หลายๆ คนใช้คอมพิวเตอร์อาจจะไม่เคยรู้จักคำสั่งเหล่านี้ แต่ถ้ารู้ไว้บ้างจะดีมากเลย เอาไว้เวลาจะหาข้อมูลบางอย่างที่ต้องใช้ หรือแก้ปัญหาบางอย่าง บางคำสั่งสามารถเอาไว้ตรวจสอบได้ด้วยว่าเน็ตเวิร์คของเรามีปัญหาหรือเปล่าในที่นี้จะทดลองใช้งานคำสั่งทั้ง 10 บน Microsoft Windows 10 ซึ่งจริงๆ แล้ว Microsoft Windows รุ่นอื่นๆ ก็มีคำสั่งเหล่านี้เหมือนกัน และจริงๆ แล้วบางคำสั่งเราไม่ต้องใช้คำสั่งในการพิมพ์ก็ได้ มันมีหน้าต่างโปรแกรมให้กดเข้าไปดูอยู่แล้ว แต่การใช้คำสั่งในการพิมพ์ (command) จะเร็วกว่ามากๆ เลย ไปดูกันว่า 10 คำสั่งพื้นที่ฐานที่ควรรู้ไว้ มีอะไรบ้างก่อนเริ่มคำสั่งทั้ง 10 เราจะต้องเข้าหน้า command prompt ใน Microsoft Windows 10 ซะก่อน วิธีง่ายๆ ก็แค่กดปุ่ม Windows Key + R บนคีย์บอร์ดจะพบกับหน้าต่าง Run หลังจากนั้นพิมพ์คำสั่ง "cmd" เพื่อเรียกหน้าต่าง command prompt ขึ้นมาได้เลย(ภาพแสดงหน้าต่าง Run บน Microsoft Windows) 1. Pingใน 10 คำสั่งพื้นฐาน Ping เป็นคำสั่งแรกที่ควรรู้ และส่วนใหญ่น่าจะรู้จักคำสั่งอยู่บ้างแล้วคำสั่ง Ping ทำอะไรหล่ะ?คำสั่ง Ping เอาไว้ทดสอบว่าเราเข้าถึงอุปกรณ์หรือเน็ตเวิร์คปลายทางที่ต้องการเชื่อมต่อหรือไม่ ซึ่งผลจากการ Ping จะส่งกลับมาในลักษณะของข้อความ 4 บรรทัด ถ้าไม่มีข้อมูลส่งกลับมาอาจจะเป็นไปได้ว่าเน็ตเวิร์คของเรามีปัญหาหรือเราระบุเลขหมายปลายทางไม่ถูกวิธีการใช้งานping [host][host] คือชื่อหรือเลขหมายไอพีแอดเดรส (IP address) ของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราต้องการเชื่อมต่อหรืออาจจะเป็น server อย่างเช่น (google.com) (ภาพแสดงการใช้งานคำสั่ง ping)สำหรับการใช้งานคำสั่ง ping แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ Ping command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 😎 2. IPConfigคำสั่งต่อมาคำสั่ง IPConfig ก็เป็นคำสั่งพื้นฐานที่หลายๆ คนก็น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วเช่นกัน สำหรับคำสั่ง IPConfig เป็นคำสั่งที่แสดงข้อมูลพื้นฐานของ IP adderss ที่ถูกกำหนดอยู่ในเครื่องของเราที่ Microsoft Windows กำลังทำงานด้วยอยู่ ซึ่งคำสั่ง IPConfig สามารถที่จะแสดงข้อมูลของอุปกรณ์เน็ตเวิร์คทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องของเราได้ด้วยนะวิธีการใช้งานipconfigผลที่ได้จากการใช้งานคำสั่ง IPConfig คือข้อมูลเบื้องต้นของ IPv4 และ IPv6 (IP Address version 4 และ 6) รวมไปถึง Default Gateway และ Subnet Mask นอกกจากนี้ ถ้าเราใส่พารามิเตอร์ /all ตามหลังคำสั่ง ผลที่ได้ก็จะมี DNS Server และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย(สำหรับคนที่อ่านแล้วงงว่า IPv4, IPv6, Default Gateway, Subnet Mask, DNS Server คืออะไร ไว้มีโอกาสจะมาพูดถึงนะ(ภาพแสดงการใช้งานคำสั่ง ipconfig)สำหรับการใช้งานคำสั่ง ipconfig แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ IP Config command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 3. getmac หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าอุปกรณ์เกี่ยวกับเน็ตเวิร์คทั้งหมดที่จะเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายหรือเน็ตเวิร์คต่างๆ รวมไปถึงอินเตอร์เน็ตจะต้องมีเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกับอุปกรณ์ใดๆ เลย เราจะเรียกเลขนั้นว่า MAC address ซึ่งเจ้าตัว MAC address นี้ถูกกำหนดมาตั้งแต่การผลิตในโรงงาน บางครั้งเราอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมต้องรู้จัก