เมื่อพูดถึงเป้าหมายของการเข้าเรียนมหาลัย นอกจากตั้งใจเรียนให้จบ เพื่อเป็นใบเบิกทางไปสู่อาชีพที่ใฝ่ฝันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่หลายคนให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การได้รับเกียรตินิยม แต่การที่จะได้รับเกียรตินิยมนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางมหาลัยนอกจากคุณต้องรักษาเกรดเฉลี่ยให้ได้ตามที่เขากำหนดแล้ว คุณยังต้องรักษาเกรดในแต่ละรายวิชาไม่ให้ต่ำว่า C นั้นแปลว่าต่อให้คุณได้เกรดเฉลี่ย 3.50 แต่คุณมีหนึ่งวิชาได้ D+ ก็แปลว่าคุณอดได้เกียรตินิยมทันที ฟังดูแล้วการที่จะได้เกียรตินิยมนี้มันช่างยากเหลือเกิน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าคุณจะทำไม่ได้ วันนี้ผมมี 10 เทคนิคที่ผมใช้ในการเรียนให้ได้เกียรตินิยม มาแชร์เพื่อที่จะช่วยให้คุณได้เกียรตินิยมตามที่คาดหวังไว้ หากคุณทำตามรับรองเกียรตินิยมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม 1. พยายามเข้าเรียนให้ครบทุกคาบ การเข้าเรียนครบทุกคาบนอกจากจะช่วยให้คุณได้คะแนนจิตพิสัยเต็มแล้ว ยังช่วยให้คุณฝึกความมีวินัยในตนเอง รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ ซึ่งถือเป็นจุดแรกที่สำคัญที่จะนำพาคุณไปสู่เป้าหมายในอนาคต นอกจากนี้การเข้าเรียนครบทุกคาบจะทำให้คุณไม่พลาดเนื้อหาที่สำคัญหรือข้อมูลบางอย่างที่ไม่มีในหนังสือเรียน ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหามากกว่าอ่านเองแน่นอน2. อ่านล่วงหน้าก่อนเรียน มหาลัยโดยทั่วไปวันแรกที่คุณเข้าเรียนอาจารย์มักจะบอกขอบเขตของเนื้อหา รวมไปถึงหนังสือหรือบทความต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่คุณจะเรียน เพื่อให้คุณสามารถที่จะไปศึกษาล่วงหน้าหรือศึกษาเพิ่มเติม การเรียนเพียงในห้องอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้อ่านเนื้อหามาล่วงหน้า จะทำให้คุณต้องจดจ่อหลายอย่าง ไหนจะทำความเข้าใจในเนื้อหา ไหนต้องมาจดจ่อเพื่อหาจุดสำคัญ ไหนจะต้องเขียนอธิบายเพิ่มตรงที่ไม่เข้าใจ แต่หากคุณเตรียมอ่านเนื้อหาตั้งแต่เนิน ๆ คุณก็จะสามารถเน้นย้ำจุดที่สำคัญ ย้ำจุดที่ไม่เข้าใจ เพื่อที่จะไปจดจ่อแค่จุดนี้ ในห้องเรียน ทำให้การเรียนในห้องเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น3. ตั้งใจฟังและถามในจุดที่สงสัยและพยายามมีส่วนร่วมในการเรียน ต่อยอดจากข้อสองเมื่อคุณอ่านเนื้อหาล่วงหน้าแล้วก็ให้คุณจดจ่อในจุดที่สนใจและพยายามถามในจุดที่ไม่เข้าใจ พยายามมีส่วนร่วมกับการเรียนให้มากที่สุด เพราะจะทำให้อาจารย์เห็นถึงความตั้งใจคุณและพร้อมจะถ่ายทอดความรู้ให้กับคุณอย่างเต็มที่4. ส่งงานให้ครบ การเรียนไม่ว่าจะเป็นในระดับไหน การส่งงานนั้นสำคัญมาก สำคัญกว่าการสอบด้วยซ้ำ บางวิชามีคะแนนของงาน 70 % คะแนนสอบ 30 % การที่คุณทิ้งงานและหวังจะเน้นการสอบอย่างเดียวรับรองสอบตกแน่นอน กลับกันถ้าส่งงานครบ แม้สอบจะได้น้อยโอกาสผ่านก็เยอะเช่นกัน ดังนั้นพยายามติดตามงานและทำงานให้เต็มที่เพื่อให้ได้คะแนนจุดนี้ให้มากที่สุด5. สรุปและทบทวนเนื้อหา หลังจากที่เรียนเสร็จควรที่จะสรุปเนื้อหาที่เรียนทุกครั้งเพื่อที่จะสามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้ง่าย