นับเป็นเวลา 21 ปีแล้ว นับตั้งแต่คืนที่มีเกมสุดมันที่ เมืองตูริน ไปจนถึง คืนที่ลุ้นจนวินาทีสุดท้ายที่ เมืองบาร์เซโลน่า และเกมที่ดวลกับเจ้ายุโรปใน เมืองแมนเชสแตอร์ ที่ยิงรวมกันถึง 7 ประตู "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" คือหนึ่งในทีมที่มีเกมการแข่งขันให้น่าจดจำและถูกพูดถึงมากที่สุดในเกมยุโรปทีมหนึ่งนับตั้งแต่ยุค 1990 ด้วยความที่ทีม ปีศาจแดง มักจะโคจรมาเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปเสมอทำให้เกิด "แมตช์ คลาสสิค" อยู่หลายเกมในเวทียุโรป วันนี้เราจะไปดูกันว่า 10 เกมยุโรปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ปีศาจแดง มีเกมไหนกันบ้างนับตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา 10. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 0 - 5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , 2003 ก่อนเริ่มเกมทีมจาก บุนเดสลีกา ดูเหมือนว่าจะได้เปรียบเล็กน้อย เนื่องจากทีม ปีศาจแดง มีปัญหาเรื่องความพร้อมของนักเตะพอสมควร แต่เจ้าถิ่นก็ต้องพ่ายแพ้แบบยับเยินต่อหน้าแฟนๆ ของพวกเขา เวย์น รูนี่ย์ มีส่วนกับประตูถึง 4 ลูกในเกมนี้ ขณะที่ทั้ง ชินจิ คากาวะ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ก็เล่นกันได้อย่างเข้าฟอร์ม รวมแล้วประตูจากวาเลนเซีย การทำเข้าประตูตัวเองของ เอเมียร์ สเปฮิค, จอนนี่ อีแวนส์, คริส สมอลลิ่ง และ หลุยส์ นานี่ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะจากเกมเยือนที่ยิงด้วยสกอร์ขาดมากที่สุดในถ้วยยุโรปนับตั้งแต่ที่ไล่ถล่มแชมร็อค โรเวอร์ส ไป 6-0 เมื่อปี 1957 รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/RdMPxJZS94Y 9. บาเยิร์น มิวนิค 1 - 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , 1999 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งคว้า 2 แชมป์มาก่อนหน้านี้ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ) ลงเล่นเพื่อลุ้นสร้างประวัติศาสตร์สร้างประวัติศาสตร์ "ทริปเปิ้ลแชมป์" ในเกมนัดชิงชนะเลิศนัดนี้ เกมนี้ทั้งสองฝ่ายต่างต้องขาดผู้เล่นกำลังสำคัญหลายราย โดยเฉพาะฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มี พอล สโคลส์ และ รอย คีน ที่ติดโทษแบนทั้งคู่ ขณะที่ บาเยิร์น ต้องขาด บิเซนเต้ ลิซาราซู และ โจวานนี่ เอลแบร์ ที่เจ็บหนักต้องพักยาว เริ่มเกม เป็น เสือใต้ ที่ออกนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 จากจังหวะที่ รอนนี่ ยอห์นเซ่น ไปทำฟาล์ว คาร์สเท่น ยังเคอร์ นอกกรอบเขตโทษ และเป็น มาริโอ บาสเลอร์ ที่สังหารฟรีคิกเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม เกมทำท่าจะจบ ในแบบสบายๆ เมื่อเวลา 90 นาทีกำลังจะหมดลง บาเยิร์น เปลี่ยนตัว เอา กองกลาง กับกองหลัง ลงมาเพื่อฆ่าเวลา แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นจนได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อได้ เท็ดดี้ เชอริงแฮม มายิงตีเสมอได้สำเร็จในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 1 และจากนั้นในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 ปีศาจแดงก็มาได้ประตูชัย จากจังหวะลูกเตะมุมเป็น เดวิด เบ็คแฮม เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่แหย่ขาจังหวะสุดท้ายส่งบอลเข้าประตูไป ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาเอาชนะไปหวุดหวิด 2–1 แบบสุดระทึก รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/458CiSLm1vc 8. