Toxic People คือ คนที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นคนขี้อิจฉา คนชอบนินทา คนชอบเอาเปรียบ และอื่น ๆ อีกมากมาย เชื่อได้ว่าเพื่อน ๆ หลายคนย่อมเคยเจอกับ Toxic People แบบต่าง ๆ มาไม่มากก็น้อย แล้วในแต่ละครั้งที่ต้องเจอก็มักจะมาพร้อมความปวดหัว เพราะคนพวกนี้ชอบที่จะสร้างปัญหาและความไม่สบายใจให้คนรอบข้างอยู่เสมอ Sunnysisterstudio เองก็เช่นเดียวกันค่ะ บทความนี้จึงอยากมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Toxic People แต่ละแบบ พร้อมวิธีรับมือกับคน Toxic ที่ส่วนตัวเคยนำไปใช้แล้วรู้สึกว่าค่อนข้างได้ผลดีมาบอกต่อกัน จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้เลยค่ะ1. คนขี้อิจฉาริษยาToxic People แบบแรกที่จะพูดถึงก็คือ "คนขี้อิจฉา" คือ คนที่เห็นคนอื่นได้ดีแล้วมีความรู้สึกไม่พอใจ เกิดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ อยากจะเป็นหรืออยากจะมีเหมือนกับคนอื่นบ้าง รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา รู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี ประสบความสำเร็จหรือมีความสุข มักจะรู้สึกน้อยใจ ริษยา อยากจะเอาชนะหรือมีสิ่งที่ดีกว่าคนอื่นชอบนินทาหรือวิจารณ์คนอื่นในทางลบ เพื่อระบายความรู้สึกอิจฉาของตัวเองชอบสร้างปัญหาหรืออุปสรรคให้กับคนอื่น เพื่อไม่ให้คนอื่นประสบความสำเร็จมองโลกในแง่ลบ มองคนอื่นในแง่ร้าย มักจะคิดว่าคนอื่นจะเอาเปรียบหรือทำร้ายตัวเองอยู่เสมอวิธีรับมือกับคนขี้อิจฉา(1) เข้าใจว่าคนขี้อิจฉามักมีปัญหาภายในจิตใจ คนขี้อิจฉามักมีความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง (Low Self-Esteem) รู้สึกด้อยกว่าคนอื่น การที่พวกเขามาอิจฉาเรา ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ดีหรือทำอะไรผิด แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของพวกเขาเอง (2) อย่าตอบโต้ด้วยอารมณ์ การตอบโต้ด้วยอารมณ์ เช่น โมโห โกรธ เสียใจ จะทำให้สถานการณ์แย่ลง กลายเป็นการทะเลาะหรือมีปากเสียงกัน คนขี้อิจฉาจะยิ่งได้ใจและหาเรื่องเรามากขึ้น ดังนั้น ควรทำตัวนิ่งไม่เป็นไปตามเกมของคนขี้อิจฉาที่วางไว้ (3) วางตัวให้เหนือกว่า คนขี้อิจฉามักชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หากเราวางตัวให้เหนือกว่า แสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือแคร์สิ่งที่พวกเขาพูด จะทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจและเลิกสนใจเราในที่สุด (4) หลีกเลี่ยงการพบปะหรือพูดคุย หากสามารถหลีกเลี่ยงการพบปะหรือพูดคุยกับคนขี้อิจฉาได้ ควรทำอย่างยิ่ง เพราะยิ่งเราใกล้ชิดกับพวกเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะโดนพวกเขาอิจฉาและหาเรื่องเรามากขึ้นเท่านั้น (5) ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากไม่สามารถรับมือกับคนขี้อิจฉาด้วยตัวเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาหรือนักบำบัด เพื่อขอความช่วยเหลือ2. คนชอบนินทาคนที่ชอบนินทาเรื่องของคนอื่น จำพวกนั่งซุบซิบ ๆ นั่นก็ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ Toxic People ที่ชอบพูดหรือเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนอื่นในทางลบ โดยมักเป็นการพูดลับหลัง