองครับ เขาคือตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องนี้ ชอบในการเล่นปมที่ตัวละครต้องเจอ และต้องฝ่าด่านเอาชัยชนะมาให้ได้ ซึ่งผมไม่อยากจะบอก อยากให้ลองไปดูกันเอาเอง แล้วคุณจะชอบตัวละครนี้เหมือนผม เรียกได้ว่า มาดูอนิเมะเรื่องนี้แล้วคุ้มค่าการเสียเวลา เพราะปมตัวละครตัวนี้นี่แหละPark Mujin (ให้เสียงพากย์ญี่ปุ่นโดยคุณ Namikawa Daisuke)ท่านประธานผู้ที่จัดตั้งการแข่งขันครั้งนี้ขึ้น เขาเป็นผู้กุมความลับเบื้องลึกเบื้องหลังของการแข่งครั้งนี้เอาไว้ นิสัยใจเย็น ตัดสินใจเด็ดขาด จริงจังกับสิ่งที่กำลังจะทำ และเป็นคนเดียวที่รับรู้ว่าอะไรคือ สิ่งชั่วร้าย ที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที ๆ แล้วสิ่งที่ประทับใจหากคุณเป็นคนที่ชอบเสพงานอนิเมชัน อย่างพวกเรื่องแนว Action หรือเรื่องที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวเยอะ ๆ ในช่วงครึ่งแรกของ The God of High School มันจะตอบโจทย์คุณสุด ๆ บอกได้เลยว่า มันมาก ๆ งานดีมาก ๆ เอาไปเลยเต็มสิบ พวกแสงเงา การลง Effect ไปในฉากต่อสู้ การเคลื่อนไหวเวลาตัวละครออกท่าทางต่าง ๆ โคตรจะลื่นไหล จนหลายคนทั่วโลกต่างยอมรับว่า ในช่วงที่อนิเมะเรื่องนี้ฉายไปครึ่งแรก นี่มันเป็นงานระดับ Masterpiece ชัด ๆ สรุปโดยรวมคือ ถ้าคุณชอบงานอนิเมชันที่ลื่นไหล เรื่องนี้ในช่วงครึ่งแรก ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน!ส่วนเรื่องงานภาพ การลงสี ฉากหลัง ในเรื่องนี้ก็ทำดีเช่นเดียวกัน มันจะไม่ได้ต่างจากงานอนิเมชันมากนัก พวกภาพประกอบ สวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นภาพที่วาดลงในตัวละคร ส่วนนี้ก็ขอติตามแบบอนิเมชันเลยก็คือ ช่วงแรก ๆ ทำดีมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องงานภาพ งานอนิเมชันเลยสิ่งที่ต้องชมต่อมาคือ เนื้อเรื่องของตัวละคร ปมปัญหาต่าง ๆ อะไรทำนองนี้ โดยส่วนตัวผมชอบปมตัวละคร Han Dae-Wi มาก ๆ เขาเริ่มเล่าตั้งแต่ช่วงที่ตัวละครมีความสุข จนกระทั่งมาถึงจุดปมหลักที่ตัวละครต้องเผชิญ และต้องทำทุกวิถีทางให้คลายปมนั้นได้ ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของ Han Dae-Wi ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ไปจนถึงจุดตัดสิน จุดที่เขาสามารถคลายปมได้ ซึ่งมันกินใจผมจนน้ำตาคลอเลยทีเดียว ยิ่งใครที่มีปมคล้ายตัวละครนี้ บอกเลยว่า คงต้องมีการหลั่งน้ำตาออกมากันบ้างล่ะครับสิ่งที่ไม่ประทับใจพออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะรู้แล้วว่า ผมต้องมาบ่นเรื่องงานภาพ งานอนิเมชัน ช่วงหลัง ๆ แน่นอน ซึ่งตัวผมก็ต้องขอตอบว่า "ใช่ครับ งานภาพ งานอนิเมชัน ช่วงหลัง ๆ ทำออกมาไม่ค่อยดี" ถ้าใครได้ลองไปดูจะเห็นความต่างชัดมาก ว่ามันต่างกันยังไง ช่วงแรกลื่นไหล ภาพตัวละครสวย มีการใส่ Effect ดี ๆ ลงไปในท่าทางการต่อสู้ แต่ช่วงหลัง ๆ เหมือนเขาน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง เพราะว่างานอนิเมชันมันดูกระตุก ๆ ไม่ค่อยลื่นไหล ดูแล้วขัดตาแปลก ๆ ส่วนการลงภาพตัวละครก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ ถ้าให้เดาอาจจะเป็นเพราะว่า รูปแบบการต่อสู้มันเปลี่ยนไป จากการสู้ใกล้ ๆ ก็เริ่มเดี๋ยวใกล้ เดี๋ยวไกล เดี๋ยวตรงนี้ต้องใช้ Effect แรง ๆ เดี๋ยวตรงนี้ใช้ Effect อ่อน ๆ พอ หรือไม่แน่ก็อาจจะเป็นเพราะปัญหาของงบการลงทุน อารมณ์แบบว่า ลงทุนหมดไปกับช่วงแรกแล้ว แต่ดันลืมไปว่า ช่วงหลัง ๆ ต้องใช้ Effect เยอะขึ้นกว่าเดิม อันนี้ก็ไม่ทราบได้ส่วนด้านเนื้อเรื่องตัวละคร สาเหตุที่ผมยก Han Dae-Wi มาแค่คนเดียวช่วงสิ่งที่ประทับใจ เพราะว่าผมไม่ค่อยชอบเนื้อเรื่องตัวละครหลักอีก 2 คนที่เหลือ เริ่มต้นจากเนื้อเรื่องของพระเอก Jin Mori ข้อเสียคือ เราไม่ค่อยได้เห็นพัฒนาการของเขามากนัก ทั้ง ๆ ที่เป็นตัวเอกหลักของเรื่อง รู้แค่ว่าเขาเก่งมาตั้งแต่ต้น ได้ปู่เลี้ยงดูและสอนวิชาให้ รักปู่มาก แค่นี้และไม่มีการลงรายละเอียดต่ออีกเลยต่อมาคือเนื้อเรื่องของ Yu Mira ขอบอกเลย ตัวละครนี้ผมลังเลอยู่ ว่าควรจะให้ขึ้นไปส่วนประทับใจดีไหม เพราะการปูปมอดีตของน้องแกก็ดีไม่น้อยหน้า Han Dae-Wi เลยแหละ แต่พอลองดูอีกทีแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า มันมีช่วงที่น้องแกกำลังจะแพ้ แต่ดันได้พลังลูกฮึด ซึ่งในส่วนของพลังตอนนั้นผมว่ามันปูปมมาน้อยไปหน่อย ทั้งของ Yu Mira และของ Jin Mori เลย แต่ถ้าลองไปเทียบกับของ Han Dae-Wi ถึงแม้จะแอบเร็วไปบ้าง แต่มันมีฉากที่ทำให้เรารู้ว่า ทำไมแกถึงได้เลือกลุกขึ้นสู้ขนาดนั้นสิ่งสุดท้ายที่อยากจะบ่นคือ การดำเนินเนื้อเรื่องหลัก ที่ต่างกันสุด ๆ ในครึ่งแรกและครึ่งหลัง โดยครึ่งแรกดำเนินไปด้วยความสบาย ๆ ค่อย ๆ เล่าไปทีละตัวละคร Scale เรื่องเป็นแบบที่วางไว้ จนทำให้เราคิดไปแล้วว่าน่าจะเป็นแบบนี้ไปจนจบ แต่พอผ่านครึ่งแรกไป เนื้อเรื่องไปเร็วมาก จนถึงขนาดแอบฉุกคิดนิดนึงว่า มีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า ทำไม Scale มันต่างกันขนาดนี้ ถ้าไม่อยากให้มีภาคต่อ ทำไมถึงไม่จบที่ Scale แรกที่อุตส่าห์ปูมาซะดิบดี เพราะถ้าหากปูมาแค่ Scale ช่วงแรก บางทีเราอาจจะเห็นปมตัวละครที่มากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้คะแนน 6/10 คุ้มค่าในช่วงแรก ครึ่งหลังตกม้าตาย แต่พอดูได้ โดยรวมถือว่าคุ้มมาก ถ้าหากไปดูเอางานอนิเมชันช่วงแรก บวกกับไปเอาความอินในตัวละคร Han Dae-Wi และความสัมพันธ์ของเพื่อนในทีม นอกจากนั้นพอผ่านครึ่งแรกไป ถึงแม้ผมจะบอกว่ามันไม่ประทับใจ แต่มันไม่ถึงกับแย่ขนาดต้องเบือนหน้าหนี ยังสามารถเลือกดูต่อจนครบองค์ประชุมได้ แต่อย่าไปคาดหวังมากนัก ไม่แน่บางที ถ้าหากคุณไปลองดูเอง คุณอาจจะประทับใจมากกว่าผมก็เป็นได้ เพราะสุดท้ายแล้วการรีวิวหรือแนะนำเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของผู้เขียนคนเดียวเท่านั้น บางครั้งรสนิยมของผู้เขียนและผู้อ่านอาจจะไม่ตรงกัน การเสพรีวิวที่ดี คือการอ่านเพื่อเผื่อใจเอาไว้ก่อน เวลาเลือกหยิบไปดูจะได้รู้สึกว่า อ๋อ ที่คนนั้นเขียนเพราะแบบนี้นี่เอง อะไรประมาณนี้ครับแหล่งที่มารูปภาพ ภาพหน้าปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9