"ม้าคะนองศึก" แพร่ ยูไนเต็ด น้องใหม่ใน M-150 แชมเปี้ยนชิพ 2020 หรือไทยลีก 2 กว่าจะมาถึงวันนี้สโมสรแห่งนี้ผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมายในฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา บทความนี้ผมจะพาไปย้อนถึง 10 เรื่องราวของสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2019 ที่คุณอาจจะรู้แล้วหรือไม่เคยรู้มาก่อน 1) เสื้อแข่งขันลิมิเต็ดอิดิชั่น เสื้อแข่งขันฤดูกาล 2019 ของ แพร่ ยูไนเต็ด ได้ใส่ข้อความพิเศษลงไปในเสื้อแข่งของนักฟุตบอลบริเวณกลางอก ด้วยข้อความสีทองว่า "10th Anniversary 2009-2019" เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อปี 2009 โดยข้อความนี้จะมีเฉพาะเสื้อแข่งของนักฟุตบอลในล็อตแรกเท่านั้น รวมแล้วไม่น่าจะเกิน 50 ตัว ลิมิเต็ดอิดิชั่นไปอีก ถือว่าเป็นแรร์ไอเทม สำหรับนักสะสมเสื้อบอลเลยทีเดียว (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 2) กำเนิดมิสเตอร์แพร่ ในยุคปัจจุบันหาได้ยากจริง ๆ สำหรับนักฟุตบอลไทยที่จะรับใช้สโมสรมาอย่างยาวนานจนลงเล่นครบ 100 นัด โดยเฉพาะทีมในไทยลีก 3 และ 4 ที่แต่ละทีมต่างต้องการความสำเร็จ จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายนักเตะอยู่บ่อยครั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของสโมสร บางครั้งเปลี่ยนทีมแบบยกเครื่องกันเลยก็มี ต้องบอกเลยว่าหากฝีเท้าไม่ดีจริง ๆ ก็ยากที่จะได้รับโอกาสค้าแข้งกับสโมสรใดสโมสรนึงได้อย่างยาวนาน แต่นักเตะแบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้วกับสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด กับนักฟุตบอลที่ชื่อ อดิศร หนูนารถ "เจ้าบอย" อดิศร หนูนารถ ตำแหน่ง กองกลาง เริ่มเทิร์นโปรเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับ นครศรีธรรมราช เอฟซี ทีมบ้านเกิด ในปี 2009 จากนั้นย้ายร่วมทัพ "ม้าคะนองศึก" แพร่ ยูไนเต็ด ในปี 2013 เกมแรกที่ เจ้าบอย ได้รับใช้สโมสรฯ อย่างเป็นทางการ คือเกมที่ แพร่ ยูไนเต็ด เสมอกับ พะเยา เอฟซี 0-0 และเกมนี้คือจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของ อดิศร หนูนารถ กับ แพร่ ยูไนเต็ด และเมื่อ 17 ก.พ. 62 เกมที่ แพร่ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพ่ายให้กับ สีหมอก เอฟซี ไป 0-1 ในนาทีที่ 76 อดิศร หนูนารถ ลงไปแทน ศรุต สินธิเพชร แม้จะไม่ได้สามแต้มที่ต้องการ แต่เกมนัดนี้ได้สร้างเกียรติประวัติให้กับ อดิศร หนูนารถ เป็นที่เรียบร้อยแล้วในฐานะนักฟุตบอลของแพร่ ยูไนเต็ดที่ลงเล่นครบ 100 นัด เป็นคนแรก ตั้งแต่ปี 2013-2019 แพร่ ยูไนเต็ด แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชอยู่หลายครั้ง แต่ อดิศร หนูนารถ ยังคงได้รับใช้สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด มาอย่างยาวนาน ระยะเวลารวมประมาณ 5 ปีเศษ (ปี 2016 ย้ายไป ตรัง เอฟซี หนึ่งฤดูกาล