หรือพูดต่อ ๆ กันไปโดยไม่ได้รับการยืนยันจากต้นตอของเรื่อง รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ชอบความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นชอบความตื่นเต้นหรือความท้าทายเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ความไม่มั่นใจในตนเอง การอิจฉาริษยาผู้อื่น หรือการต้องการระบายความเครียด เป็นต้นวิธีรับมือกับคนชอบนินทา(1) หลีกเลี่ยงการฟัง หากพบว่ามีคนกำลังนินทาคนอื่น ให้พยายามหลีกเลี่ยงการฟัง และเปลี่ยนเรื่องคุยไปอย่างสุภาพ(2) ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมวงนินทา หากมีคนชวนเราไปนินทาคนอื่น ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพ โดยอาจบอกว่าเราไม่ชอบนินทา หรือว่าเราไม่อยากมีส่วนร่วมในการนินทา(3) พูดความจริง หากมีคนมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนอื่นให้เราฟัง ให้พยายามพูดความจริงอย่างสุภาพ โดยอาจบอกว่าเราไม่รู้เรื่อง หรือว่าเราไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น(4) ให้กำลังใจ หากมีคนมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนอื่นให้เราฟัง และเราเห็นว่าเขารู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ให้พยายามให้กำลังใจเขา โดยอาจบอกว่าเราเข้าใจความรู้สึกของเขา หรือเราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา3. คนที่ชอบซ้ำเติมคนอื่นToxic People อีกประเภทที่เชื่อว่าใครเจอก็ไม่ชอบทั้งนั้น เพราะเขาเหล่านี้จะชอบทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดจากความผิดหวังหรือผิดพลาดต่าง ๆ ในชีวิตมากขึ้น เหมือนกับคนที่โรยเกลือบนแผลของเราอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งคนที่ชอบซ้ำเติมคนอื่นจะมีพฤติกรรมอื่น ๆ ดังนี้ชอบที่จะเห็นคนอื่นล้มเหลวหรือผิดพลาด เขาจะมีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นประสบปัญหาหรือล้มเหลว เขาอาจรู้สึกเหนือกว่าหรือมีอำนาจเหนือคนอื่นชอบที่จะเอาชนะหรือมีอำนาจเหนือคนอื่น เขาต้องการที่จะชนะหรือมีอำนาจเหนือคนอื่น โดยอาจพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เพื่อที่จะได้รู้สึกดีกับตัวเอง เช่น การพูดจาซ้ำเติม หรือการกระทำต่าง ๆ ชอบที่จะระบายอารมณ์หรือความโกรธของตัวเอง เขาอาจใช้การซ้ำเติมคนอื่นเป็นวิธีในการระบายอารมณ์หรือความโกรธของตัวเอง จากการที่เขาอาจรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง และพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เพื่อที่จะได้รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นวิธีรับมือกับคนที่ชอบซ้ำเติมคนอื่น(1) หลีกเลี่ยงการฟังหากพบว่ามีคนกำลังซ้ำเติมเรา ให้พยายามหลีกเลี่ยงการฟัง และเปลี่ยนเรื่องคุยไปอย่างสุภาพ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการฟังได้ ให้พยายามทำความเข้าใจว่าผู้ซ้ำเติมอาจต้องการระบายอารมณ์หรือความโกรธของตัวเอง และพยายามอย่าเอาคำพูดของเขามาใส่ใจ (2) ให้กำลังใจตัวเองหากเรารู้สึกแย่กับคำพูดของผู้ซ้ำเติม ให้พยายามให้กำลังใจตัวเอง โดยบอกกับตัวเองว่าเราเป็นคนดี และเราสมควรได้รับสิ่งดี ๆ ในชีวิต การให้ความกำลังใจตัวเองจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น และจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของผู้ซ้ำเติมอีกด้วย จำไว้ว่าคำพูดของคนอื่นเป็นอย่างไร ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราดีหรือไม่ดี แต่คำพูดมันสะท้อนความเป็นตัวเองของเจ้าของคำพูดเท่านั้น (3) สร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากการซ้ำเติมหากเราพบว่าคนที่เรารู้จักชอบซ้ำเติมเราบ่อย ๆ เราอาจพยายามพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา และพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากการซ้ำเติม ตัวอย่างเช่น เราอาจพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เขา หรือเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนไปเลย จะช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น4. คนที่ชอบออกคำสั่ง บงการคนอื่นToxic People ประเภทนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเจอได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติ เพื่อน รวมไปถึงแฟนของเราด้วย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นคนที่ชอบบงการเช่นกันชอบบอกคนอื่นว่าต้องทำอย่างไรชอบตัดสินคนอื่นว่าถูกหรือผิดชอบข่มขู่หรือบังคับให้คนอื่นทำตามความต้องการของตนชอบทำตัวเป็นเจ้าของคนอื่นชอบควบคุมความคิด ความรู้สึก และการกระทำของคนอื่นวิธีรับมือกับคนที่ชอบออกคำสั่ง บงการคนอื่น (1) เข้าใจสาเหตุก่อนอื่น เราควรเข้าใจสาเหตุว่าทำไมคน ๆ นั้นถึงชอบพูดซ้ำเติมเรา อาจเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจในตนเอง จึงต้องการทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เหมือนเขาต้องการอำนาจ จึงต้องการควบคุมคนอื่นให้ทำตามที่เขาต้องการขาดความรักและการยอมรับ จึงต้องการความสนใจจากคนอื่นเมื่อเราเข้าใจสาเหตุ เราก็จะสามารถหาวิธีรับมือได้อย่างเหมาะสม (2) อย่าเอาคำพูดของเขามาใส่ใจคำพูดของคนที่ชอบพูดซ้ำเติมมักมีจุดประสงค์เพื่อทำร้ายจิตใจเรา ดังนั้น หากเราเอาคำพูดของเขามาใส่ใจ เราก็จะรู้สึกแย่และเสียใจ ทางที่ดีควรฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง และอย่าปล่อยให้คำพูดของเขามาทำร้ายเราได้ จำไว้ว่าคำพูดร้าย ๆ ก็เหมือนก้อนหิน ถ้าเราไม่เอามาถือ ไม่เอามาแบกไว้ เราก็ไม่มีทางเหนื่อยหรือเจ็บตัวจากมัน (3) ตั้งสติและตอบโต้อย่างเหมาะสมหากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการฟังคำพูดของคนที่ชอบพูดซ้ำเติมได้ เราควรตั้งสติและตอบโต้อย่างเหมาะสม โดยอาจใช้วิธีดังนี้พูดความจริง บอกเขาว่าเรารู้สึกอย่างไรกับคำพูดของเขาปฏิเสธอย่างสุภาพ บอกเขาว่าเราไม่ชอบคำพูดของเขามองข้ามคำพูดของเขา ทำเป็นไม่ได้ยินหรือเห็นสิ่งที่เขาพูด ทำเป็นหูทวนลมไปเปลี่ยนเรื่องคุย พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยไปอย่างสุภาพ (4) ตัดความสัมพันธ์หากวิธีอื่น ๆ ไม่สามารถหยุดพฤติกรรมของคนชอบพูดซ้ำเติมได้ เราอาจจำเป็นต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา โดยอาจบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าเรารู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรมของเขา หรืออาจค่อย ๆ ถอยห่างจากเขาไปทีละน้อยสิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ปล่อยให้คำพูดของคนที่ชอบพูดซ้ำเติมมาทำร้ายจิตใจของเรา เราควรมีสติและมั่นใจในตัวเอง และพยายามหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเหมาะสม5. คนชอบโอ้อวด ชอบพูดเกทับเคยไหมคะ เวลาที่เราอยากเล่าถึงโมเมนต์ที่เรามีความสุข ประสบความสำเร็จ หรือไปเจอเรื่องราวดี ๆ แล้วมันจะมีคนนึงที่ชอบพูดเกทับโอ้อวดว่าเขาเคยได้มากกว่าเราอีก ได้เจอสิ่งที่ดีกว่าเราอีก จนเราต้องกลับมาเอ๊ะ...ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะเขาเป็นหนึ่งใน Toxic People ที่เรียกว่าคนชอบพูดเกทับ ไม่เคยยินดีกับความสุขของคนอื่นนอกจากนี้ คนแบบนี้ยังมักมีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความไม่มั่นใจในตนเอง เช่น การพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เหมือนตน การพยายามควบคุมคนอื่นให้ทำตามตน การพยายามข่มขู่หรือบังคับให้คนอื่นทำตามความต้องการของตน เป็นต้นวิธีรับมือกับคนชอบโอ้อวด ชอบพูดเกทับ(1) เข้าใจเหตุผลที่เขาทำก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมคน ๆ นั้นถึงชอบพูดเกทับเรา อาจเป็นเพราะเขามีปมด้อยบางอย่าง จึงต้องการยกย่องตัวเองเพื่อให้คนอื่นเห็นคุณค่าของเขา หรืออาจเป็นเพราะเขาต้องการความสนใจจากคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรเก็บคำพูดของเขามาใส่ใจ เพราะคำพูดของเขาสะท้อนให้เห็นถึงตัวเขาเองมากกว่าตัวเรา (2) หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเขาถ้าเรารู้สึกว่าคำพูดของเขาทำให้เรารู้สึกแย่ เราก็ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเขา เพราะยิ่งเราพูดคุยกับเขามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ควรใช้วิธีนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบกับเขา ปล่อยให้เขาพูดอยู่คนเดียว (3) ใช้วิธีนิ่งเฉยการนิ่งเฉยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับคนชอบพูดเกทับ เพราะถ้าเราโต้ตอบกับเขา ก็จะทำให้เขายิ่งรู้สึกสนุกสนานและอยากพูดเกทับเรามากขึ้น ดังนั้นถ้าเรานิ่งเฉย ไม่โต้ตอบกับเขา เขาก็จะเริ่มเบื่อและเลิกพูดเกทับเราไปเอง (4) ไม่พยายามเอาชนะเขาถ้าเราพยายามเอาชนะคนชอบพูดเกทับ เราก็จะยิ่งเสียเวลาและเหนื่อยเปล่า เพราะเขามักจะมีเรื่องมาพูดเกทับเราอยู่เสมอ ดังนั้นเราไม่ควรพยายามเอาชนะเขา เพราะยิ่งเราพยายามเท่าไหร่ เราก็ยิ่งแพ้เขาเท่านั้น (5) โฟกัสไปที่ตัวเองแทนที่จะไปสนใจกับสิ่งที่คนอื่นพูดหรือทำ เราควรโฟกัสไปที่ตัวเอง ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งในด้านการงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตส่วนตัว เมื่อเรามีคุณค่าในตัวเองแล้ว เราก็จะไม่ต้องสนใจกับคำพูดของคนอื่นอีก6. คนที่ชอบดราม่าให้ตัวเองน่าสงสารคนที่ชอบทำตัวให้คนอื่นรู้สึกสงสารอยู่ตลอดเวลา มักเป็นคนที่มีลักษณะดังนี้ขาดความมั่นใจในตัวเอง มักรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น จึงต้องการเรียกร้องความสนใจและความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นต้องการความรักและการดูแลจากคนอื่น มักรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง จึงต้องการเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเพื่อให้รู้สึกได้รับการรักและได้รับการดูแลชอบเล่าเรื่องของตัวเองที่เป็นเรื่องน่าเศร้าหรือน่าสงสารชอบเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น เช่น เรียกร้องให้คนอื่นฟังเรื่องของตัวเอง เรียกร้องให้คนอื่นช่วยดูแลตัวเอง เรียกร้องให้คนอื่นสงสารตัวเองชอบเรียกร้องความรักและการดูแลจากคนอื่น เช่น ชอบให้คนอื่นชมเชย ชอบให้คนอื่นปลอบโยน ชอบให้คนอื่นคอยอยู่ข้าง ๆวิธีรับมือกับคนที่ชอบทำตัวน่าสงสาร(1) ตั้งขอบเขตให้ตัวเองเราควรตั้งขอบเขตให้ตัวเองว่า เราจะให้ความช่วยเหลือเขามากน้อยแค่ไหน เช่น เราจะฟังเขาเล่าเรื่องของเขากี่ครั้งต่อวัน เราจะช่วยเหลือเขาในเรื่องอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เรารับพลังงานลบ ๆ จากเขามามากเกินไปจนเราไม่เหลือความสุขในชีวิต (2) ปฏิเสธอย่างสุภาพถ้าเรารู้สึกเหนื่อยใจหรือไม่อยากช่วยเหลือเขา เราก็ควรปฏิเสธอย่างสุภาพ เช่น เราอาจบอกว่า "ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกแย่ แต่ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องดูแลเหมือนกัน" หรือ "ฉันยินดีช่วยเธอ แต่เธอต้องช่วยตัวเองบ้างนะ" เป็นต้น อย่าพยายามทำตัวเป็นคนใจดีเกินไปจนมานั่งทุกข์กับตัวเองนะ จำไว้ว่า เราควรรักตัวเองให้มากที่สุด (3) หลีกเลี่ยงการตอบสนองถ้าเรารู้สึกว่าการตอบสนองของเราทำให้เขายิ่งทำตัวน่าสงสารมากขึ้น เราก็ควรหลีกเลี่ยงการตอบสนอง เช่น เราอาจนิ่งเฉย ไม่พูดอะไร หรือเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลย (4) ตัดเขาออกจากชีวิตหากพฤติกรรมของเขาส่งผลกระทบต่อเรามากเกินไป เราอาจต้องตัดสินใจตัดเขาออกจากชีวิตของเรา เพื่อปกป้องตัวเองจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นสิ่งสำคัญคือเราต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเราเห็นคุณค่าในตัวเขา และพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ7. คนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างคนประเภทที่ว่าต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง เป็น Toxic People ประเภทที่แสดงออกกับคนอื่นในลักษณะหนึ่ง แต่ในใจกลับคิดอีกอย่างหนึ่ง มักแสดงออกในเชิงบวกและเห็นอกเห็นใจต่อหน้าคนอื่น แต่ลับหลังกลับวิจารณ์หรือนินทาคนอื่นในทางไม่ดี อาจเป็นเพราะเขาต้องการกลบเกลื่อนความไม่มั่นใจในตัวเอง หรือต้องการยกย่องตัวเองให้ดูดีในสายตาคนอื่นคนประเภทนี้มักมีพฤติกรรมดังนี้แสดงออกในเชิงบวกและเห็นอกเห็นใจต่อหน้าคนอื่น เช่น ชมเชย ปลอบโยน ช่วยเหลือนินทาหรือวิจารณ์คนอื่นในทางไม่ดีลับหลัง เช่น พูดจาให้ร้าย ใส่ร้าย พูดลับหลังชอบพูดจาสองแง่สองง่าม เช่น พูดจาเชิงลบแต่ทำเป็นเชิงบวกชอบพูดจาประชดประชัน เช่น พูดจาเชิงเสียดสี พูดจาจาบจ้วงวิธีรับมือกับคนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง(1) หาวิธีรับมือกับอารมณ์ของตัวเองการเจอกับคนอย่าไหว้หลังหลอก อาจทำให้เรารู้สึกเสียใจ โกรธ หรือผิดหวังได้ ดังนั้นเราจึงควรหาวิธีรับมือกับอารมณ์ของตัวเอง เช่น หาเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวการหาวิธีรับมือกับอารมณ์ของเราจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติ(2) ตัดเขาออกจากชีวิตหากพฤติกรรมของเขาส่งผลกระทบต่อเรามากเกินไป เราอาจต้องตัดสินใจตัดเขาออกจากชีวิต เพื่อปกป้องตัวเองจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นการตัดเขาออกจากชีวิตเป็นวิธีสุดท้ายที่เราควรทำ แต่หากเรารู้สึกว่าเขาเป็นอันตรายต่อเรา หรือทำให้เรารู้สึกแย่มาก ๆ เราก็อาจต้องตัดสินใจทำ8. คนที่ชอบบั่นทอนความฝันToxic People ที่หลายคนเคยเจอไม่น้อยกว่าประเภทอื่น ๆ ก็คือพวกที่ชอบบั่นทอน ดูถูกความฝันของคนอื่น เวลาที่เราบอกออกไปว่าอยากทำอะไร คนประเภทนี้จะพูดทันควันว่า "อย่างเธอทำไม่ได้หรอก มันยากนะ" "อายุขนาดนี้แล้ว หัดคิดอะไรที่เป็นไปได้หน่อยสิ" หรือ "เลิกฝันได้เลย คนอย่างเธอไม่คู่ควร" และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งพฤติกรรมของ Toxic People พวกนี้มักมีสาเหตุมาจากความอิจฉา ความกลัว หรือการขาดความมั่นใจในตัวเอง บุคคลเหล่านี้อาจรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ หรือมีสิ่งที่ตนเองไม่มี พวกเขาจึงพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ลง เพื่อให้ตนเองรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นคนประเภทนี้มักใช้คำพูดหรือการกระทำต่างๆ ในการบั่นทอนความฝันของคนอื่น เช่นพูดจาดูถูกเหยียดหยามพูดจายุยงให้คนอื่นต่อต้านพูดจาให้คนอื่นกลัวพูดจาให้คนอื่นรู้สึกแย่กับตัวเองวิธีรับมือกับคนชอบบั่นทอนความฝันคนอื่น(1) อย่าเอาคำพูดของพวกเขามาใส่ใจสิ่งสำคัญคือเราต้องไม่เอาคำพูดของพวกเขามาใส่ใจ จำไว้ว่าพวกเขาพูดจาแบบนี้เพราะพวกเขาอิจฉาหรือกลัวเรา พวกเขาอาจรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อเห็นเราประสบความสำเร็จ หรือมีสิ่งที่ตนเองไม่มี พวกเขาจึงพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ลง เพื่อให้ตนเองรู้สึกดีกับตัวเองเราควรมองข้ามคำพูดของพวกเขา และมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันของเราต่อไป จงเชื่อมั่นในตัวเองและความสามารถของเรา เชื่อว่าเราสามารถประสบความสำเร็จได้ หากเรามุ่งมั่นและพยายามอย่างเต็มที่ (2) อย่าปล่อยให้พวกเขาทำลายความฝันของเราเราต้องไม่ปล่อยให้พวกเขาทำลายความฝันของเรา จงเชื่อมั่นในตัวเองและมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ จำไว้ว่าความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ไม่มีใครสามารถมากำหนดอนาคตของเราได้ นอกจากตัวเราเองหากเราเชื่อมั่นในตัวเองและมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันของเรา เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน (3) หาคนที่สนับสนุนเราการมีคนคอยสนับสนุนเรา จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น คนที่สนับสนุนเราอาจเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือคนที่รัก พวกเขาจะให้กำลังใจเรา และช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้หากเรารู้สึกแย่หรือหมดกำลังใจจากการถูกบั่นทอนความฝัน เราควรพูดคุยกับคนที่รักและเข้าใจเรา พวกเขาจะช่วยปลอบโยนและสนับสนุนเรา ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นและมีความหวัง สิ่งสำคัญคือเราต้องเลือกคนที่สนับสนุนเราจริง ๆ ไม่ใช่คนที่พยายามบั่นทอนความฝันของเราเช่นกัน9. คนชอบเอาเปรียบคนที่ชอบเอาเปรียบเป็น Toxic People ที่เห็นในสังคมในจำนวนมาก คือมีพฤติกรรมที่มุ่งหวังผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกหรือผลประโยชน์ของผู้อื่น คนกลุ่มนี้มักมีทัศนคติที่มองคนอื่นเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง พวกเขามักไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น และมักคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น มักมีพฤติกรรมดังนี้ใช้คนอื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เช่น ยืมเงินแล้วไม่คืน หลอกให้ทำงานฟรี หรือใช้ความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจไม่เคารพผู้อื่น เช่น พูดจาหยาบคาย ไม่ให้เกียรติผู้อื่น หรือใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่นขาดความรับผิดชอบ เช่น ไม่ทำตามสัญญา ไม่รักษาคำพูด หรือไม่ยอมรับผิดเห็นแก่ตัว เช่น สนใจแต่ตัวเอง ไม่เห็นคุณค่าของคนอื่น หรือมักคิดว่าตัวเองถูกเสมอวิธีรับมือกับคนชอบเอาเปรียบ(1) ตั้งขอบเขตให้ตัวเอง เช่น บอกเขาว่าเรายินดีช่วยเขา แต่มีขอบเขตแค่ไหนการตั้งขอบเขตให้ตัวเอง จะช่วยให้เราควบคุมความสัมพันธ์ของเรากับเขาได้ และป้องกันไม่ให้เขาเอาเปรียบเราจนเกินไป เช่น หากเพื่อนร่วมงานขอยืมเงินเรา เราอาจบอกเขาว่าเรายินดีให้ยืม แต่ไม่เกิน 1,000 บาท เป็นต้น (2) ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา หากเรารู้สึกว่าเขากำลังเอาเปรียบเราการปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา จะช่วยให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ถูกเขาควบคุมอยู่ เช่น หากเพื่อนร่วมงานขอให้เราทำงานฟรี เราอาจปฏิเสธเขาโดยบอกว่าเราไม่มีเวลา หรือหากแฟนขอให้เราทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการ เราอาจปฏิเสธเขาโดยบอกว่าเราต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เป็นต้น (3) บอกเขาว่าเราไม่พอใจกับพฤติกรรมของเขา หากเขาทำพฤติกรรมที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีการบอกเขาว่าเราไม่พอใจกับพฤติกรรมของเขา จะช่วยให้เขารู้ว่าพฤติกรรมของเขานั้นไม่เหมาะสม เช่น หากเพื่อนร่วมงานพูดจาหยาบคายกับเรา เราอาจบอกเขาว่าคำพูดของเขาทำให้เรารู้สึกไม่ดี หรือหากพ่อแม่บังคับให้เราทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เราอาจบอกพวกเขาว่าเราไม่สบายใจที่จะทำสิ่งนั้น เป็นต้น (4) ตัดเขาออกจากชีวิต หากเขาเป็นอันตรายต่อเราหากคน ๆ นั้นเป็นอันตรายต่อเรา เช่น ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจเรา เราอาจต้องตัดเขาออกจากชีวิตของเรา เพื่อปกป้องตัวเองจากพฤติกรรมของเขาสิ่งสำคัญคือเราต้องปกป้องตัวเองจากพฤติกรรมของคนประเภทนี้ อย่าปล่อยให้เขาเอาเปรียบเราจนทำให้เรารู้สึกแย่หรือเสียเปรียบ10. คนขี้โกหกคนขี้โกหกถือเป็น Toxic People ที่ก่อผลกระทบค่อนข้างรุนแรงกับคนรอบตัวรวมถึงตัวเขาเอง คนขี้โกหก มักมีพฤติกรรมที่ผิดปกติบางอย่าง เช่นชอบสร้างเรื่อง คนโกหกประเภทนี้มักจะชอบสร้างเรื่องขึ้นมาเอง เพื่อปกปิดความจริงหรือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง บางครั้งพวกเขาอาจสร้างเรื่องขึ้นมาอย่างละเอียดและซับซ้อน เพื่อให้ฟังดูน่าเชื่อถือจำรายละเอียดได้ไม่ดี คนโกหกประเภทนี้มักจะจำรายละเอียดของสิ่งที่พวกเขาโกหกได้ไม่ดีนัก