12 ชั่วโมงบนรถไฟสู่แสงเหนือ Aurora Winter Train, Alaska USA ในช่วงที่โควิดมาเยือน อาจทำให้หลายๆคนต้องพับแพลน ยกเลิกทริปที่ตั้งใจ เราก็เป็นหนึ่งคนที่คันไม้คันมืออยากจะออกเที่ยวสักทริปในปี2020นี้ใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่กลับไปเปิดดูรูปของทริปเก่าๆที่เราอาจจะพูดได้ว่า เป็นหนึ่งในทริปที่ประทับใจที่สุดในชีวิต รถไฟที่ต้องใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมง ลัดเลาะผ่านเมืองต่างๆ เริ่มจาก Anchorage > Wasilla > Talkeetna > Hurricane > Healy > Nenana > และปลายทางที่ Fairbanks ทำให้เราได้เจอกับสิ่งต่างๆมากมาย อย่างที่เค้าพูดกันไว้ว่า "บางครั้งเรื่องราวข้างทางก็สำคัญไม่แพ้ จุดหมาย" เมื่อเดือน ธันวาคม 2016 ตัวเราในขณะนั้นได้อาศัยอยู่ที่เมือง Seattle ประเทศอเมริกา ได้ตบปากรับคำชวนของรุ่นพี่ว่าจะไปดูแสงเหนือ ที่Alaskaด้วยกันแบบงงๆ ทั้งๆที่ในหัวเรานั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นั้นเลย (AURORA WINTER TRAIN: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) เรานั่งเครื่องบินจากSeattle ไปลง Anchorage เพื่อจะไปขึ้นรถไฟสาย Aurora Winter Train แต่จุดหมายปลายทางจริงๆสำหรับการล่าแสงเหนือคือที่ Fairbanks คำถามที่ยังแอบสงสัยในใจผุดขึ้นมาตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน ว่า "ทำไมไม่บินตรงไปลงที่ Fairbanksเลย ไม่ง่ายกว่าหรอ?" รถไฟสาย Aurora Winter Train ที่ราคาตั๋วหรูหราสมกับชื่อ ตีราคาประมาณ 190$(6,650บาท) รถไฟหน้าตาธรรมดาๆ ที่มีโบกี้ตู้โดยสายแบบที่หาขึ้นได้ทั่วไป อาจจะดีหน่อยที่มีที่เก็บกระเป๋าที่ใหญ่สะดวกสบาย แต่นั่นก็เถอะ มันยังทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า เห้ย! นี่คุ้มกับที่จ่ายไปไหมเนี่ย! แต่แล้ว รถไฟหน้าตาธรรมดาๆก็เริ่มน่าสนใจขึ้นมาทันที่ ที่เริ่มออกเดิน กระจกขนาดใหญ่สองข้าง ทำให้เราเห็นวิว และความสายงามตามธรรมชาติ ภูเขาสูงใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ Landscapeกว้างไกลขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา และคำบรรยายเกี่ยวกับสถานที่หรือเมืองที่เราผ่านลอดออกมาจากเสียงตามสาย ทำให้เราเพลิดเพลินกับมัน เหมือนดูทีวีแล้วสนุกกับการเปลี่ยนช่องดูสิ่งที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ จนลืมคิดไปว่า เราต้องอยู่บนนี้ยาวถึง 12ชั่วโมง (วิวที่ได้เห็นจากหน้าต่างบานใหญ่: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) (วิวระหว่างทาง: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) (หิมะปกคลุมทั่วทุกที่: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) มีช่วงหนึ่งที่รถไฟชะลอ ขณะอยู่ที่เมือง Hurricane ทำให้เราได้เห็นภาพที่แม้ว่าจะผ่านไปอีกกี่สิบปี่ก็คงไม่ลืม ก็คือ ภาพขุนเขาและลำธารขณะที่รถไฟกำลังข้ามสะพานอย่างช้าๆ ทุกคนต่างถ่ายภาพด้วยกล้องและมือถือที่อยู่ในมืออย่างกระหาย เหมือนกลัวว่า ภาพตรงหน้านั้นจะหายไปในอีกไม่ช้า (ภาพจากรถไฟขณะข้ามสะพานที่เมือง Hurricane : ภาพถ่ายโดยนักเขียน) นอกจากอิ่มตา อิ่มใจกับวิวและบรรยากาศสองข้างทาง เรายังอิ่มท้องกับโบกี้อาหารที่อาหารและเครื่องดื่มให้บริการแบบหลากหลาย และไม่ต่างจากร้านอาหารจริงๆเลย มีครบทั้งBreakfast Lunch Dinner ที่ส่วนมากเมนูก็เป็น American Style เช่น พาสต้า ขนมปัง ซุป และสเต็ก เป็นต้น (โต๊ะอาหารใหญ่มาก เหมือนในร้านอาหารจริงๆ : ภาพถ่ายโดยนักเขียน) (โบกี้อาหาร: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) เราหลับๆตื่นๆ ดูหนัง ฟังเพลง เพลินกับวิวสองข้างทางตลอด 12 ชั่วโมง จนเมื่อถึงปลายทางเราก็ได้คำตอบว่า เงินและเวลาที่เราเสียไปกับการเดินทางครั้งนี้มันคุ้มมาก คุ้มค่าในที่นี่เพราะมันได้เปลี่ยนความคิดเราหลายๆอย่าง (วิวนอกรถไฟ: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) (เพื่อนร่วมทริป: ภาพถ่ายโดยนักเขียน) บางครั้งไม่จำเป็นต้องถึงที่หมายในระยะเวลาอันสั้น ประสิทธิภาพของการเดินทางไม่ใช่ระยะเวลา บางครั้งการจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ มันก็คุ้มค่า ราคาไม่ใช่สิ่งที่บอกความคุ้มค่า ในที่นี้อาจหมายความได้อีกว่า การจ่ายถูก ก็ใช่ว่าไม่คุ้มค่า บางครั้งการให้โอกาสตัวเองได้ลองทำอะไรใหม่ๆ มันก็ง่ายซะจนตัวเองก็ตกใจ จงอย่ารีรอการให้โอกาสตัวเอง