และกลับมาแพร่อีกครั้งในปี 2017) จนได้รับฉายา "มิสเตอร์แพร่" ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเจ้าบอย คือ ในฤดูกาล 2015 ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด และได้ติดทีมยอดเยี่ยมของ เอไอเอสลีก ดิวิชั่น 2 อดิศร หนูนารถ ได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรฯ แล้วว่าเขาคือนักฟุตบอลคนแรกที่ลงเล่นกับ แพร่ ยูไนเต็ด ครบ 100 นัด และนี่คือเกียรติยศที่เขาควรได้รับ (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 3) โควต้าต่างชาติรายสุดท้ายเกือบไม่ใช่ สมิธ ช่วงก่อนที่จะเปิดฤดูกาลประมาณ 15 วัน แพร่ ยูไนเต็ด ได้ผู้เล่นต่างชาติครบตามโควต้าแล้ว ได้แก่ คาเว อราวโจ้, เอลิเวลตัน เดอ อราวโจ้ เรโก, จอง จุน ยู และ โจซิเอล ที่มาเป็นรายสุดท้ายทำให้ยังไม่ได้ทำการลงทะเบียนกับสมาคมฟุตบอลฯ แต่ช่วงทำการเก็บตัวฝึกซ้อมในเกมอุ่นเครื่อง โจซิเอล ได้ทำผิดวินัยสโมสรฯ ทำให้ แพร่ ยูไนเต็ด ตัดสินใจตัด โจซิแอล ออกจากทีม และได้คว้าตัว เวลลิงตัน เอดาว ครูซ (Welington Adao Cruz) หรือ สมิธ เข้ามาทดแทน และ สมิธ ก็ได้กลายมาเป็นแกนหลักในเกมรุกของ แพร่ ยูไนเต็ด ตอบแทนสโมสรด้วยการยิงไปถึง 10 ประตู เป็นดาวซัลโวของสโมสรในฤดูกาล 2019 ร่วมกับ อาทิตย์ ภีระบรรณ และที่สุดยอดกว่านั้นคือ สมิธ ยังเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ยิงประตูสำคัญในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟชิงอันดับที่ 3 นัดที่ 2 ช่วยให้ แพร่ ยูไนเต็ด บุกไปเอาชนะ "ฉลามอันดามัน" แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ถึงถิ่นไป 1-0 คว้าสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 2 ได้สำเร็จ ต้องบอกว่าการเซ็นสัญญากับ เวลลิงตัน เอดาว ครูซ หรือ สมิธ คือการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาลของ แพร่ ยูไนเต็ด เลยก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้รับรางวัลตอบแทนเป็นการต่อสัญญาใหม่ไปอีก 1 ปี ซึ่งเป็นนักเตะต่างชาติเพียงรายเดียวที่ได้รับการต่อสัญญาอีกด้วย (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 4) ฉลองชัยด้วยพิซซ่าทุกนัดในบ้าน แพร่ ยูไนเต็ด ปกติก็จะมีโบนัสพิเศษเป็นเงินรางวัลสำหรับเกมที่ชนะอยู่แล้ว แต่เกมในบ้านจะพิเศษกว่าเดิมคือจะมีพิซซ่าเป็นอาหารพิเศษเสริมจากกลับข้าวปกติด้วย ด้วยเหตุที่ร้านพิซซ่าตั้งอยู่ติดกับแคมป์ของสโมสรนั่นเอง รวมแล้วเฉพาะฤดูกาล 2019 แพร่ ยูไนเต็ด สั่งพิซซ่าเป็นอาหารพิเศษไปแล้วถึงประมาณ 208 ถาดเลยทีเดียว ถึงว่าทำไม แพร่ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครในบ้านเลย ^^ (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 5) สองลูกฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ ระยะกว่า 40 หลา อดิศร สัพโส แบ็คซ้ายของ แพร่ ยูไนเต็ด ยิงฟรีคิกระยะกว่า 40 หลา เข้าไปถึง 2 ประตู โดยยิงเข้าในเกมที่ แพร่ ยูไนเต็ด เอาชนะ สระแก้ว เอฟซี ไป 4-1 และเกมที่บุกไปเอาชนะ อุบลราชธานีไป 3-1 เป็นประตูที่สวยงามทั้งสองลูกเลยทีเดียว (คลิปการทำประตู https://web.facebook.com/XRocklove/videos/10211397748979923/) ซึ่งการยิงแบบนี้เกิดจากการฝีกซ้อมอย่างหนักของเจ้ายัก ซึ่งหลังจากการฝึกซ้อมประจำวันเสร็จเจ้าตัวจะแยกซ้อมยิงฟรีคิกเสมอในทุก ๆ วัน ซึ่งฟรีคิกของ อดิศร สัพโส ถือเป็นอาวุธเด็ดของแพร่ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2019 เลยทีเดียว (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 6) ลูกเตะมุมเข้าประตู จุดเริ่มต้นแห่งสถิติ เกมนัดที่ 19 ของฤดูกาล แพร่ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ บางกอก เอฟซี เจ้าบ้านที่เพิ่งบุกไปพ่ายให้กับ อ่างทอง เอฟซี ไป 0-1 ต้องการชัยชนะเพื่อทำแต้มหนีห่าง ลำพูน วอริเออร์ ที่มีแต้มหายใจรดต้นคออยู่ในขณะนั้น แพร่ ยูไนเต็ด ครองเกมได้ดีกว่า แต่เปลี่ยนโอกาสทำประตูให้เป็นสกอร์ไม่ได้ ฝนตกทำให้ทำเกมบุกได้ยากขึ้น เวลายิ่งเหลือน้อยไปเรื่อย ๆ นักเตะทุกคนในสนามก็ยิ่งกดดัน จนเข้าสู่นาทีที่ 70 ของเกม แพร่ได้ลูกเตะมุม "เจ้าเพชรเล็ก" นพวิชญ์ เพชรอ้อม รับหน้าที่เตะมุม โดยเปิดบอลลอยโด่งโค้งย้อยเข้าเสาสองไปอย่างงดงาม (คลิปการทำประตู https://web.facebook.com/phraeutdfc/videos/414477345941195/) และเป็นประตูโทนช่วยให้ แพร่ ยูไนเต็ด เอาชนะ บางกอก เอฟซี ไปได้ 1-0 ซึ่งเกมนั้นคือจุดเริ่มต้นของ แพร่ ยูไนเต็ด ในการทำสถิติชนะรวดติดต่อกันไปอีกถึง 8 นัด (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 7) ผู้รักษาประตูทำสองแอสซิสต์ ผู้รักษาประตูคือตำแหน่งตัวรับด่านสุดท้ายของทีม หน้าที่หลักคือการป้องกัน แต่ถ้าในสโมสรมีผู้รักษาประตูที่วางบอลได้อย่างแม่นยำก็ถือว่าเป็นอาวุธเด็ด ในการเปลี่ยนเกมจากรับไปเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็ว ไม่บ่อยนักที่จะมีผู้รักษาประตูทำแอสซิสต์ได้ โดยเฉพาะในฟุตบอลไทย แต่ในฤดูกาล 2019 วิชิตชัย รักษา ผู้รักษาประตูของแพร่ ยูไนเต็ด ทำแอสซิสต์ได้ถึง 2 ครั้ง โดยการวางบอลยาวให้กองหน้าหลุดไปยิงเป็นประตูได้สำเร็จ ซึ่งเป็น จอง จุน ยู กองหน้าชาวเกาหลีเป็นคนยิงทั้งสองประตู ในเกมกับ ลำพูน วอริเออร์ และ กำแพงเพชร เอฟซี (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 8) ประธานสโมสรนั่งบัสไปกับนักฟุตบอลทุกเกมที่เยือน บอร์ดบริหารของ แพร่ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าหัวเรือใหญ่คือ "แม่เลี้ยงติ๊ก" ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ประธานที่ปรึกษาของสโมสรฯ ตามด้วย "โกปี้" พงษ์สวัสดิ์ ศุภศิริ ประธานสโมสรฯ และ ''แม่เลี้ยงไก่'' ศุภวัลย์ ศุภศิริ ผู้จัดการทีมฯ ทุกท่านทุ่มเทบริหารทีมเพื่อหวังยกระดับ แพร่ ยูไนเต็ด ให้ขึ้นไปอยู่ในแถวหน้าของวงการฟุตบอลภาคเหนือ แต่เชื่อหรือไหมว่า "โกปี้" พงษ์สวัสดิ์ ศุภศิริ ประธานสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ร่วมเดินทางโดยรถบัสกับนักฟุตบอลไปทุกสนาม ซึ่งรวมระยะการเดินทางทั้งฤดูกาลบวกกับเกมรอบเพลย์ออฟชิงอันดับที่ 3 แล้ว รวมทั้งสิ้นถึง 13,106 กิโลเมตรเลยทีเดียว บ่งบอกให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการบริหารสโมสรแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี กล่าวได้เลยว่า โกปี้น่าจะเป็นประธานสโมสรคนเดียวในไทยหรืออาจจะในโลกเลยด้วยซ้ำที่นั่งรถบัสสโมสรไปกับนักฟุตบอลทุกนัดที่ไปเยือน (ไม่มีขาดสักนัด) ระยะทาง 13,000 กว่ากิโลเมตรใน 1 ปี OMG จะมีประธานสโมสรคนไหนที่จะนั่งรถบัสสโมสรไปทุกสนาม จะเหตุผลอะไรถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจที่รักในฟุตบอลและรักสโมสรแห่งนี้ พูดได้เต็มปากว่า บอร์ดบริหารที่นี่ทำทีมด้วยหัวใจ เพื่อความภูมิใจของคนแพร่อย่างแท้จริง (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 9) สถิติเสียประตูน้อยที่สุดในลีก อย่างที่ทราบกันดีว่า แพร่ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมบังเหียนของ "โค้ชหนุ่ม" อานนท์ บรรดาศักดิ์ คว้าอันดับที่ 3 ไทยลีก 3 ระดับประเทศ พร้อมสิทธิ์เลื่อนชั่นสู่ไทยลีก 2 มาครองได้สำเร็จ อีกทั้งยังสร้างสถิติเสียประตูน้อยที่สุดในลีกซึ่งทั้งฤดูกาลเสียไปเพียง 13 ประตูเท่านั้น เก็บคลีนชีตไปได้ถึง 14 เกม โดยในเลกที่สองแข่ง 12 เกม ชนะ 11 แพ้ 1 และยังเก็บสถิติชนะติดต่อกันได้อีกถึง 8 เกมเลยทีเดียว (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) 10) อันดับที่ 3 ไทยลีก 3 ระดับประเทศ น้ำตาท่วมสนามระนอง สิ้นเสียงนกหวีดยาวที่สนามกีฬาเทศบาลทุ่งโฮ้ง วันนั้นเป็นเกมที่ แพร่ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ไป 0-0 ในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟชิงอันดับที่ 3 ชิงตั๋วใบสุดท้ายสู่การเลื่อนชั้นขึ้นไปในไทยลีก 2 ท่ามกลางแฟนคลับที่เต็มสนาม จะบอกว่าสนามแตกเลยก็ว่าได้ สีหน้านักฟุตบอลและทีมงานทุกคนค่อนข้างผิดหวังกับผลการแข่งขัน บรรยากาศในการทานอาหารหลังเกมเป็นไปด้วยความเงียบ เพราะทุกคนรู้ว่าปิดเกมในบ้านไม่ได้ ซึ่งมันกำลังทำให้สโมสรจะต้องเจองานที่ยากลำบากในการไปเยือนทีมที่ไม่เคยแพ้ใครในบ้าน (ในลีก) อย่าง แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด แต่ด้วยการวางแผนการเดินทางที่ดีบวกกับความมุ่งมั่นของนักฟุตบอลและทีมงานทุกคน แพร่ ยูไนเต็ด ก็สามารถทำได้สำเร็จ สามารถบุกเอาชนะเจ้าบ้านไปได้ 1-0 คว้าอันดับที่ 3 ไทยลีก 3 ระดับประเทศ พร้อมสิทธิเลื่อนชั้นไปครองได้สำเร็จ ท่ามกลางน้ำตาแห่งความยินดีของแฟนคลับแพร่ที่ตามไปเชียร์ถึงจังหวัดระนองกว่าร้อยชีวิต ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของสโมสรเลยทีเดียว (ขอบคุณภาพจาก แพร่ ยูไนเต็ดฟุตบอลคลับ) เอ็กซ์ ร็อคเลิฟ