และการสรุปเนื้อหาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การเตรียมตัวสอบของคุณใช้เวลาไม่เยอะ เพราะไม่ต้องมาเร่งสรุปในช่วงใกล้สอบ ทำให้มีเวลาเหลือไปเตรียมตัวอย่างอื่นเช่น การฝึกทำข้อสอบเก่า ๆ หรืออ่านเนื้อหานอกตำราเพิ่มเติม เป็นต้น6. วางแผนการอ่านหนังสือตั้งแต่เนิน ๆ การเรียนในมหาลัยนั้นนอกจากรายวิชาที่เยอะแล้วเนื้อหาที่เรียนก็เยอะเช่นกัน หากไม่มีการเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่มีทางอ่านทันแน่นอน ถ้าคุณต้องการเกียรตินิยมการเก็บเนื้อหาให้ได้มากที่สุดถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นอย่าลืมอ่านตั้งแต่เนิ่น ๆ7. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนนั้นสำคัญมากเพราะนอกจากจะเสริมภูมิคุ้มกันทางร่างกายแล้ว ยังจะทำให้สมองของเราปลอดโปร่ง สามารถที่จะคิดวิเคราะห์ได้อย่างฉับไวและแม่นยำ นอกจากนี้ยังช่วยให้การวางตารางเวลาชีวิตของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น8. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรงอย่างเดียว ยังช่วยให้จิตใจของเราดีขึ้นอีกด้วย เมื่อสุขภาพกายและใจดีขึ้น สิ่งดี ๆ ก็จะเข้ามาในชีวิตอย่างไม่หยุดหย่อน9. เลือกเพื่อนที่ดี เพื่อนในมหาลัยนั้นมีหลากหลายประเภทมาก บางคนเห็นแก่ตัว บางคนไม่ชอบให้ใครเด่นกว่า บางคนชอบตัดถอนกำลังใจเรา หรือบางคนชอบชวนเราไปทำในสิ่งที่นอกลู่นอกทาง ทำให้การเรียนของเรานั้นเสียไปด้วย ดังนั้นการที่มีเพื่อนฝูงที่ดี ที่คอยให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันติว จะส่งผลให้การเรียนของเรานั้นดีขึ้นมากแน่นอน10. เชื่อมั่นในตัวเอง ความคิดของคนเราจะแบ่งด้วยกันสองแบบ คือ ความคิดแบบผู้แพ้ กับความคิดแบบผู้ชนะ ผู้แพ้เมื่อเขาประสบปัญหาเขามักจะโทษสิ่งรอบข้างก่อนหรือไม่ก็โทษตัวเอง โดยมักจะไม่มองหาเหตุผลของการเกิดปัญหาเหล่านั้น และมักจะไม่คิดหาวิธีแก้ ส่วนความคิดแบบผู้ชนะ เมื่อเขาประสบปัญหาเขามักจะดีใจและประเมินปัญหาเหล่านั้นเพื่อให้เขาได้ประโยชน์จากสิ่งที่เขาประสบพบเจอได้มากที่สุด ดังนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเอง จงเชื่อว่าตัวเองพัฒนาได้ ตัวเองเก่งขึ้นกว่านี้ได้ และเมื่อเจอปัญหาให้คิดว่าปัญหาเหล่านี้มันจะทำให้เราเก่งขึ้น และแข่งแกร่งขึ้นกว่าเดิม วิธีที่เราได้นำเสนอนี้อาจไม่ใช่วิธีที่จะการันตีว่าคุณจะได้เกียรตินิยม 100% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน แต่วิธีข้างต้นจะช่วยให้คุณมีผลการเรียนที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน โดยตัวผู้เขียนเองก็ได้ใช้เทคนิคเหล่านี้มาใช้ตลอดระยะเวลา 4 ปี ในมหาวิทยาลัยทำให้ได้เกียรตินิยมตามที่หวังและยังสามารถนำเกียรตินิยมไปยื่นขอทุนเรียนต่อปริญญาโทได้อีกด้วย สุดท้ายนี้ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านทันได้เกียรตินิยมตามที่หวังไว้และขอให้มีความสุขกับการเรียนในมหาวิทยาลัย ภาพปก ออกแบบเองโดย canvaภาพที่ 1 : sasint / pixabay.comภาพที่ 2 :StartupStockPhotos / pixabay.comภาพที่ 3 :ddimitrova / pixabay.comภาพที่ 4 : klimkin / pixabay.com