หลายคนคงเคยสงสัยนะครับว่าทำไมคนเฒ่า คนแก่ ผู้สูงอายุหลายคนชอบห้ามเราไม่ให้ทำแบบโน่นไม่ให้ทำแบบทำนี้ แล้วมักบอกว่าเป็นความเชื่อมาแต่โบร่ำโบราณ ถ้าทำแล้วจะอัปมงคล ดวงจะไม่ดีบ้าง จะไม่มีโชคไม่มีลาภบ้าง และบางทีอาจจะถึงกับมีอันเป็นไปเกิดหายนะเลยทีเดียว จึงมีคำถามจากคนรุ่นหลังเสมอว่ามัน ‘จริง’ หรือ? ทำแล้วจะเกิดขึ้นจริงตามที่คนโบราณบอกไว้หรือเปล่านั้นผมก็ไม่ทราบได้ แม้บางครั้งหลายเหตุการณ์ที่เคยพบเจอก็ดูจะใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งที่จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน มีหลายความเชื่อที่มี ‘นัยยะ’ ที่แฝงไว้ด้วยเรื่องความปลอดภัยของคนในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง และหลายความเชื่อก็ยังใช้ได้อยู่เสมอแม้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม วันนี้เลยขอแชร์กันครับว่า ‘ความเชื่อ’ เหล่านั้นที่คนเก่าคนแก่ห้ามไว้ มันมี ‘ความจริง’ ที่เขาต้องการสื่ออะไรบ้าง1. ‘ผึ้งทำรังในบ้าน บ้านนั้นจะมีโชค มีลาภ อย่าไปไล่’ความเชื่อ ‘ถ้าบ้านไหนมีผึ้งมาทำรังอยู่ในบ้านหรือบริเวณบ้านไม่ว่ารังเล็กหรือรังใหญ่ คนโบราณเชื่อกันว่าบ้านหลังนั้นจะมีโชค มีลาภ เพราะผึ้งเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ขยันทำงาน อย่าไปไล่หรือทำลายรังผึ้งโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้บ้านนั้นเกิด ความหายนะ ได้’ความจริง แม้จะเป็นตัวแทนของสัตว์ตัวเล็กที่ขยัน แต่ผึ้งก็เป็นสัตว์มีพิษ คนโบราณกลัวว่าถ้าเราไปตีรังผึ้งเพื่อไล่ออกไป จะทำให้ผึ้งแตกรังไล่ต่อยคนในบ้านได้ หลายคนอาจมีอาการแพ้พิษผึ้งรุนแรง สมัยก่อนการเข้าถึงยาการรักษาพยาบาลยาก หากใครโดนผึ้งต่อยแล้วมาอาการแพ้พิษผึ้งอาจจะรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้ง่ายๆ เหมือนกัน จึงทักจึงห้ามกันไว้ก่อน แล้วทุกวันนี้ถ้าเราเจอรังผึ้งในบ้านแล้วก็ทำยังไงดีละ ผมขอแนะนำแบบนี้ครับ หากอยู่ในสวนในพื้นที่ที่ดูไม่เป็นอันตรายกับคนในบ้านก็ควรปล่อยไว้แบบนั้น แต่หากอยู่ใกล้มากหรือในตัวบ้าน เช่น บนประตู บนชายหลังคา หรือบ้านเรามีคนแก่ มีเด็ก ก็ควรจะกำจัดแต่เนิ่น ๆ ป้องกันไม่ให้รังมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การใช้ควันไฟไล่ ใช้สเปรย์ไล่แมลงฉีด หรือให้คนที่ชำนาญเก่ง ๆ มาไล่เขาออกไปแทนครับ2. ‘ให้ก้าวเท้าขวาออกจากบ้านก่อนเท้าซ้าย จะมีโชค’ความเชื่อ ‘ก่อนออกจากบ้านไม่ว่าจะออกไปทำธุระอะไรก็แล้วแต่ คนโบราณจะให้ก้าวเท้าขวาออกจากบ้านก่อนเท้าซ้ายเสมอ เมื่อทำแบบนี้แล้วจะทำให้วันนั้นโชคดี ไม่ว่าจะทำงานการใดก็จะมีแต่ ความสำเร็จ ดั่งใจที่หวังไว้’ความจริง ทุกครั้งก่อนที่เราจะออกจากบ้านควรมีสติ รู้ตัวเองว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน การให้ก้าวเท้าขวาออกจากบ้านก่อนนั้น ก็เพื่อต้องการให้เรา มีสติ ก่อน ให้ใจเย็นลงนิดหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนวิ่งออกจากบ้านไป