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 บาร์เซโลน่า , 2008 เกมนี้คือรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 ในบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนัดแรกเสมอกันมา 0-0 โดยในเกมแรกมีโอกาสที่จะชนะในบ้านของ บาร์เซโลน่า แต่เป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่พลาดลูกจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย พอล สโคลส์ พลาดลงในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ปี 1999 ทำให้เค้ามีเป้าหมายมากเป็นพิเศษ โดยครั้งนี้ ปีศาจแดงมี 3 ผสานแนวรุกอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ , เวย์น รูนีย์ และ คาลอส เตเวส เพื่อที่จะหยุดยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า และแล้วในที่สุดก็เป็น พอล สโคลส์ ที่มายิงประตูชัยในนาทีที่ 14 ของการแข่งขัน จากลูกอันทรงพลังยิงไกลผ่านมือ วิกตอร์ เบาเดส เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งให้ ปีศาจแดง เข้าไปรอบชิงชนะเลิศเจอกับ เชลซี และชนะจุดโทษได้ชูถ้วย ยุโรป สมัยที่ 3 เป็นผลสำเร็จ รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/yDWzxKseibM 7. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-3 เรอัล มาดริด, 2003 เมื่อดูรายชื่อนักเตะทั้ง 2 ทีมพร้อมค่าตัวอันมหาศาล นี้เป็นเกมอีกนึงที่ต้องจำจดไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว มาดริดนำทีมด้วยสุดยอดนักเตะอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน , โรนัลโด้ , หลุยส์ ฟิโก้ , โรเบอโต้ คลอส และ สตีป แม็คมานามาน หลังจากที่นัดแรก ราชันชุดขาว ชนะมาด้วยสกอร์ 3-1 จำเป็นที่ทีม ปีศาจแดง ต้องเปิดเกมรุกใส่ตั้งแต่ต้นเกม แต่แล้วต้องยอมรับว่ามันคือเกมหนึ่งที่สุดยอดที่สุด ของยอดศูนย์หน้าอันดับหนึ่งของโลกอย่าง โรนัลโด้ ที่ถึงยิง 3 ประตูผ่าน ฟาเบียง บาร์กเตช เข้าไปอย่างหมดจด โดยถึงแม้ รุด ฟาน นิตเตอรอย และ เดวิด แบคแฮม จะช่วยกันยิงให้ ปีศาจแดงยิงตีเสมอถึง 3 ครั้งจนสามารถพลิกขึ้นนำได้ แต่ก็ไม่เพียงพอให้ที่จะทำให้ผ่านเข้ารอบได้ด้วยผลสกอร์รวม เรอัล มาดริด 6 - 5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/SevhEJ0Nwok 6.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 บาเซโลน่า , 1991 คำสั่งห้ามสโมสรอังกฤษแข่งขันฟุตบอลในยุโรป ทำให้ผู้เล่นในอังกฤษหลายคนเลือกที่จะทำการค้าขายที่อื่น ซึ่งรวมถึง มาร์ก ฮิวส์ ซึ่งเคยใช้เวลากับ เทอรี่ เวเนเบิลส์ ที่บาร์เซโลน่าและเผชิญหน้ากับอดีตทีมของเขาในการแข่งขันฟุตบอลในชิงชนะเลิศ คัพวินเนอร์คัพ เจ้าบุญทุ่ม ในเวลานั้นมียอดนักเตะอย่าง ไมเคิล เลาดรูป และ โรนัล คูมัน ภายใต้การคุมทีมของ โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งถือเป็นทีมที่แกร่งในยุโรปทีมหนึ่งในขณะนั้น แต่แล้วก็เป็น มาร์ก ฮิวส์ ที่ยิง 2 ประตูใส่ทีมเก่าของเขานำ 2-0 ก่อน โรนัล คูมัน จะยิ่งไล่มา 2-1 สุดท้ายเป็น ปีศาจแดง ที่คว้าแชมป์ยุโรปครั่งแรกภายใต้การคุมทีมของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/aaP_0Mp7RCQ 5. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เอฟซี ปอร์โต้, 1997 ปอร์โต้ จากโปรตุเกสเก็บได้คะแนน 16 คะแนนจาก 18 คะแนนในรอบแบ่งกลุ่มและเป็นเป็นหนึ่งในทีมเต็งในปีนี้ แต่ก็ถูกดับฝันลงด้วยฝีเท้าของ เอริก คันโตน่า เดวิด เบ็คแฮม และ ไรอัน กิ๊กส์ เล่นได้อย่างรู้ใจกับ เอริก คันโตน่า, แอนดี้ โคล และ เป็น เดวิด เมย์ ที่ยิงประตูขึ้นนำให้ ปีศาจแดง และจากความผิดพลาดในการแนวรับของ ปอร์โต้ ทำให้ เอริด คันโตน่า ยิงผ่าน ฮิราริโอ้ เป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก ในครึ่งหลัง จากจังหวะสวนกลับ เอริก คันโตน่า โชว์การจ่ายบอลปั่นไซด์จากข้างเท้าด้านนอกให้ แอนดี้ โคล หลุดไปทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายบอลต่อให้ ไรอัน กิ๊กส์ ยิงมุมแคบเข้าไปอย่างสวยงาม จากนั้นก็เป็น เอริก คันโตน่าคนเดิม จ่ายทะลุช่องให้ แอนดี้ โคล หลุดไปยิงเข้าประตู จบเกม ปีศาจแดงถล่มไป 4-0 รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/YopvetwZg9g 4. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4-0 เอซี มิลาน, 2010 เดวิด เบ็คแฮม กลับมาที่ โอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามาในฐานะผู้เล่นฝั่งตรงข้าม มิลาน ของเขามีทั้ง อังเดรีย ปิร์โล่ และ โรนัลดินโญ่ ในเกมแรกที่ ซาน ซีโร่ จบด้วยสกอร์ 2-3 โดยเป็นฝ่าย ปีศาจแดง ที่ได้เปรียบด้วยกฎ อเวย์โกล และก็เป็น เวย์น รูนีย์ ที่โหม่งขึ้นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำในครึ่งแรก 1-0 ก่อนที่จะมาโหม่งเพิ่มอีกลูกในครึ่งหลัง หลังจากนั้นก็เป็น ปีศาจแดง ครองเกมอยู่ฝ่ายเดียวจนมาได้อีก 2 ประตูจาก พาร์ค จี ซอง และ ดาเรน เฟชเชอร์ ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ารอบต่อไปอย่างสวยงาม รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/s0rxhbkSpCk 3. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-1 โรม่า, 2007 อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวเอาไว้ว่า นี่เป็นผลงานที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุโรป ภายใต้การคุมทีมของเขาและมันยากที่จะเข้าใจว่าทำไม โรม่า ถึงชนะการแข่งขันนัดแรก 2-1 แต่กลับถูกถล่มยับเยินอย่างมากมายในนัดที่สอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำที่สุด ทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบครึ่งด้วยสกอร์ 4-0 จากการยิงของ ไมเคิล คาร์ริค ตั้งแต่นาทีที่ 11 จากนั้นก็เป็นคิวของ อลัน สมิธ , เวย์น รูนีย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกชาวโปรตุเกส ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจนมาบวกประตูเพิ่มให้ตนเองอีกลูกปีศาจแดงนำ 5-0 และก็เป็น ไมเคิล คาร์ริค มายิงประตูที่สองของตัวเองเช่นเดียวกัน ทำให้ทิ่งห่างออกไปเป็น 6-0 แต่แล้ว เดนิเอเล่ เดรอสซี่ มายิงตีไข่แตกให้ หมาป่า ตามมาห่างๆ ก่อนจบเกม แบ็กซ้ายอย่าง ปาทริซ เอฟร่า ขึ้นมาเติมเกมรุกแล้วก็มายิงเพิ่มอีกประตู จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7 - 1 โรม่า รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/ih5zfhuTlCA 2. แปเอสเช 1-3 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, 2019 โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และลูกทีมของเขาสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เมื่อนัดแรกใน โอลด์แทรฟฟอร์ด พ่ายแพ้มาด้วยสกอร์ 0-2 ทำให้เป็นงานที่ยากลำบากมากของ โซลชาร์ ที่จะพลิกเกมในค่ำคืนนี้ ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นในคืนที่น่าจดจำในปารีส ไม่มีทาง แต่การได้สองประตูครึ่งแรกจาก โรเมลู ลูกากู และการได้ลูกจุดโทษในนาทีสุดท้ายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด จากจังหวะ VAR แฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ "ทำให้มันคือหนึ่งในการคัมแบ็กที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร" โซลชาร์ กล่าวหลังเกม และด้วยวีรกรรมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในนัดนี้ ทำให้สโมสรตัดสินใจ ยื่นสัญญาถาวรให้เขาคุมทีมจนมาถึงปัจจุบันนี้นั้นเอง รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/FX5I-Qh4NX4 1. ยูเวนตุส 2-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, 1999 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากความแพ้ใน โอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยการตีเสมอ 1-1 ในนาทีสุดท้ายจาก ไรอัน กิ๊กส์ มาได้อย่างหวุดหวิดในนัดแรก แต่สกอร์ที่ถูกยิงนำ 2-0 หลังจากลงสนามไปได้ 11 นาที ในนัดที่สองของรอบรองชนะเลิศที่ตูรินนั้น ทำความให้ความฝันที่จะเข้ารอบชิงชนะเลิศริบหรี่ลงทันตา ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยิงประตูในระยะเผาขนจากการเปิดที่แม่นยำของ ซีเนอดีน ซีดาน ในประตูแรก ก่อนที่จะมายิ่งเพิ่มอีกลูกจากการยิงบอลไปโดน ยาป สตัม ทำให้บอลเปลี่ยนทางข้าม ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เข้าประตูไปแบบหมดสิทธิ์เซฟ เหมือนเกมจะจบด้วยความพ่ายแพ้ของ ทัพปีศาจแดง แต่แล้ว กัปตันทีม รอย คีน ก็ขึ้นโหม่งเหนือ ซีเนอดีน ซีดาน จากลูกเตะมุมของ เดวิด เบคแฮม ทำให้สกอร์ขยับไล่มาเป็น 2-1 และในนาทีที่ 34 ดไวท์ ยอร์ค พุ่งโหม่งลูกเปิดของคู่หูแดนหน้า แอนดี้ โคล เข้าไปเป็น 2-2 ทำให้โมเมนตั้มของเกมกลับมาอยู่ฝั่ง ปีศาจแดง บ้างในคราวนี้ ยูเวสตุส พยายามเปิดเกมรุกใส่ปีศาจแดงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ทีเด็ดของ แอนดี้ โคล ที่วิ่งตามไปเก็บตกในจังหวะที่ของ ดไวท์ ยอร์ค พยายามล็อกหลบผู้รักษาประตู ตอกย้ำความเป็นคู่หูในแดนหน้าที่รู้ใจที่สุดยุคนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกขึ้นนำ 2-3 จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสู่รอบชิงนะเลิศและสร้างประวัติศาสตร์คว้า "ทริปเปิ้ลแชมป์" ในปีนั้นได้เป็นผลสำเร็จ รับชมไฮไลท์การแข่งขันได้ที่นี่ https://youtu.be/sjxHI0NAHew ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.fourfourtwo.com/ ขอบคุณภาพประกอบจาก TRUE ID ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5