ภาพปกจาก: Sweetlouise / Pixabayภาพจาก:DariuszSankowski / Pixabay “รัฐศาสตร์” เป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาเรียนสายสังคมที่ต้องอาศัยความขยันในการอ่านหนังสือเป็นอย่างมากในสายตาของใครหลายคน ซึ่งบางคนอาจจะจินตนาการถึงนิสิตนักศึกษาที่เรียนรัฐศาสตร์ ต้องนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเมืองเล่มหนา ๆ ที่เหมาะแก่การเอามานอนหนุนมากกว่าอ่าน เพราะจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของการเมือง ประวัติศาสตร์ และกฏหมายอันเกี่ยวข้องกับบทเรียน ส่วนในห้องเรียนก็ต้องเต็มไปด้วยบรรยากาศความเข้มข้นทางเนื้อหา ที่นิสิตนักศึกษาต้องจดเลคเชอร์กันมือเป็นระวิง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทั้งหมดของการเรียนรัฐศาสตร์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพราะการเรียนรัฐศาสตร์นั้น ยังมีมากกว่าการนั่งอ่านหนังสือการเมืองจนหัวฟู มากกว่าบรรยากาศความเข้มข้นทางเนื้อหาในห้องเรียน ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับการเรียนรัฐศาสตร์ให้มากขึ้นผ่าน “3 จุดเด่นของการเรียนรัฐศาสตร์” กัน! 1.การเรียนแบบสัมมนาในชั้นเรียนภาพจาก:startupStockPhotos / Pixabay เปิดข้อแรกมาหลายคนก็อาจจะนั่งขมวดคิ้วกันแล้ว เพราะเข้าใจว่าในชั้นเรียนรัฐศาสตร์นั้น อาจารย์ผู้สอนจะต้องพูดร่ายเรื่องราวความเป็นไปของการเมืองที่ยาวเหยียดอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงนั้นชั้นเรียนรัฐศาสตร์ยังมีสิ่งที่มากกว่าการเรียนในส่วนที่เป็นทฤษฎีเนื้อหา เพราะเมื่อเราเรียนจบบทเรียนหนึ่งบทแล้วนั้น ทางอาจารย์ผู้สอนก็จะมีกิจกรรมสนุกๆ มาให้เราได้แสดงสกิลด้านการแสดงออกทางการพูดและการคิดวิเคราะห์กันแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการสัมมนาแบบกลุ่ม ที่จะมีอาจารย์ผู้สอนประจำวิชามานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเราต่อบทเรียนที่ผ่านมาว่าเรามีความคิดเห็นอย่างไร, กิจกรรมการโต้วาทีในชั้นเรียน ที่เรียกได้ว่าสร้างความตื่นเต้นให้กับชาวรัฐศาสตร์ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ทั้งสมองและทักษะการพูดค่อนข้างเยอะ และกิจกรรมสุดท้ายคือ การให้ค้นคว้าและต่อยอดจากบทเรียนที่เพิ่งเรียนจบไปแล้ว มานำเสนอหน้าชั้นเรียน (Present) ในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา เพราะบางวิชาอาจารย์จะจับคู่กลุ่มเรากับเพื่อนอีกกลุ่มในชั้นเรียน เพื่อให้ศึกษาและตั้งคำถามกับงานของเราอีกด้วย! โดยมีจุดประสงค์ของกิจกรรมคือ การทำให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการคิดและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งกิจกรรมนี้เองก็สร้างความตื่นตัวให้กับผู้เรียนได้เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าพอใกล้จบบทเรียนหนึ่งบท ชาวรัฐศาสตร์จะต้องเตรียมตัวกันเติมโปรหยอดเหรียญเรียกสกิลการพูดและมันสมองในการวิเคราะห์กันเต็มอัตราเลยทีเดียว เพราะเมื่อถึงวันนำเสนอหรือวันโต้วาที แต่ละคนก็จะงัดเอาศักยภาพของตัวเองออกมาโชว์กันอย่างเต็มที่ และจากกิจกรรมในห้องเรียนต่างๆนี้เองก็จะทำให้เราเห็นว่า เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนหรือร่วมกลุ่มของเรามีศักยภาพเด่นในด้านไหน รวมทั้งยังเห็นศักยภาพของตัวเองที่อาจจะไม่ค่อยได้เอาออกมาแสดงมากนักอีกด้วย เรียกได้ว่า กิจกรรมในห้องเรียนนี้ ถือว่าเป็นการเบิกทางให้เรากล้าที่จะพูด กล้าที่จะคิด และกล้าที่จะทำในแบบที่เราไม่เคยหรือไม่กล้าจะแสดงออกมา และยังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตนเองสู่โลกใบใหม่ในการเรียนรู้ไปพร้อมกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนด้วย 2.กฎหมายเฉพาะสาขาที่ไม่เหมือนกันภาพจาก:SUCCO / Pixabay แน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงการศึกษาในเรื่องของการเมือง เราจะขาดการศึกษาในเรื่องของ “กฎหมาย” ที่เป็นสิ่งคู่กันได้อย่างไร โดยในส่วนนี้หลายๆ คนอาจจะกำลังนึกถึง กฏหมายอาญา และ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่มีประมวลเล่มหนารออยู่ในชั้นเรียน ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า กฎหมายในการเรียนรัฐศาสตร์นั้นมิใช่กฎหมายอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะรัฐศาสตร์จะเรียนกฎหมายที่เป็นกฎหมายเกี่ยวกับสาขาวิชาของตนเอง หรือก็คือ หากเราเรียนอยู่ในสาขาการเมืองการปกครอง เราก็จะต้องเรียนกฎหมายปกครอง ซึ่งเป็นวิชาที่ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแผ่นดิน ที่ฝ่ายปกครองทุกคนต้องรู้ (แอบกระซิบว่าวิชานี้สามารถนำไปใช้เตรียมตัวสอบในการสอบกพ.