พวกเขาอาจจำสับสนหรือลืมรายละเอียดบางอย่างไป ซึ่งอาจทำให้คนฟังจับพิรุธได้มีท่าทีประหม่า คนโกหกประเภทนี้มักจะมีท่าทีประหม่าหรือวิตกกังวลเมื่อถูกถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาโกหก พวกเขาอาจพูดจาวกวน พูดติดขัด หรือแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางที่ผิดปกติหลบเลี่ยงการตอบคำถาม คนโกหกประเภทนี้มักจะพยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่อาจทำให้พวกเขาถูกจับได้ พวกเขาอาจเปลี่ยนเรื่อง พูดจาวกวน หรือปฏิเสธที่จะตอบคำถามนั้นเลยวิธีสังเกตคนโกหกการสังเกตพฤติกรรมของคนโกหกอาจช่วยให้เราจับได้ว่าพวกเขากำลังโกหกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าลักษณะเหล่านี้ไม่ใช่ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับคนโกหก และอาจพบได้ทั่วไปในคนทั่วไป ดังนั้นจึงควรพิจารณาลักษณะอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อที่จะตัดสินว่าบุคคลนั้นเป็นคนโกหกหรือไม่สัญญาณที่บ่งบอกว่าบุคคลนั้นอาจกำลังโกหก เช่นพูดจาวกวน พูดติดขัดจำรายละเอียดบางอย่างผิดไปมีท่าทีประหม่าหรือวิตกกังวลหลบเลี่ยงการตอบคำถามพูดจาคลุมเครือ ไม่ชัดเจนเปลี่ยนเรื่องบ่อย ๆแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางที่ผิดปกติหากเราสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ในบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรตัดสินว่าเขากำลังโกหกโดยทันที ควรสอบถามหรือสังเกตพฤติกรรมของเขาเพิ่มเติม เพื่อที่จะแน่ใจว่าเขากำลังโกหกอยู่หรือไม่วิธีรับมือกับคนขี้โกหก (1) พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา กับบุคคลที่ชอบโกหก อธิบายว่าการกระทำของเขาส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของเราอย่างไร และเราอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างไร หากเขายินดีที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เราก็ควรให้กำลังใจและสนับสนุนเขา คอยช่วยเหลือเขาในการแก้ไขปัญหาที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมการโกหกของเขา เช่น ปัญหาความมั่นใจในตัวเอง ปัญหาทางอารมณ์ หรือปัญหาด้านบุคลิกภาพ(2) ใจเย็นและอดทน ในการรับมือกับคนที่ชอบโกหก อย่าพยายามบังคับให้เขายอมรับว่าเขากำลังโกหกอยู่ เพราะอาจทำให้เขารู้สึกอับอายหรือโกรธได้(3) หากเราเป็นคนนอกกับคนที่ชอบโกหก เราอาจเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการติดต่อกับเขา หรือหากจำเป็นต้องติดต่อกัน เราก็ควรระมัดระวังในการรับฟังคำพูดของเขา และควรตรวจสอบข้อมูลที่เขาให้ไว้อย่างรอบคอบบทความแนะนำhttps://intrend.trueid.net/post/393505ขอบคุณภาพหน้าปกภาพที่1: @drawlab19 / ภาพที่2: @drawlab19 / ภาพที่3: @drawlab19 / ภาพที่4: @drawlab19ขอบคุณภาพประกอบภาพที่1: @prostock-studio / ภาพที่2: @felicity-tai / ภาพที่3: @ekaterina-bolovtsova / ภาพที่4: @bestnj / ภาพที่5: @henri-mathieu/ ภาพที่6: @gettysignature / ภาพที่7: @elnur / ภาพที่8: @mooseimages / ภาพที่9: @imgenes-de-andres-barrionuevo-lopez / ภาพที่10: @gettyimagesHASHTAG#Toxicpeople #รับมือกับคนToxic #จิตวิทยา เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !