วัคซีนไฟเซอร์ นักเขียนเชื่อว่าเราทุกคนในประเทศต้องการและอยากที่ได้รับวัคซีนโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิดตอนนี้ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ฉีดหนึ่งในนั้นรวมถึงตัวนักเขียนด้วย ซึ่งเราเองก็ยังแอบกังวลในวัคซีนที่เรากำลังจะได้รับก็ดูสถานการณ์การฉีดวัคซีนตอนนี้ การฉีดเข็มแรกอีกแบบหนึ่งแล้ว ฉีดเข็ม 2 อีกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีประเทศไหนที่นำวัคซีน 2 ยี่ห้อนี้มาฉีดสลับแบบนี้ ด้วยเหตุผลแบบนี้พวกเราจึงควรที่จะมาทำความรู้จักกับวัคซีนแต่ละตัวให้ดีพอก่อนจึงจะตัดสินใจว่าเราควรจะฉีดยี่ห้อนี้ดีไหม โดยที่วันนี้นักเขียนจะมาแนะนำความรู้เกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์เป็นหลักก่อนเพราะดูเหมือนจะได้รับเร็วสุดแล้วในวัคซีนจำพวก mRNA ประเทศเราได้รับการบริจาคมาจากสหรัฐฯ 1.5 ล้านโดส โดยกลุ่มเป้าหมายที่ทางรัฐจะฉีดให้คือ >>> บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (ฉีดเป็นบูสเตอร์โดส จำนวน 1 เข็ม) >>> กลุ่มคนผู้สูงอายุ และกลุ่มคนผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค >>> กลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง >>> ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต ส่วนตัวขอบอกก่อนเลยว่านักเขียนไม่ใช่นักวิจัยแต่อย่างใด แต่ข้อมูลที่นักเขียนได้เขียนออกมาให้ทุกคนได้อ่านทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลที่ทางนักเขียนเองได้รวบรวมมาจากงานวิจัยของประเทศต่าง ๆ และนำมาวิเคราะห์เรียบเรียงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง ๆ ที่สุด และจะพยายามเขียนเนื้อหาให้มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นทางวิชาการที่ถูกต้องกว่านี้สามารถคอมเมนต์ข้างล่างเพื่อให้นักเขียนแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องที่สุดได้เพื่อที่ผู้อ่านจะได้รับสารที่เป็นจริงที่สุดนั้นเอง "อย่างแรกเรามาทำความรู้จักกับวัคซีนชนิด mRNA กับแบบคร่าว ๆ กันก่อนดีกว่าค่ะ" 1.สามารถผลิตตัววัคซีนออกมาได้อย่างง่ายรวดเร็วและทันการมากที่สุด 2.สามารถปรับปรุงและแก้ไขวัคซีนเพื่อรองรับสายพันธุ์หากมีการกลายพันธุ์ได้ง่าย 3.วัคซีนชนิด mRNA มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำและในภาพรวม ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูง 4.วัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสมากกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย 5.ไฟเซอร์และโมเดอร์นา สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิได้สูงสุด อยู่ที่ระดับพันถึงระดับหมื่น แค่ข้อมูลแค่นี้ก็สรุปได้แล้วว่าวัคซีนชนิด mRNA ดีกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตายหลายเท่า แต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลงเมื่อใช้กับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ "เดลตา" ถึงแม้ประสิทธิภาพของวัคซีนชนิด mRNA จะลดลงแต่ก็ยังสามารถที่จะป้องกันเชื้อโรคได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นเราควรเลือกฉีดวัคซีนชนิด mRNA มากกว่าการเลือกวัคซีนชนิดเชื้อตายค่ะ อันนี้คือสิ่งที่นักเขียนคิดนะคะและเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ต้องคิดแบบนี้ "เรามาทำความรู้จักกับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งข้อดีและข้อแตกต่างกันเลย" > วัคซีนไฟเซอร์ประเทศผู้ผลิตคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทที่ผลิตคือ BioNTech/Pfizer > มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอาการโดยรวม ร้อยละ 95 > โดยกลุ่มบุคคลที่แนะนำให้ฉีดได้ควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แต่ก็ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาสหรัฐเพื่อป้องกันโรคโควิด19 สำหรับผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปได้เช่นกันก็คือความคิดเรานะถ้าจะให้เด็กฉีดวัคซีนก็ต้องให้ฉีดยี่ห้อไฟเซอร์เนี่ยแหละ เพราะยี่ห้ออื่นเด็กไม่สามารถที่จะฉีดได้ > โดยการเว้นระยะห่างในการไปฉีดระหว่างเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ต้องห่างกัน 3 สัปดาห์ > หลังจากฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 ไปแล้วสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้มากสูงสุดถึงร้อยละ 91.3 ในช่วง 7 วันถึง 6 เดือนหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้ว > ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่าวัคซีนไฟเซอร์สามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนได้มากน้อยแค่ไหนเพราะภายใน 10 วันหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรก อาจยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้อยู่ เนื่องจากร่างกายยังไม่สามารถสร้างแอนติบอดี้ได้อย่างเต็มที่และอย่างเต็มประสิทธิภาพของวัคซีน > สำหรับสายพันธุ์เดลตาที่เกิดมาจากการกลายพันธุ์ของวัคซีนนั้น โดยทางเว็บไซต์ของ Pfizer ได้เปิดเผยว่าวัคซีนไฟเซอร์มีนั้นประสิทธิภาพร้อยละ100 ในการป้องกันโควิดในแอฟริกาใต้ และสิ่งที่สามารถยืนยันคุณภาพของวัคซีนไฟเซอร์ได้นั้นก็คือ บุคลากรแพทย์ของมาเลเซีย ฉีดวัคซีนแล้วติดโควิด 2300 ราย ไร้อาการหนัก ก็คือถึงแม้จะติดแต่มันก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ค่ะ และทางองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ประเมินคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์แล้ว ว่าเหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองก็ควรมีอายุตามที่เขากำหนดไว้ ดีที่สุดค่ะ "ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้หลังจากการฉีดวัดซีนไฟเซอร์ไปแล้ว" > มีไข้ หนาวสั่น > ปวดศีรษะ > ปวดกล้ามเนื้อ > อ่อนเพลีย > มีรอยแดงบริเวณที่ฉีด > คลื่นไส้ > อาเจียน ซึ่งนักเขียนอยากจะบอกเลยว่าพวกผลข้างเคียงจำพวกนี้ไม่ได้ผิดปกติหรืออันตรายเลยเพราะปกติเวลาฉีดวัคซีนพวกไข้หวัดใหญ่เราก็จะมีไข้เล็กน้อยอยู่และอาการผลข้างเคียงพวกนี้จึงไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิตของเราค่ะ "ผลข้างเคียงที่พบได้ยากหลังจากการฉีดวัดซีนไฟเซอร์ไปแล้ว" > เวียนศีรษะ เป็นลม > รู้สึกชาตามร่างกาย "อาการแพ้วัคซีนไฟเซอร์" > มีผื่นคันขึ้นตามตัว > หายใจไม่ค่อยออก หากท่านมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเลยค่ะ ไม่งั้นอย่างจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สุดท้ายนี้นะคะเมื่อในอนาคตท่านได้รับหรือมีสิทธิ์เลือกวัคซีนทางเลือกแล้วท่านก็ควรที่จะฉีดมันค่ะ เพื่อป้องกันและเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด เราทุกคนจะต้องไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคนี้นะคะ เพราะมันยังมีอุปสรรค์ในชีวิตที่น่าปวดหัวกว่านี้อีกเยอะค่ะเชื่อนักเขียนเถอะค่ะต้องรอดจากโควิดไปให้ได้นะคะ เครดิตภาพปก : Pfizer เครดิตภาพ Pfizer UK : ภาพที่ 1 2 3 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายบน App TrueID โหลดเลย ฟรี !