MAC address ด้วยหล่ะ ก็บางครั้งเหล่าผู้ดูแลระบบหรือเหล่า IT ทั้งหลายจำเป็นต้องเอา MAC address เหล่านี้หล่ะ ไปใส่ในระบบต่างๆ เพื่อกำหนดสิทธิ์ในการเข้าใช้งานวิธีการใช้งานgetmacผลที่ได้จากคำสั่ง getmac ก็จะมี MAC address แสดงออกมา เราก็สามารถคัดลอกให้ไปผู้ดูแลระบบได้เลยสำหรับการใช้งานคำสั่ง getmac แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ Getmac command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 4. Hostnameคำสั่งนี้เอาไว้ดูชื่อเครื่องของเราว่าถูกกำหนดไว้ว่าอะไร คำสั่งนี้ไม่ยากด้วยนะครับ จำเอาไว้จะดีมากเลย แทนที่จะต้องไปหาดูใน This PC หรือ My Computer ให้เสียเวลา บางทีมองหาไม่เจอด้วย ใช้ command สั่งๆ สบายเลยวิธีการใช้งานhostnameผลที่ได้จากคำสั่ง hostname ก็จะได้ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์แสดงออกมา สำหรับการใช้งานคำสั่ง hostname แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ HostName command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 5. NSLookUpคำสั่ง NSLookUp เป็นคำสั่งที่เอาไว้ตรวจสอบ Domain Name System (DNS) และกาารใช้คำสั่ง NSLookUp โดยไม่ระบุพารามิเตอร์นั้นจะได้ผลลัพธ์เป็น DNS server ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราใช้ในการแปลงจากชื่อ domain name เป็น IP address ว่าแต่ DNS คืออะไร? คือจริงๆ แล้วเวลาเราใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือเว็บต่างๆ หรืออุปกรณ์ในเครือข่ายนั้นคอมพิวเตอร์จะคุยกันด้วยเลขที่เรียกว่า IP address แต่จะให้เรามานั่งจำเลข IP address แทนการจำชื่ออุปกรณ์หรือชื่อเว็บก็คงไม่ไหว ตัว DNS เลยถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แปลง URL หรือชื่อเว็บต่างๆ ที่เราใช้งานไปเป็นตัวเลขเพื่อให้คอมพิวเตอร์รู้จักนั่นเองวิธีการใช้งานnslookup [host]ผลที่ได้จากคำสั่ง nslookup โดยไม่ใส่พารามิเตอร์ก็จะได้ DNS server ที่เรากำลังใช้งานอยู่(ภาพแสดงการใช้งานคำสั่ง NSLookUp)ในกรณีที่ใส่ parameter host เช่น google.comผลที่ได้ก็จะเป็นการดูว่า google.com นั้นมีเลข IP address หมายเลขอะไร(ภาพแสดงการใช้คำสั่ง nslookup โดยใส่พารามิเตอร์หรือชื่ออุปกรณ์หรีอเว็บที่ต้องการทราบ IP address)สำหรับการใช้งานคำสั่ง nslookup แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ NSLookUp command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 6. Tracert คำสั่ง Tracert เอาไว้ตรวจสอบเส้นทางการเดินทางจากคอมพิวเตอร์ของเราไปยังอุปกรณ์ปลายทางว่าผ่านทางเส้นทางใดหรืออุปกรณ์ใดบ้าง ในกรณีที่ไปติดขัดอยู่ที่อุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งจะได้หาทางตรวจสอบและแก้ไขต่่อไป โดยการใช้งานผลลัพธ์ที่ใดจะแสดงออกมาเป็นรายอุปกรณ์ต่อหนึ่งบรรทัด (ภาษาอังกฤษเค้าจะเรียกแต่ละอุปกรณ์ที่ผ่านไปนี้ว่า hop บอกไว้เผื่อไปได้ยินคำนี้ที่ไหนอีก 😅)อ๋อ คำสั่งนี้อาจจะยากเกินไป เพราะจะมีแต่ข้อมูลที่ดูแล้วไม่รู้เรื่อง แต่รู้เบื้องต้นไว้ ว่าใช้ทำอะไร ผลที่ได้จะประมาณไหน เผื่ออนาคตอยากศึกษาเพิ่มเติมให้มากขึ้นไปอีกวิธีการใช้งานtracert [host]โดยที่ host คือชื่อหรือ IP address ที่เราต้องการตรวจสอบเช็ก google.com เป็นต้นผลที่ได้จากคำสั่ง tracert ก็จะแสดงผลลัพธ์ออกมาว่าการที่เราจะเดินทางไปยัง host ปลายทางนั้นต้องผ่านอุปกรณ์อะไรบ้างหมายเหตุ ถ้าเราใส่พารามิเตอร์ /d ต่อท้ายคำสั่ง tracert จะทำให้การแสดงผลลัพธ์นั้นเร็วมากขึ้น