ช้าลงนิดจะได้ฉุกคิดว่าลืมอะไรหรือเปล่า เตรียมตัวพร้อมหรือยังก่อนไปทำธุระนั้น แต่บังเอิญคนส่วนใหญ่จะถนัดขวา เลยแนะนำให้ใช้เท้าที่ถนัดในการก้าวออกมาก่อน ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ไม่ล้าสมัยเลยครับ ผมเองก็ยังทำอยู่เสมอ ๆ แต่ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะก้าวเท้าขวาหรือเท้าซ้ายออกก่อน แค่ทุกครั้งที่จะออกพ้นประตูบ้านก็หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนก้าวเท้าออกไป แม้บางทีบางวันงานนั้นก็ไม่ได้สำเร็จดั่งใจเท่าไหร่หรอก แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่ลืมกุญแจบ้านครับ3. ‘ห้ามกวาดบ้านในเวลากลางคืน’ ความเชื่อ ‘โบราณว่าไว้ถ้าใครปัดกวาดบ้านในตอนกลางคืน จะกวาดเงินกวาดทองที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าออกไปหมด’ความจริง สมัยก่อนเราไม่มีไฟฟ้าใช้พอตกกลางคืนมันช่างมืดมิด มองไม่เห็นอะไรเลย การที่เรากวาดบ้านในตอนกลางคืนนั้น เลยมีความเสี่ยงสูงที่จะไปปัดกวาดโดนข้าวของเครื่องใช้หล่นแตกเสียหาย หรือเดินชนโน้นชนนี้ไปทั่ว อาจเกิดอุบัติเหตุเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย การกวาดบ้านตอนกลางคืนจึงไม่น่าจะมีความปลอดภัยเท่าไหร่นั้นเอง แม้ยุคนี้สมัยนี้จะนิยมใช้เครื่องดูดฝุ่นกันแทนไม้กวาด อีกทั้งไฟฟ้าแสงสว่างก็ไม่เป็นอุปสรรคของการทำความสะอาดบ้านตอนกลางคืนแล้วก็ตาม แต่ก็อยากเตือนหลายท่านไว้หน่อย โดยเฉพาะที่พักอาศัยในคอนโด ทาวเฮาร์ท ห้องเช่าต่าง ๆ การใช้เครื่องดูดฝุ่นในเวลากลางคืนไม่ได้กวาดหรือดูดเงินทองที่หามาได้เมื่อตอนกลางวันออกไปหรอกครับ แต่เสียงของมันนั้นดังและสร้างความรำคาญให้คนอื่นที่อยู่รอบข้างได้อยู่พอตัว หากเราลุกขึ้นมาดูดฝุ่นตอนดึกแล้ว อาจจะทำให้ทะเลาะกับเพื่อนบ้านที่เขาต้องการพักผ่อนได้ง่ายๆ เช่นกัน4. ‘ห้ามผู้หญิงที่ตั้งท้องไปงานศพ เพราะวิญญาณจะเข้าเด็กในท้อง’ความเชื่อ ‘ถ้าหญิงตั้งท้อง มีครรภ์ไปงานศพ จะถูกวิญญาณคนตายเข้ารบกวนหรือทำร้ายเด็กในครรภ์ ทำให้เด็กเกิดอันตรายได้’ความจริง หญิงตั้งครรภ์เป็นคนที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ สมัยก่อนนั้นการเดินทาง การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า สถานพยาบาลมีน้อยหรืออยู่ไกลเข้าถึงลำบาก หากหญิงตั้งครรภ์ไปงานศพแล้วเกิดปวดท้องจะคลอดหรือเจ็บป่วยกระทันหันขึ้นมา การดูแลหรือพาไปหาหมอหายา หาหมอตำแยนั้นจะลำบากดูทุลักทุเล คนเก่าคนแก่เลยต้องการให้อยู่บ้านดูแลกันให้ดีมากกว่าจะต้องเดินทางไปที่อื่น ปัจจุบันความเชื่อนี้ยังคงมีคนถือกันหลายคนเห็นได้จากในงานศพมักจะไม่มีคนตั้งท้องไปร่วมงาน ที่แม้ว่าเรื่องการแพทย์ การเข้าถึงการรักษาจะดีขึ้นมาก แต่งานศพเป็นบรรยากาศของการสูญเสีย ความโศกเศร้าและหดหู่ สำหรับหญิงตั้งครรภ์แล้วก็ดูไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่จริงๆ5. ‘ตัดเล็บตอนกลางคืน วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข’ ความเชื่อ ‘หากใครตัดเล็บมือหรือเล็บเท้าในตอนกลางคืน จะทำให้วิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วอยู่ไม่เป็นสุข’ความจริง สมัยก่อนนั้นวิธีตัดเล็บเราจะใช้มีดเจียนหมากหรือมีดเล็กๆ ค่อยๆ ตัดเล็บมือเล็บเท้า เวลากลางคืนมีเพียงตะเกียงดวงเล็ก แสงไฟสลัวๆ เท่านั้น จึงดูจะเป็นอันตรายมาก อาจจะเกิดมีดบาดนิ้วมือนิ้วเท้าเราได้ จึงห้ามไว้นั้นเอง แม้ยุคนี้สมัยนี้ไฟฟ้าจะสว่างทั้งวันทั้งคืนไว้แต่สำหรับกิจกรรมที่ต้องใช้ ของมีคม นั้นระวังๆ ไว้หน่อยก็ไม่เสียหายนะครับ6. ‘ถ้าได้ยินเสียงเรียกชื่อในเวลากลางคืน ห้ามขานรับ’ความเชื่อ ‘ถ้าได้ยินเสียงร้องทัก หรือเรียกชื่อเราในเวลากลางคืนห้ามขานรับ เชื่อว่าเป็นเสียงของดวงวิญญาณ ที่อาจจะมาหลอกหลอน หรือหากเราขานรับเสียงเรียกจะเป็นการเชิญวิญญาณนั้นเข้าบ้านได้’ความจริง สมัยก่อนแต่ก่อนนั้นบ้านเรือนมีน้อย และอยู่ห่างกันไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบหลังคาชนกันเหมือนทุกวันนี้ อีกทั้งในเวลากลางคืนที่มืดมิดนั้น การจี้การปล้นก็มีอยู่บ่อย หากได้ยินเสียงเรียกชื่อในตอนกลางคืน อย่าพึ่งรีบร้อนขานรับ ควรดูให้ดีก่อนว่าเสียงเรียกนั้นมาจากที่ไหน มาจากใคร เพราะอาจเป็นเสียงของโจรผู้ร้ายที่ร้องเรียกเพื่อล่อให้เราออกมาแล้วทำร้ายเอาได้ ความเชื่อนี้ผมว่าเอามาปรับกับไลฟ์สไตล์ของชีวิตในปัจจุบันได้ดีมากๆ นะครับ เพียงเปลี่ยนการจากเรียกชื่อขานชื่อ มาเป็นให้เราคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จะตกปากรับคำใคร เมื่อถูกเขา ‘ชักชวน’ ให้ร่วมทำอะไรด้วยซักอย่าง พิจารณาให้ดีก่อนตอบรับกับเขาไป แล้วจะได้ไม่เสียใจกันภายหลัง7. ‘ขึ้นลงบันไดอย่าก้าวทีละหลายขั้น จะทำให้ทำมาหากินไม่สำเร็จ’ ความเชื่อ ‘โบราณว่าไว้ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงบันได ให้ก้าวทีละก้าว ขึ้นลงทีละขั้น อย่าก้าวทีเดียวสามชั้น จะทำให้ทำมาหากินไม่สำเร็จ’ความจริง เหมือนมีเหตุผลเพราะไม่ว่าเราจะทำงานอะไรก็ตาม การทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามแผนขั้นตอน อย่าเกินความสามารถหรือข้ามขั้นตอนนั้น ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง คล้ายการขึ้นลงบันได แต่หลายคนบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาใช้ลิฟท์กันแล้วครับ ที่เก่าคนแก่ห้ามขึ้นลงบันไดทีละหลายขั้นเพราะห่วงความปลอดภัยมากกว่า เพราะอาจทำให้เราพลาด ตกบันไดบาดเจ็บ ได้ง่ายจากการก้าวทีละหลายขั้นนั้นเองครับ8. ‘อย่าลูบศีรษะของเด็ก ศีรษะเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์’ความเชื่อ ‘โดยเฉพาะกับเด็กไทย คนไทยจะถือว่าศีรษะถือเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์ อยู่สูงคนอื่นไม่ควรลูบเล่นหรือไม่ควรให้ใครลูบเล่น’ความจริง เด็กทารกแรกเกิดนั้นศีรษะจะมีบริเวณที่ กะโหลกศีรษะ ยังไม่เชื่อมกัน บริเวณนั้นจะอ่อน นุ่ม มองเห็นเต้นตุบ ตุบ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะมีอยู่ที่บริเวณตรงกลางศีรษะและที่ท้ายทอย ซึ่งจะเชื่อมปิดสนิทเมื่ออายุ 18 – 24 เดือน ผู้ใหญ่จึงไม่ควรไปลูบศีรษะเด็กในช่วงวัยนี้เพราะอาจเกิดบาดแผล หรืออันตรายกับเด็กได้ครับ9. ‘ตัวเงินตัวทองเข้าบ้าน จะโชคดี’ความเชื่อ ‘โบราณท่านว่าตัวเงินตัวทองเข้าบ้านใคร บ้านนั้นจะโชคดี ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่ตีไล่เขาออก’ความจริง ด้วยชื่อและพฤติกรรมที่มักพบในแหล่งน้ำที่สกปรก หากินชากสัตว์ กินของเน่าเปื่อยหรือแอบขโมยกินไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ก็บ่อย ตัวเงินตัวทองเลยกลายเป็นสัตว์ที่คนส่วนใหญ่รังเกียจ และมองว่าเป็นสัตว์อัปมงคล คนโบราณจึงคิดกุศโลบายให้เราเกิดความสบายใจ หากพบว่ามันเข้าบ้านใครบ้านนั้นจะโชคดี ไม่ควรตีหรือไปทำร้ายสัตว์ชนิดนี้นั้นเอง อีกทั้งพวกสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงหากเข้ามาในบ้าน เราไม่ควรเอะอะ ส่งเสียงไล่ให้มันตกอกตกใจ เพราะพวกนี้ตกใจหรือหวาดกลัวแล้วมันอาจเข้าทำร้ายเราได้ง่ายๆ หากมันไปยอมออกไปเองจริงหน่วยกู้ภัย หน่วยอาสาในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถช่วยเราได้ ถ้าไม่เก่งไม่ชำนาญไม่แนะนำให้จับเองจริงๆ ครับ10. ‘อย่าชี้นิ้วไปที่รุ้งกินน้ำ จะทำให้นิ้วมือกุด’ความเชื่อ ‘ถ้าใครเห็นรุ้งกินน้ำ แล้วใช้ชี้นิ้วไปที่รุ้งกินน้ำ จะทำให้นิ้วมือกุด’ความจริง เรามักจะเห็นรุ้งกินน้ำได้ก็ตอนหลังฝนตกใช่เปล่าครับ ซึ่งส่วนใหญ่ช่วงนี้จะยังมีละอองฝนและพื้นยังเปียกยังมีน้ำขังอยู่ หากเดินหรือวิ่งอาจจะทำให้เกิดลื่นล้มได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเด็กๆ มักจะชอบออกมาวิ่งเล่นหลังฝนตก เมื่อเห็นรุ้งกินน้ำแล้วอาจจะวิ่งเล่นชี้มือชี้ไม้ให้กันดูไปด้วย หากลื่นล้มนิ้วมืออาจจะทิ่มตาหรือบาดเจ็บได้ เราจึงมักพบคนแก่เตือนเด็กแบบนี้เป็นประจำจริงแล้วผมว่าคำเตือน ข้อห้าม ของคนโบราณหรือคนแก่นั้น หลายเรื่องไม่ได้เก่าหรือล้าสมัยไปเลย ความเชื่อส่วนใหญ่มักจะต้องการสอนต้องการเตือนให้เรามีสติ คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก แต่วัฒนธรรมไทยเรามักจะเชื่อมโยงอยู่กับความเชื่อ เรื่องดวง โชคชะตา การบอกตรงๆ อาจจะทำให้เชื่อยากหน่อย เลยต้องใช้กุศโลบายใช้อุบายเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่เชื่อฟังบ้าง ผมว่าหลายข้อก็ยังไม่ตกยุคตกสมัยยังคงใช้ได้ดี คำว่า ‘อาบน้ำอุ่นมาก่อน’ ยังใช้ได้อยู่เสมอนะครับ เครดิตทั้งหมดจาก pixabayภาพปก โดย Leslin_Liu / ภาพที่ 1 โดย PatoSan / ภาพที่ 2 โดย brenkee / ภาพที่ 3 โดย terimakasih0 ภาพที่ 4 โดย Syaibatulhamdi / ภาพที่ 5 โดย Tama66 / ภาพที่ 6 โดย JuNa / ภาพที่ 7 โดย KasunChamara7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์