9 มิถุนายน 2021 เป็นวันที่กัปตันทีมลิเวอร์พูล "จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" ลงเล่นให้กับทีมดังจากเมอร์ซี่ไซด์ครบ 10 ปี ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วกัปตันทีมหัวเจลผู้นี้ยังมีสถานะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยก่อนที่เขาจะย้ายมาเล่นให้ทีมหงส์แดงนั้นเข้าเป็นนักเตะลูกหม้อของทีมแมวดำซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่เขาเกิดและโตที่นั่น เจ้าหนูเฮนโด้ในวัยกำลังจะครบ 21 ปีถือว่าเป็นที่น่าจับตามองจากทีมต่าง ๆ ในประเทศ ณ ขณะนั้นเป็นอย่างมากเพราะในฤดูกาล 2010-2011 นั้นเจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมดถึง 39 เกมทำไป 3 ประตู ถือเป็นจำนวนการลงเล่นที่เยอะไม่น้อยสำหรับดาวรุ่ง จากผลงานในฤดูกาลดังกล่าวส่งผลให้ "เฮนโด้" ได้รับการโหวตจากแฟนบอลให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรในปีนั้น ชื่อของเฮนเดอร์สันมาตกเป็นข่าวอีกครั้งในการย้ายทีมมาสู่รั้วแอนฟิลด์ด้วยค่าตัวที่ไม่น้อยในยุคนั้น เป็นเงินจำนวน 20 ล้านปอนด์ โดยฤดูกาลแรกของเขากับลิเวอร์พูลนั้น เขาได้ทำงานร่วมกับอดีตผู้เล่นและผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูลอย่าง "เคนนี่ ดัลกริช" ซึ่งเป็นดัลกริชที่จับเขาไปเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ทางด้านขวาโดยที่ตัวเขาก็ก้มหน้ายอมรับหน้าที่ที่ผู้จัดการทีมมอบให้แบบไม่ปริปากบ่น ลิเวอร์พูลจบฤดูกาลด้วยการคว้าถ้วยลีกคัพ (คาราบาว คัพ ในปัจจุบัน) ซึ่งฟอร์มของเฮนเดอร์สันก็ยังไม่ได้เป็นที่ประทับใจของแฟนบอลมากนัก ในยุคที่ "เบรนเดน ร็อดเจอร์" เข้ามาสานงานต่อจาก "คิงเคนนี่" ร็อดเจอร์ก็ยังคงมีการใช้งานเฮนเดอร์สันอยู่ แต่ถึงอย่างไรร็อดเจอร์ก็ยังมองว่าทีมของเขายังคงต้องการผู้เล่นเข้ามาเสริมซึ่งตัวร็อดเจอร์มองไปที่ "มุสซ่า เดมเบเล่" ซึ่งในขณะนั้น เป็นผู้เล่นของทีมเจ้าสัวน้อยฟูแล่ม โดยร็อดเจอร์ต้องการขายเฮนโด้ออกเพื่อหาเงินทุนมาเสริมตัวผู้เล่น และร็อดเจอร์เองที่เป็นคนบอกเขา ว่ามีข้อเสนอยื่นเข้ามาแต่เป็นเจ้าตัวที่ปฏิเสธไป ขอสู้ต่อไม่ยอมย้ายทีมเพราะเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองว่ายังมีประโยชน์กับทีม ปี 2015 ตัวเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมหลังจากที่กัปตันทีมคนเก่าอย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ด อำลาทีมไปค้าแข็งที่แดนลุงแซม แม้เขาจะเป็นถึงกัปตันทีมของลิเวอร์พูลแต่ก็ยังมีเสียงค่อนขอดว่า "เขาไม่ดีพอ ไม่เหมาะ ไม่มีราศี เล่นบอลแบบอาแปะ แปะไปแปะมา" แต่ "เดอะ สกิปเปอร์" ผู้นี้ก็ยังก้มหน้าทำหน้าที่ของเขาต่อไป ในปีนั้นเองลิเวอร์พูลก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม พวกเขาดึง "เจอร์เก้น คล็อปป์" กุนซือชาวเยอรมันมาคุมทีมโดยที่แม้แต่ตัว "เฮนโด้" เองก็ยังไม่คาดคิดว่านั่นจะเป็นจุดที่จะทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่สร้างอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ให้กับทีม ช่วง 3 ปีแรกของคล็อปป์ ลิเวอร์พูลภายใต้การนำทีมของดาวเตะทีมชาิตอังกฤษไม่ประสบความสำเร็จในแง่ถ้วยรางวัล แต่แฟนบอลเริ่มเห็นอะไรบางอย่างในทีมนี้โดยเฉพาะสไตล์การเล่นแบบ "เฮฟวี่ เมทัล" ที่เป็นแท็คติกสำคัญในการพาทีมประสบชัยชนะ จนถึงปี 2019 เฮนโด้พาทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์และคว้าแชมป์ได้ในที่สุด นั่นเป็นแชมป์แรกของเขากับลิเวอร์พูลในฐานะกัปตีนทีม และมีภาพที่เฮนโด้วิ่งไปดีใจกับคุณพ่อของเขา ทั้งคู่กอดกันทั้งน้ำตา ราวกับอยากจะบอกว่าไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่พยายาม ปี 2020 เขาก็พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จโดยเป็นการพาทีมคว้าแชมป์ในรอบ 30 ปี และในปีเดียวกันนั้นเองเขายังได้รางวัล "FWA Footballer of the Year" ซึ่งเป็นรางวัลส่วนตัวในฐานะนักเตะอีกด้วย เกียรติยศของเขากับลิเวอร์พูลจนถึงเวลานี้ประกอบไปด้วย 1 แชมป์พรีเมียร์ลีก 1 ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ 1 ฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด์คัพ 1 ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ 1 ลีกคัพ ท้ายสุดและสุดท้ายเฮนเดอร์สันนั้นเป็นผลผลิตของความพยายามอย่างแท้จริง เขาไม่เคยบ่น เขาไม่ท้อ เขาไม่เคยน้อยใจ แม้ว่าในตอนแรกแฟนบอลจะไม่ได้ชื่นชอบตัวเขา แต่ความพยายามที่ไม่ยอมแพ้ ความเป็นผู้นำในสนามที่เขาแสดงออกมาให้ลูกทีมได้เห็นมันสำเร็จผลแล้วในวันนี้ และคงจะไม่มากเกินไปที่จะบอกว่า "เขาคืออีกหนึ่งตำนานของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง" ขอบคุณเครดิตรูปภาพปก จาก Skysports ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบ 1 / รูปภาพประกอบ 2 / รูปภาพประกอบ 3 จาก liverpoolfc ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !