ท้องผูกแค่ได้ยินชื่อ ไม่ว่าใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็นกันแล้วใช่ไหมคะ เพราะนับได้ว่าเป็นความอึดอัดทรมานในรูปแบบหนึ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเราเองเลยด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการทานอาหารของเราเองที่รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ไม่ค่อยทานผักผลไม้ ดื่มน้ำน้อย เพราะฉะนั้นในวันนี้ผู้เขียนก็จะมาบอกถึงวิธีแก้อาการท้องผูก ซึ่งจะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันได้เลยค่ะ1. ดื่มน้ำให้มาก ๆผู้เขียนขอยืนยันเลยว่าการดื่มน้ำสามารถช่วยได้จริง ๆ เพราะว่าการดื่มน้ำจะทำให้อุจจาระของเราไม่แข็ง ช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น ตื่นเช้ามาควรจะดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนทานอาหาร และหลังทานอาหาร พยายามที่จะดื่มให้ได้มากที่สุด ในวันหนึ่ง ๆ แนะนำดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว เพราะว่าจะทำให้ผิวพรรณของเราสดใส แล้วยังช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้นด้วยค่ะ ทำให้ลดโอกาสการเกิดอาการท้องผูกให้น้อยลงได้นั่นเองค่ะ 2. ขับถ่ายเป็นเวลาเราต้องฝึกหัดถ่ายให้เป็นเวลา ฝึกตัวเองด้วยการที่ตื่นเช้าขึ้นมาผู้เขียนจะดื่มน้ำก่อนเลย พอผู้เขียนดื่มน้ำทุกเช้าปุ๊ป สักพักจะรู้ปวดท้องเข้าห้องน้ำ และจะถ่ายตอนนั้นเลยค่ะ เป็นเรื่องปกติเลยที่จะถ่ายเป็นเวลาทุกเช้า หลังจากตื่นขึ้นมาได้สักพัก หรือหลังทานอาหารเช้า เพียงแค่เราปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำให้เป็นเวลาเท่านั้นเองค่ะ ส่วนใครที่ร่างกายเยังไม่สามารถที่จะปรับพฤติกรรมตามนี้ได้ในทันที ก็อาจต้องให้เวลาร่างกายหน่อยนะคะ แล้วก็พยายามที่จะฝึกขับถ่ายเป็นเวลาอยู่ทุกวันจะดีมากเลยค่ะ 3. รับประทานผักผลไม้เป็นประจำผักผลไม้จำเป็นมาก ๆ เพราะว่ามีกากใยอาหารสูงที่ช่วยให้ย่อยง่ายทำให้ท้องไม่ผูก เพราะถ้าเราเน้นทานแต่เนื้อสัตว์มากเกินไป ไม่ค่อยได้ทานผักผลไม้บ้างเลย จะทำให้ท้องผูกและถ่ายยาก อุจจาระแข็ง อาจส่งผลให้เป็นริดสีดวงทวารตามมา ทรมานมาก ๆ เลยนะคะ เพราะฉะนั้นหัดทานผักผลไม้ให้เป็นนิสัยจะดีต่อร่างกายของเรามากที่สุดค่ะ จบกันไปแล้วนะคะกับวิธีแก้อาการท้องผูก เพียงแค่เราดื่มน้ำให้มาก ๆ หัดขับถ่ายเป็นเวลา แล้วก็ทานผักผลไม้ให้ได้เยอะ ๆ 3 วิธีแค่นี้ล่ะค่ะที่จะช่วยให้เราสามารถขับถ่ายเป็นเวลาได้ในทุกวัน ขับถ่ายง่าย ขับถ่ายคล่อง ช่วยลดปัญหาท้องผูกได้ ทำให้ไม่เป็นริดสีดวงทวารอีกด้วย ยังไงคุณผู้อ่านที่ยังคงมีอาการท้องผูกอยู่ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ รับรองว่าได้ผลอย่างแน่นอนค่ะ เครดิตรูปภาพหน้าปก : https://bit.ly/3bqJXFqเครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปที่ 1 : https://bit.ly/2Sw8sIJเครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปที่ 2 : https://bit.ly/31HN5bkเครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปที่ 3 : https://bit.ly/2tJP4PW