2,215 ไม่ใช่ตัวเลขที่ พี่ตูน-บอดี้สแลม ใบ้ห้วยให้กับพี่น้องชาวไทย แต่เป็นระยะทางวิ่งจริง (2,215 กิโลเมตร) ที่เขาและทีมงานในนามก้าวคนละก้าว จะต้อง เชื่อ บ้า กล้า และ ก้าว จากจุดเริ่มต้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ไปถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ให้สำเร็จ ในภารกิจระดมเงินบริจาคจากหัวใจคนไทยทุกสารทิศ เพื่อนำไปซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจด้วยความสมัครใจ-ไม่มีใครบังคับให้ทำ จนในท้ายสุดได้เงินมากกว่าเป้าหมายที่พี่ตูนตั้งไว้ก่อนจะเริ่มวิ่ง คือ 700 ล้านบาท ถึง 2 เท่าตัวแน่นอนว่าการวิ่งครั้งนี้ย่อมต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ โดยทีมงานที่รับหน้าที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง GDH ที่ส่งทีมงานระดับหัวกะทิ 3 นาย มาช่วยกันถ่ายทำตามติดชีวิตทีมงาน ก้าวคนละก้าว ตลอดระยะเวลา 55 วัน จากวันแรกถึงวันลา ก่อนจะนำฟุตเทจ (ไฟล์วิดีโอทั้งหมดที่ได้จากการถ่ายทำ) ไปเข้าสู่กระบวนการหลังการถ่ายทำ เช่น ตัดต่อ เกรดสี มิกซ์เสียง จนเสร็จออกมาเป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายตามโรงให้เราๆ ได้ชมกัน ก่อนจะลงสู่ Netflix ในเวลาต่อมาในหนังมีหลายซีนที่น่าจดจำจนยากจะลืมเลือน ถ้าให้ผมบอกซีนที่ชอบที่สุดมาได้แค่ซีนเดียวก็คงทำไม่ได้ เพราะแต่ละซีนก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี ส่วนใหญ่อยู่ถูกที่ถูกเวลาในระดับที่น่าพอใจแต่ถ้าพูดถึงซีนที่เซอร์ไพรส์ที่สุด คงเป็นซีนที่หนังลงทุนลงแรงเซ็ตถ่ายเพิ่ม อย่างซีนจินตนาการของพี่ตูน (ซึ่งคัดเลือกนักแสดงมาได้ดีมาก!) ที่โผล่มาแบบเหนือความคาดหมายจริงๆ กับฉากที่พี่ตูนมีน้ำโหขึ้นมาขณะอยู่ในรถบ้าน ทำให้เราเห็นว่า เออ-เขาก็มีมุมนี้เหมือนกัน เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีอารมณ์ มีความรู้สึกก็แสดงออกมา ไม่ใช่พ่อพระตลอดเวลาส่วนซีนกลางคืนที่พี่ตูนวิ่งๆ อยู่แล้วเจ็บ ร่างกายไม่ไหวจนต้องเดินไปนั่งบนพื้นหญ้าริมทาง ช่วงท้ายของฟุตเทจนั้นภาพเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะตัดไปรับที่อีกภาพนึงแทน คือจังหวะนั้นกำลังแขนของช่างภาพน่าจะล้ามากๆ แล้ว (ฮา)เวลาเห็นพี่ตูนใส่เสื้อสีขาววิ่ง ผมจะชอบคิดว่านั่นเป็นเสื้อของสโมสรฟุตบอลสเปอร์ส-ทีมที่พี่ตูนเชียร์ ทั้งที่มันเป็นเสื้อโครงการวิ่งของพี่ตูนนี่แหละ นี่ถ้า King power เป็นสปอนเซอร์ให้สเปอร์ส โครงการนี้ก็คงไม่ต้องทำเสื้อสำหรับโครงการโดยเฉพาะ แล้วเอาเสื้อทีมสเปอร์สมาใส่วิ่งกันแทน (ฮา)ในแถววิ่งของพี่ตูนที่เรียงหน้ากระดานกันก่อนเข้าเส้นชัย ผมแอบเห็นว่าหนึ่งในนั้นคือประธานของบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ที่สุดของโครงการนี้ด้วย (คือหนังจงใจจะ 'ขายของอย่างแนบเนียน' ใช่มั้ยนะ)พอดูจบก็อยากฟังเสียงของคนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้ หรือความเห็นของคนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้บ้าง เช่น จำได้ว่ามีช็อตกว้างช็อตนึง ที่ขบวนวิ่งของพี่ตูนกินพื้นที่กีดขวางการจราจรบนถนนมากๆ แต่หนังก็ไม่ได้ขยี้อะไรลงไปลึกมากกว่านั้นเสียดายที่หนังไม่ได้ใช้เพลง วิ่งแบบพี่ตูน !!!นี่ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่พี่ตูนมีอิทธิพลมากขนาดนี้ เพราะในฐานะเจ้าของโปรเจกต์ ย้อนกลับไปเมื่อหกปีที่แล้ว จากบทสัมภาษณ์ของพี่ย้ง-ทรงยศ (ผู้กำกับ) ตอนทำหนังคอนเสิร์ต 'Bodyslam นั่งเล่น' ทีแรกพี่ย้งจะตัดต่อหนังออกมา 2 แบบ คือแบบนึงสำหรับฉายโรง อีกแบบนึงสำหรับลงดีวีดี แต่พอพี่ตูนดูหนังแล้วก็ตัดสินใจว่าเอาเป็นแบบเดียวไปเลย สุดท้ายฉบับฉายโรงกับฉบับลงดีวีดีก็เลยต้องเหมือนกันการปรากฎตัวของพี่ตูนทางจอเงิน ครั้งที่แล้วเราเห็นเขาในบทบาทนักร้อง (จากหนัง Bodyslam นั่งเล่น) ตามมาด้วยครั้งนี้ในบทบาทนักวิ่ง (ในหนังเรื่องนี้ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว) ซึ่งแม้เขาจะบอกไว้ในช่วงท้ายของหนังว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้วแต่ใครจะรู้ ครั้งหน้าเขาอาจกลับมากับอีกบทบาทที่ตนเองถนัด อย่างนักปิงปอง ก็ได้ !!!