เพราะโดยปกติแล้วคำสั่ง tracert กว่าจะตรวจสอบแต่ละ hop จะใช้เวลาค่อนข้างนานนะครับ 😃(ภาพแสดงการใช้คำสั่ง tracert)สำหรับการใช้งานคำสั่ง tracert แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ Tracert command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 7. Netstatคำสั่ง Netstat ใช้แสดง TCP connections ที่เชื่อมต่ออยู่ รวมถึง port ที่ใช้งาน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่ามีเซอร์วิสหรือมีโปรแกรมอะไรบ้างที่ใช้งานเน็ตเวิร์คอยู่หรือใช้พอร์ตหมายเลขอะไรอยู่ เผื่อว่าบางครั้งเราอาจจะไม่ต้องการให้บางโปรแกรมใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายเราจะได้ไปปิดไว้ได้วิธีการใช้งานnetstatผลที่ได้จากคำสั่ง netstat คือคอนเนคชั่นทั้งหมดจากโปรแกรมหรือเซอร์วิสต่างๆ ที่ใช้งานเครือข่ายหรืออินเตอร์เน็ตอยู่(ภาพแสดงการใช้คำสั่ง Netstat)สำหรับการใช้งานคำสั่ง netstat แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ Netstat command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 8. Arpใน Microsoft Windows จะมีข้อมูลที่ชื่อว่า Arp (Address Resolution Protocol) เก็บไว้เป็นแคช (cache) แล้ว arp เอาไว้ทำอะไร เอาง่ายๆ เจ้าตัว arp เนี่ยจะเก็บ IP address เทียบไว้กับ Physical address ของอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจะเก็บของที่ใช้บ่อยๆ ไว้ เวลาคอมพิวเตอร์จะคุยกับอุปกรณ์ต่างๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหา Physical address อีกให้เสียเวลา มาหาที่ arp ก่อนเลยวิธีการใช้งานarp /aสำหรับการใช้งานคำสั่ง arp แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ Arp command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 9. Pathpingคำสั่งนี้ เอาง่ายๆ ก็เป็นคำสั่ง ping กับคำสั่ง tracert รวมตัวกัน โดยจะให้ข้อมูลว่าการไปยังอุปกรณ์ปลายทางนั้นจะผ่านอุปกรณ์อะไรบ้าง ไอพีแอดเดรสหมายเลขอะไรในแต่ระหว่าง hop นอกจากนี้ยังแสดงสถิติของการวิ่งผ่านอุปกรณ์แต่ละตัวว่าส่งผ่านได้เท่าใดและมีการสูญหายของข้อมูลบ้างหรือไม่วิธีการใช้งานpathping [host]โดยที่ host คือชื่อหรือ IP address ที่เราต้องการตรวจสอบเช็ก google.com เป็นต้นผลที่ได้จากคำสั่ง pathping ก็จะแสดงผลลัพธ์ออกมาว่าการที่เราจะเดินทางไปยัง host ปลายทางนั้นต้องผ่านอุปกรณ์อะไรบ้างโดยแสดงไอพีแอดเดรสออกมาด้วย(ภาพแสดงการใช้คำสั่ง pathping)สำหรับการใช้งานคำสั่ง pathping แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ PathPing command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ 10. SystemInfoคำสั่งสุดท้ายนี้เป็นคำสั่งที่แสดงรายละเอียดต่างๆ ของ Microsoft Windows 10 ที่เราใช้งานอยู่ ทั้งชื่อเครื่อง, CPU, RAM, Network Card และ Hotfixes หรือ อัพเดทต่างๆ ของ Microsoft Windows ที่เราาลงไว้วิธีกการใช้งานsysteminfoสำหรับการใช้งานคำสั่ง systeminfo แบบละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ SystemInfo command เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ อ๋อ คำสั่งที่นำมาพร้อมทั้งตัวอย่างนี้เป็นเพียงคำสั่งและตัวอย่างเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ แนะนำให้ศึกษาและทดลองใช้เพิ่มเติมเพื่อใช้ประโยชน์จากคำสั่งเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ 😁 ภาพโดยนักเขียนหมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´(エ)`〕เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !