เครดิตภาพหน้าปก https://pixabay.com 10 เรื่องจริงน่ารู้ เกี่ยวกับ Nikola Tesla หากกล่าวถึงชายผู้มีนามว่า นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) แล้ว ทุกคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคือ นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ และ นักวิศวกรไฟฟ้า ผู้สร้างนวัตกรรมล้ำยุคที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของประวัติศาสตร์ และเขายังเป็นผู้พัฒนาระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ที่เป็นระบบพลังงานพื้นฐาน ที่เราใช้งานกันทั่วโลกในปัจจุบัน อีกด้วย นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) เป็นผู้ประดิษฐ์และค้นพบเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมาย แต่เนื่องจากเขามีแนวคิดล้ำยุคและมีจินตนาการก้าวไกลเกินกว่าผู้คนยุคเดียวกัน ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง แต่ยังมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเขา ที่คุณอาจไม่รู้ 1. วิญญาณนักประดิษฐ์ถูกถ่ายทอดจากแม่ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) เป็นชาวเซอร์เบียอเมริกัน เกิดเมื่อปี 1856 ณ จักรวรรดิออสเตรีย หรือ โครเอเชีย ในปัจจุบัน เขาผูกพันกับไฟฟ้าตั้งแต่เกิด เขาเกิดในคืนที่มีพายุสายฟ้าแลบแปลบปลาบ แม่ของเขาเรียกทารกแรกเกิดนี้ว่า เด็กแห่งแสงสว่าง พ่อของเขาเป็นบาตรหลวง และแม่ของเขายังมีความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องใช้ภายในบ้าน และยังสามารถจดจำบทกวีมหากาฬของเซอร์เบียได้อย่างดีทั้งที่ไม่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียน นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) บอกว่า ความสำเร็จของเขาในฐานะนักประดิษฐ์และความสามารถในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้เหมือนกับถ่ายภาพเก็บเอาไว้ในสมองรวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ของเขานั้น เป็นการถ่ายทอดทางสายเลือด และอิทธิพลที่ได้รับจากแม่ของเขานั่นเอง เครดิตภาพจาก https://pixabay.com2. เก่งระดับอัจฉริยะแต่เรียนไม่จบ ในปี 1861 นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ได้เข้าชั้นประถมที่โรงเรียนในเมือง smiljan เรียนได้ปีเดียวก็ต้องย้ายออก เพราะต้องย้ายตามครอบครัวไปอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกัน แล้วเรียนจบชั้นประถมศึกษาที่นี่ ในปี 1870 เขาได้ย้ายไปเรียนชั้นมัธยมศึกษาอีกเมืองหนึ่ง และที่นี่เองทำให้เขาเริ่มสนใจปรากฏการณ์ลึกลับของไฟฟ้าและอยากเรียนรู้ในพลังมหัศจรรย์นี้ ที่โรงเรียนแห่งนี้เขาได้ฉายแววอัจฉริยะโดยการคิดแก้โจทย์แคลคูลัสในใจ จนอาจารย์ทึ่ง เขาใช้เวลาเพียง 3 ปี ในการจบหลักสูตร 4 ปี ของที่นี่ ในปี 1873 เขาติดเชื้ออหิวาตกโรค นอนป่วยอยู่ 9 เดือน เกือบตายมาหลายครั้ง และพ่อของเขาซึ่งเดิมอยากให้เขบวชเป็นพระ ได้ให้สัญญากับเขาว่า หากลูกชายของเขาหายดี จะส่งเขาเข้าเรียนโรงเรียนวิศวกรรมที่ดีที่สุด ปีต่อมาเขาได้ทำการหนีการเกณฑ์ทหารโดยการหนีเข้าไปในป่าและภูเขา และการได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ในระหว่างนี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสือจำนวนมาก และการอ่านก็ทำให้เขาหายจากอาการป่วยได้อย่างมหัศจรรย์ ในปี 1875 เขาได้ทุนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยโปลีเทคเนคออสเตรีย ปีแรกของการเรียนเขาไม่เคยขาดเรียน เป็นนักเรียนดาวรุ่งของมหาวิทยาลัย ปีที 2 เขาขัดแย้งกับอาจารย์เรื่องเครื่องกำเนิดไฟฟ้า gramme dynamo และปีเดียวกันเขาได้เสียทุนการศึกษาไป และกลายเป็นหนุ่มติดการพนัน ปีที่ 3 เขายังติดการพนันและเสียเกือบหมดตัว แต่ก็ยังได้คืนมาในภายหลัง สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาไม่ได้เตรียมตัวในการสอบ ขอเลื่อยก็ไม่ได้ เขาไม่ได้รับเกรดในปีที่ 3 และเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย เครดิตภาพจาก https://pixabay.com3. อัจฉริยะจอมเพี้ยน หรือ ผู้มีพลังจิต นอกจากเขาจะเกิดมาพร้อมกับสมองอันชาญฉลาดแล้ว เขายังมีสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ สิ่งนั้นคือ พลังจิต โดยตั้งแต่เด็กเขามักเห็นแสงแวบเข้าตาแล้วตามมาด้วยภาพหลอน และหลายครั้งแค่เพียงเขาได้ยินเพียงชื่อสิ่งของ เขาก็จะเกิดรายละเอียดของสิ่งของนั้น ๆ ขึ้นมาในใจ และนั่นคือสิ่งที่ทำความรำคาญใจให้แก่เขาเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเขาเคยล้มป่วยด้วยโรคประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้ โรคนั้นทำให้ประสาทรับรู้ต่าง ๆ ของเขาเร็วต่อสิ่งเล้ามากกว่าปกติ อีกทั้งในการอยู่ในสถานที่มีแสงจ้านอกจากจะทำให้เขาปวดตาแล้วมันยังแผดเผาพิวหนังของเขาจนเป็นแผลพุพองอีกด้วย ด้วยอาการประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา มันทำให้เขากลัวการสัมผัสร่างกายผู้คนอื่น ๆ เขาจึงปฏิเสธความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามและการแตะเนื้อต้องตัวหรือการจับมือใคร เขาได้แต่โกหกว่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในห้องทอลอง 4. พฤติกรรมเพี้ยน ๆ อีกเรื่องของเขา เขามักจะทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง จนกว่าจำนานครั้งที่ทำจะหารด้วย 3 ได้ลงตัว ถ้าไม่ลงตัวเขาจะทำใหม่จนได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น การนับก้าวเกิน จำนวนครั้งที่เขาชอบคือ 27 เพราะว่ามันเท่ากับ 3 ยกกำลัง 3 หรือ 3 คูณกัน 3 ครั้ง เขาพูดได้หลายภาษา และอ่านหนังสืออย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นเขายังกำหนดกะเกณฑ์ปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ โดยการเอาไม้บรรทัดมาวัตรดูว่าภาชนะที่ใส่อาหารของเขา มีปริมาตรความจุเท่าใด 5. ทำงานให้ เอดิสัน คู่ปรับในอนาคต ในปี 1881 นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ได้ไปทำงานเป็นหัวหน้าช่างไฟฟ้า ในเมือง บูดาเบส ประเทศ ฮังการี ที่นี่เขาได้ปรับปรุงอุปกรณ์ของสถานีจนทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่ไม่เคยได้รับการจดจดสิทธิบัตรหรือได้รับการเผยแพร่ ปีต่อมาเจ้านานได้ส่งเขาไปทำงานที่กรงกรุงปารีส ไปทำกับบริษัทของ โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) นักประดิษฐ์ชาวอเมริกาผู้โด่งดัง เขาได้อยู่ในแผนกติกตั้งไฟฟ้าแสงสว่างซึ่งมันทำให้เขาได้ประสบการณ์เรื่องวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ด้วยความเก่งด้านวิศวกรรมและฟิสิกส์ จึงได้รับมอบหมายให้ออกแบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและมอเตอร์ รวมทั้งส่งของไปแก้ปัญหาตามสาขาต่าง ๆ ทั้ง ฝรั่งเศส เยอรมัน ในปี 1884 เขาได้ย้ายไปงานที่สาขาอเมริกา แต่ทำได้แค่ 6 เดือนก็ลาออกไปด้วยสาเหตุที่ยังคลุมเครือ ว่ากันว่า สาเหตุสำคัญเป็นเพราะ เอดิสันสั่งให้ เทสลา ปรับปรุง เจเนอเรเตอร์ และมอเตอร์ของเขาที่มีประสิทธิภาพต่ำ และบอกว่าจะจ่ายโบนัสให้ 5 หมื่นดอลลาร์ มูลค่าปัจจุบันเกิน 1 ล้านดอลลาร์ถ้าเขาทำได้สำเร็จ และเมื่อเขาทำสำเร็จจริง เอดิสัน กับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายอ้างว่าแค่พูดเล่นขำ ๆ 6. เปิดบริษัทเองครั้งแรก ก็เจอนายทุนเจ้าเล่ห์ หลังจากออกจากบริษัทของ เอดิสัน เขาได้ดำเนินการเรื่องจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับระบบไฟอาร์ค ที่เป็นระบบไฟที่นิยมใช้ภายนอกตัวอาคาร หรือไฟตามท้องถนนที่เรารู้จักกันนั่นเอง ทนายที่เขาเตรียมเรื่องขอยื่นเรื่องสิทธิบัตร ได้แนะนำทุนนายที่จะเป็นนายทุนในการเปิดโรงงานในชื่อของ เทสลา และเขาได้ออกแบบหลอดไฟอาร์ค สวิตช์ไฟ และปรับปรุงเจเนอเรเตอร์กระแสตรง ซึ่งทำให้เขาได้รับสิทธิบัตรเป็นครั้งแรกในอเมริกา และเขาได้รับมอบหมายให้สร้างและติดตั้งระบบไฟทรัฐนิวเจอร์ซีย์ ระบบใหม่ของเขาได้รับคำชื่นชมจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก แต่กลุ่มนายทุนในบริษัทไม่ค่อยสนใจกับแนวคิดของ เทสลา เรื่องมอเตอร์และการจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ หลังจากเครื่องติดตั้งเสร็จและเดินเครื่องในปี 1886 พวกเขาเห็นว่าธุระกิจด้านการผลิตอุปกรณ์มีการแข่งขันมากและเลือกที่จะทำโรงงานผลิตไฟฟ้าอย่างเดียว จึงไปเปิดบริษัทใหม่ และปิดบริษัทของ เทสลา และไม่ทิ้งเงินให้สักแดงเดียว เทสลา เสียสิทธิในการเป้นเจ้าของสิทธิบัตร เนื่องจากเขามอบให้กับบริษัทแลกกับการถือหุ่นไปแล้ว หลังจากนั้นจึงเป้นช่วงเวลาที่น่าลำบากของเขา และเขายังต้องไปรับงานซ่อมเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ และงานขุดร่องน้ำค่าแรงวันละ 2 ดอลลาร์ประทังชีวิต 7. สุดยอดนักประดิษฐ์แห่งศตวรรษ ปลายปี 1886 เขาได้รู้จักกับชาย 2 คน ผู้ซึ่งเชียวชาญทางด้านการจัดตั้งบริษัทและหาประโยชน์ทางการเงินจากสิ่งประดิษฐ์และสิทธิบัตร ทั้ง 2 ได้สนับสนุนการเงินแก่ เทสลา และดูแลเรื่องผลประโยชน์ในสิทธิบัตร พวกเขาจัดตั้งบริษัทใน เทสลา ในปี 1887 แบ่งผลกำไรกันอย่างลงตัว เขาได้ไป 1 ใน 3 พวกเขายังได้สร้างห้องแลปให้ เทสลา ซึ่งที่ที่เขาสร้างสิ่งประดิษฐ์และพัฒนาสิ่งของอีกมากมาย ผลที่สำคัญของ เทสลา ได้แก่ ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ มอเตอร์เหนี่ยวนำ ขดลวดเทสลา วิทยุ รีโมทคอนโทรล เป็นต้น เครดิตภาพจาก https://pixabay.com8. สงครามกระแสจุดไฟสว่างไสวทั่วโลก เมื่อ เทสลา พัฒนามอเตอร์เหนี่ยวนำที่ทำงานกับกระแสไฟฟ้าสลับสำเร็จในปี 1887 นับเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกระแสไฟฟ้า มีนักวิศวกรรมและนักธุระกิจชาวอเมริกา ได้ซื้อสิทธิบัตรมอเตอร์เหนี่ยวนำและแบบหม้อแปลงไฟฟ้าของ เทสลา รวมทั้งยังจ้างเขาไปเป็นที่ปรึกษาด้วยค่าจ้างที่สูงถึง 2,000 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อไปสร้างโรงงานไฟฟ้ากระแสสลับแข่งกับบริษัทของ เอดิสัน ที่ใช้ระบบไฟฟ้ากระแสตรงซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนั้น การแข่งขันเข้มข้นขึ้นตามมาด้วยปฏิบัติการเชิงจิตวิทยา ฝ่าย เอดิสัน ได้พยายามชี้ผู้ใช้ได้เห็นข้อเสียของระบบกระแสสลับบ เน้นไปที่ว่า อันตรายถึงชีวิตได้ จำลองเหตุการณ์ให้เห็นชัด โดยการนำไฟฟ้ากระแสสลับช็อตสัตว์ต่าง ๆ ตั้งแต่ สุนัข แมว ม้า ช้าง แล้วถ่ายวีดิโอออกเผยแพร่ ต่อมายังได้ประดิษฐ์เก้าอีไฟฟ้าที่ใช้ประหารชีวิตคน เพื่อให้ทุกคนกลัวไม่กล้าใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ ฝ่าย เทสลา จึงต้องแสดงถึงข้อดีที่เหนือกว่าในเรื่องการส่งกระแสไฟฟ้าได้ไกลมากกว่า และราคาถูกกว่ามากและไม่ได้เป็นอันตรายมากอย่างที่อีกฝ่ายบอก ในปี 1893 มีเหตุการณสำคัญอันเป็นจุดตัดสินสงครามนี้คือ งานนิทรรศการใหญ่ที่เมืองชิคาโก มีผู้ร่วมงานถึง 17 ล้านคน บริษัทของ เทสลา ชนะการประมูลระบบแสงสว่างสำหรับงานทั้งหมดโดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ แถมราคายังถูกกว่า ระบบกระแสตรงของ เอดิสัน ถึงครึ่งนึง นอกจากนั้นเขายังได้แสดงเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างเช่น หลอดไฟไร้สาย หลอดไฟนีออน เป็นต้น 9. ผู้คิดค้นเทคโนโลยีล้ำยุคหรือนักฝันสติเฟื่อง นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ทุ่มเททั้งเวลาและความพยายาม ที่จะพัฒนาการส่งไฟฟ้าแบบไร้สาย โดยต่อยอดจากหลอดไฟฟ้าไร้สายที่เขาทำสำเร็จมาแล้ว เขามีเป้าหมายยิ่งใหญ่ เขาคิดว่านี่ไม่เป็นแต่เพียงวิธีส่งไฟฟ้าไปได้ทั่วโลกเท่านั้น มันยังสามารถส่งสัญญาณการสื่อสารออกไปได้ทั่วโลกอีกด้วย เขายังมีแนวคิดที่จะนำโลกทั้งใบ มาเป็นสิ่งนำไฟฟ้า เพื่อจะนำไฟฟ้าไปในทุกคนในโลกนั่นเอง 10. อัจฉริยะผู้โดดเดี่ยวไร้คนจดจำ เทสลา เป็นคนหน้าตาดีและสุภาพจึงมีผู้หญิงหลาย ๆ คนแข่งขันเพื่อจะชนะใจของเขา แต่ เทสลา กลับยังไม่เคยแต่งงาน หรือมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหน และเขายังบอกว่า การถือพรหมจรรย์ของเขานั้นช่วยได้มากในเรื่องการทำงานวิทยาศาสตร์ เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงาน เขาทำงานทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น กินมื้อเย็นคนเดียวเวลา 2 ทุ่ม 10 นาทีตรง น้อยครั้งที่จะมีโอกาสร่วมโต๊ะกับผู้อื่น แล้วก็กลับไปทำงานต่อถึงตี 3 เป็นประจำ เขาใช้เงินจากการที่เขาทำงาน และค่าสิทธิบัตรจำนวนมหาศาลจนหมดจึงไม่ค่อยมีเงินใช้จ่าย บั้นปลายชีวิตของ เทสลา อยู่คนเดียว พักต่างโรงแรมในนิวยอร์ก เปลี่ยนโรงแรมทุก 2-3 ปี โดยไม่จ่ายค่าโรงแรม และในปี 1943 เขาก็ได้เสียชีวิตในโรงแรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เรื่องโดย spataeXLขอบคุณภาพจาก pixabay ภาพปก ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3