ภาพหน้าปก : ภาพโดยผู้เขียนและนำไอคอนมาจาก www.flaticon.com สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านวันนี้เราจะมาเรียนรู้ทฤษฎีทางการตลาดนั้นก็คือ 3C’s Model ซึ่งจะช่วยพัฒนากลยุทธ์ให้กับองค์กรเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยหลักที่สำคัญ 3 ปัจจัยดังนี้ บริษัท (Company) , คู่แข่ง (Competitor) และ ลูกค้า (Customer) บริษัท (Company) การมองภายในบริษัทว่ามี “Resource-based view หรือ ทรัพยากรภายในบริษัท” อะไรบ้างซึ่งสามารถก่อให้เกิดเป็น “Core competency หรือ จุดเด่นของบริษัท” เพื่อนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ เช่น แบรนด์ ZARA ที่เป็นแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำระดับโลกได้ใช้ Resource-based view ในด้านการขนส่งสินค้าที่มี “จุดศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าที่ครอบคลุมพื้นที่” ทำให้สามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วโดยในอเมริกาสามารถขนสินค้าไปยังร้านค้าได้ภายใน 24 ชม.ในขณะที่คู่แข่งจะใช้เวลาส่งสินค้าเฉลี่ยมากกว่า 30 ชม. ทำให้ ZARA มี Core competency ในด้านความเร็วการส่งสินค้าและมีสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอนำไปสู่การเป็นแบรนด์ Fast Fashion ระดับชั้นนำของโลก เป็นต้น ภาพประกอบ : ภาพโดยผู้เขียนและนำไอคอนมาจาก www.flaticon.com คู่แข่ง (Competitor) การวิเคราะห์คู่แข่งในธุรกิจทั้งคู่แข่งทางตรง (Direct competitor), คู่แข่งทางอ้อม (Indirect competitor) และสินค้าทดแทน (Substitute) ที่สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) เช่นแบรนด์อิชิตันชิวชิว (Ichitan Chew Chew) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชาผสมวุ้นมะพร้าวจะมี Direct competitor คือ Oishi ที่มีเครื่องดื่มผสมวุ้นมะพร้าวรสองุ่นเคียวโฮและส้มยูซุ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชาผสมวุ้นมะพร้าวเหมือนกับ Ichitan Chew Chew, Indirect competitor คือ Kato, Desserto, Gumi Gumi ซึ่งเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวและมีระดับราคาใกล้เคียงกันและ Substitute คือ เครื่องดื่มประเภทชา หรือ เครื่องดื่มทั่วไปที่มีระดับราคาใกล้เคียงกันเช่น โออิชิน้ำผึ้งมะนาว, พอคคาชาอู่หลง เป็นต้น โดยหลังจากที่ค้นหาคู่แข่งในตลาดแล้วก็จะนำมาวิเคราะห์ถึงจุดเด่นในแต่ละแบรนด์โดยเฉพาะเรื่อง “รสชาติ, ราคาและปริมาณของสินค้า” เพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่แตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งผ่านการนำ Core Competency ของบริษัทมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดภาพประกอบ : ภาพโดยผู้เขียนและนำไอคอนมาจาก www.flaticon.com ลูกค้า (Customer) การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างซึ่งเราสามารถนำมาเป็นส่วนที่จะพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นได้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้1. “Desire” ดูในเรื่องของ Need, Want, Demand ของกลุ่มเป้าหมาย2. “Behavioral” พฤติกรรมของผู้บริโภคที่สามารถเกี่ยวข้องกับสินค้าเราได้3. “Customer Journey หรือ เส้นทางของผู้บริโภคตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการซื้อสินค้า” ว่ามีกระบวนการอย่างไรบ้างเพื่อนำมาใช้ในการโฆษณาเพื่อสื่อสารไปในช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยหลังจากที่วิเคราะห์ 3C’s Model ซึ่งประกอบด้วย Company, Competitor, Customer แล้วก็จะเห็นจุดเด่นของบริษัทเพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์ให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค, โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาดจนสามารถเป็นเจ้าตลาด (Market Leader) ได้ในท้ายที่สุดภาพประกอบ : ภาพโดยผู้เขียนและนำไอคอนมาจาก www.flaticon.com