ภาคก.ได้ด้วย) ถ้าเราเรียนสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราก็จะต้องเรียนกฎหมายระหว่างประเทศ ที่แตกแขนงยิบย่อยไปอีกมากมาย เช่น กฎหมายความมั่นคงระหว่างรัฐ กฎหมายการค้า เป็นต้น และหากเราเรียนในสาขารัฐประศาสนศาสตร์ เราก็อาจจะไม่ได้พบเจอกับวิชากฎหมายมากนั้น แต่เราอาจจะเจอกับกฎหมายแรงงานและกฎกระทรวงมากมายที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งการเรียนกฎหมายของรัฐศาสตร์นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องท่องจำมากมาย เพราะเป็นการเรียนที่เน้นไปที่ ที่มาของกฏหมายเหล่านั้นว่ามีอะไรให้อำนาจในการใช้งานแก่กฏหมายข้อนั้นๆ แล้วการใช้งานแบบไหนที่เรียนว่าถูก การใช้งานแบบไหนที่เรียกว่าผิด 3.ทัศนียภาพการคิด วิเคราะห์ที่กว้างมากยิ่งขึ้นภาพจาก:jarmoluk / Pixabay “การเรียนรัฐศาสตร์ ไม่เคยหยุดอยู่แค่ตัวอักษรในหนังสือ” แน่นอนว่าแม้เราจะอ่านข้อมูลประวัติศาสตร์การเมืองมาครบทุกยุคสมัย หรือ เราสามารถจดจำรายชื่อบุคคลสำคัญต่างๆ ในบริบทของการเมืองได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าหากว่าเราเก็บข้อมูลมาสะสมในสมอง แล้วหยุดมันแค่ตรงนั้น สิ่งที่ได้คือ “ความรู้” ที่ปริมาณจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการแสวงหาความรู้ แต่รัฐศาสตร์ไม่ได้สอนให้เราหยุดอยู่แค่ความรู้ในหัว เพราะรัฐศาสตร์จะสอนให้เรานำความรู้ในหัวไปต่อยอด โดยการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ที่ทำให้เราสามารถเห็นทัศนียภาพที่กว้างกว่าเดิม เนื่องจากสิ่งที่เราศึกษาคืออดีตที่ผ่านมา แม้จะนานหรือไม่นานแต่มันก็เกิดมาจากการถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรัฐศาสตร์จะทำให้เราเปรียบเสมือนได้แว่นคู่ใหม่ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนและกว้างขวางกว่าเดิมในการมองข้อมูลต่างๆ เราจะไม่ได้เพียงรู้แค่อดีตที่ถูกบันทึก แต่เรายังสามารถรู้ถึงอนาคต โดยการ “ทำนาย” ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่าทฤษฎีและกรอบแนวคิดต่างๆ ทางรัฐศาสตร์ และสิ่งเหล่านี้เองที่จะทำให้ความคิดของเรากว้างและลึกมากยิ่งขึ้น จากแต่เดิมที่เราเคยรู้ว่า B ทำให้เกิด A แต่รัฐศาสตร์สามารถทำให้เรารู้ได้ต่ออีกว่า แล้ว A ทำให้เกิดอะไรต่อ? แล้วจะเกิดตอนไหน? เกิดอย่างไร? เกิดเช่นเดียวกับที่Bทำให้เกิดAหรือไม่? ซึ่งการเกิดคำถามเหล่านี้เอง คือสิ่งที่ทำให้เราคิดวิเคราะห์ได้กว้างและลึกมากยิ่งขึ้น และยังสามารถทำให้เราลืมแว่นคู่เดิมที่ทำให้เรามองข้อมูลเห็นแค่มิติเดียวเป็น “แว่นอินฟินิตี้มิติ” คู่ใหม่ที่ทำให้เราสามารถคิดวิเคราะห์ข้อมูลนั้นได้จากมิติไหนก็ได้ที่เราต้องการศึกษา ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่การเรียนรัฐศาสตร์ได้เสริมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้เรียนขึ้นมา เพราะผู้เรียนทุกคนเมื่อเรียนรัฐศาสตร์ก็จะได้แว่นตาคู่ใหม่มาคนละหนึ่งอันทันที และแว่นตาคู่ใหม่นี่เองที่ทำให้ความคิดของเราไม่ได้หยุดแค่ในหน้ากระดาษอีกต่อไป ภาพจาก:DariuszSankowski / Pixabay เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนอาจจะได้รู้จักการเรียนรัฐศาสตร์ในมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้น เพราะจะเห็นได้ว่ารัฐศาสตร์ไม่เพียงแต่อ่านหนังสือเป็นตั้งจนหัวฟู หรือต้องเรียนแต่เนื้อหายากๆเยอะๆ แต่รัฐศาสตร์ยังทำให้มิติทางความคิดของผู้เรียนกว้างและลึกมากยิ่งขึ้น โดยการทำให้ข้อมูลที่มีอยู่ในมือของเราเป็นได้ทั้งกิจกรรมแสนสนุก หรือ การเดินทางท่องไปในโลกแห่งความคิด แม้แต่บทเรียนเล็กๆ ในห้องเรียนที่ไม่ได้มีแต่เรื่องการเมืองก็สามารถนำมาเป็นหัวข้อในการสร้างความสนุกสนานในการเรียนได้แล้ว เพราะการเรียนรัฐศาสตร์ไม่ได้หยุดแค่สิ่งที่อยู่ในหนังสือ แต่การเรียนรัฐศาสตร์ทำให้ความคิดของเราดำเนินไปได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !