การเดินทางในยุคสมัยนี้มีให้เราเลือกมากมายหลายช่องทางซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การเดินทางโดย “เครื่องบิน” และปัจจุบันการเปิดให้บริการสายการบินแบบ Low cost เพิ่มมากขึ้น เป็นอะไรที่สะดวกสบายและรวดเร็วในสังคมยุคนี้มากยิ่งขึ้น ทำให้เราประหยัดทั้งเงินในกระเป๋าและเวลาในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับมือใหม่ที่กำลังตัดสินใจและกังวลในการเดินทางครั้งใหม่ ที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆ ลองเข้ามาอ่านตรงนี้แล้วการขึ้นเครื่องบินจะไม่ยากอีกต่อไป ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยก่อนอื่นเราต้องจองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อน หากเราทราบวันเวลาที่เราจะเดินทางที่ชัดเจนแล้ว แนะนำให้จองไว้ล่วงหน้าหลายๆวัน ราคาเครื่องจะถูกมาก วิดีโอ วิธีจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอฟ Traveloka จาก Pamstory Channel *ข้อควรรู้ก่อนการเตรียมตัวขึ้นเครื่องบิน*กระเป๋าสัมภาระสามารถนำขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 kg. ขนาดไม่เกิน 56*36*23 cm. สำหรับกระเป๋าถือหรือกระเป๋ากล้องไม่นับว่าเป็นสัมภาระ สามารถนำขึ้นเครื่องได้ (หากเกินนี้เราสามารถโหลดใต้ท้องเครื่องได้)ห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเกินชิ้นละ 100 ml. ซึ่งรวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 ml. (หากเป็นยาประจำตัวและเจลแอลกอฮอล์สามารถนำขึ้นเครื่องได้)ห้ามนำ Power bank โหลดใต้ท้องเครื่อง แต่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยขนาดไม่เกิน 32,000 mAhห้ามนำอาวุธ ของมีคม วัตถุไวไฟ สารอันตราย อาหารที่มีกลิ่นแรง ขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาดขั้นตอนในการขึ้นเครื่องบินการเดินทางจากบ้านไปสนามบิน จะต้องไปให้ถึงสนามบินก่อนเวลาบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (ต้องเผื่อเวลาที่ Check in และสแกนกระเป๋าสัมภาระด้วย)Check in ที่เคาน์เตอร์ของสายการบินที่เราจองไว้ โดยยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะยื่นใบ Boarding Pass (บัตรโดยสาร) มาให้เราตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ – นามสกุล Gate/ประตู Boarding time/เวลาบิน Seat/ที่นั่ง3. สแกนกระเป๋าและสัมภาระ ให้เราเดินไปตามป้ายผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ จะเจอจุดสแกนจะมีตะกร้าให้เราใส่สัมภาระทุกอย่าง หากใส่เข็ดขัดต้องถอดออกมาใส่ตะกร้าด้วย โทรศัพท์ นาฬิกา สิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง ต้องใส่ในตะกร้า (น้ำดื่มจะไม่สามารถนำเข้าไปได้จะต้องทิ้งก่อนเข้าเครื่องสแกน) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะวางตะกร้าใส่สายพาน x-ray แล้วให้เราเดินผ่านประตูตรวจจับโลหะ แล้วรับสัมภาระคืน4. ไปที่ Gate/ประตู ที่ระบุไว้ในใบ Boarding Pass เมื่อเจอ Gate/ประตู แล้วให้เช็คสายการบิน เที่ยวบิน เวลาบินนั้นว่าตรงกับ Boarding Pass ของเราหรือไม่ *ตัวอย่าง Boarding pass เบื้องต้น (อาจเปลี่ยนแปลงไปแต่ละสายการบิน)5. จากนั้นให้นั่งรอขึ้นเครื่อง ในระหว่างรอสามารถไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนเวลาเครื่องออก (เครื่องจะออกก่อนเวลาประมาณ 30 นาที) 6. เมื่อถึงเวลา จะมีเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่อง (จะเรียกตามราคาตั๋วแพงขึ้นก่อนและตามด้วยผู้โดยสารที่เหลือ) เจ้าหน้าที่จะขอดูบัตรประจำตัวประชาชนและ Boarding Pass ของเรา (ชื่อ-สกุล ในบัตรประจำตัวประชาชนจะต้องตรงกับ Boarding Pass ) แล้วขึ้นเครื่องได้7. ให้นั่งตามที่นั่งที่ระบุไว้ใน Boarding Pass หมายเลขจะติดอยู่ด้านบนบริเวณที่เก็บสัมภาระ โดยจะเรียงตามอักษรภาษาอังกฤษ A-Z (หากหาไม่เจอสามารถขอความช่วยเหลือกับแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตได้) แล้วเก็บสัมภาระไว้ชั้นบนของที่นั่ง ให้เก็บของมีค่าไว้กับตัวเสมอ8. เมื่อนั่งแล้วให้รัดเข็ดขัดให้พอดีกับตัว ปิดเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด ให้เราปฎิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ (เวลาTake Off และ Landing เราจะไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้) ในระหว่างบินใกล้จะถึงสนามบินปลายทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้เราทราบ9. เมื่อถึงสนามบินปลายทางแล้ว แอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตจะให้ลุกออกไปเป็นแถว ให้เรารอคิว เมื่อถึงคิวเราแล้วก็เตรียมเก็บกระเป๋าสัมภาระลงเครื่องได้เลย10. จากนั้นให้เราเดินไปตามป้ายผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ (หากใครโหลดของใต้ท้องเครื่องก็ไปรับที่สายพานได้เลย) แล้วก็ออกจากสนามบินได้เลยเป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับขั้นตอนวิธีการในการขึ้นเครื่องบิน เราหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้อ่านได้มากที่สุด ในการเดินทางทุกครั้งจะมีความตื่นเต้นและได้ประสบการณ์ต่างๆมากมายที่เราได้รับ “ครั้งแรกมันอาจจะเป็นการเดินทางที่แปลกใหม่ แต่เราเชื่อว่ามันจะพิเศษเสมอ”ขอให้เป็นการเดินทางที่มีความสุข เที่ยวให้สนุกนะคะ 😊🙏ขอบคุณภาพปก โดย Free-Photos จาก Pixabayภาพที่ 1 โดย JoshuaWoroniecki จาก Pixabayภาพที่ 2 โดย ผู้เขียนภาพที่ 3 โดย ผู้เขียนภาพที่ 4 โดย ผู้เขียนภาพที่ 5 โดย StockSnap จาก Pixabayภาพที่ 6 โดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !