เศรษฐกิจในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่กับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงอย่างหนัก จึงทำให้การเก็บเงินสดไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไปแล้ว คนในปัจจุบันจึงหันมาสนใจการลงทุนมากขึ้น หนึ่งในการลงทุนที่เป็นที่นิยมนั่นคือกองทุนรวม ซึ่งหลายคนที่เพิ่งหันมาสนใจการลงทุนในกองทุนรวมส่วนมากจะเป็นมือใหม่ ซึ่งหากศึกษาข้อมูลมาเต็มที่ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ แต่บางครั้งหลายคนมักอยากที่จะรวยเร็วและคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าความเป็นจริง จึงทำให้เงินต้นที่มีอาจจะพลาดแล้วสูญเสียเงินต้นส่วนนั้นไปได้ตัวผมเองในครั้งแรกที่เริ่มลงทุนในสินทรัพย์กองทุนรวม ผมประมาทและละเลยที่จะศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ในตอนนั้นผมจึงเลือกซื้อกองทุนที่มีผลตอบแทนสูงๆเพราะหวังแค่ว่าอยากได้ผลตอบแทนที่สูงเหมือนคนอื่น โดยลืมไปว่าจะต้องศึกษาแนวโน้มโดยรวมของกองทุน ศึกษาสินทรัพย์ที่กองทุนเอาไปลงทุน ศึกษานโยบายของกองทุน จึงทำให้บางกองทุนที่ผมลงทุนไปยังขาดทุนอยู่และยังไม่มีแนวโน้มที่จะทำกำไรให้ผมได้เลย จากประสบการณ์ราคาแพงครั้งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และได้รวบรวมประสบการณ์ในครั้งนี้มาสรุปเป็น 3 สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องไม่ละเลยสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่ง 3 ข้อนี้จะช่วยให้เราลงทุนในกองทุนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความเสี่ยงลดน้อยลงได้ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า 3 สิ่งสำคัญที่ผมพูดถึงมีอะไรกันบ้าง1.อย่ากลัวตกรถหรือตกขบวน หลายครั้งที่เราเห็นราคาต่อหน่วยของกองทุนรวมมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วเรามักจะเข้าซื้อโดยทันที โดยที่ไม่มีศึกษาให้ดีถึงพฤติกรรมของราคาให้แน่ชัดก่อน เพราะบางครั้งการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วอาจเป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะเกิดฟองสบู่แตกก็ได้ ฟองสบู่แตกคือการที่ราคาขึ้นสูงอย่างรวดเร็วและจากนั้นก็จะลดลงอย่างรวดเร็วมากเช่นกัน หากเรามองแค่ราคาต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเราก็จะรีบซื้อโดยทันทีเพราะเราจะกลัวตกรถหรือตกขบวน ซึ่งตกรถหรือตกขบวนหมายถึงการที่เรากลัวว่าเราจะพลาดโอกาสการทำกำไรในครั้งนั้นความคิดข้อนี้เองอาจทำให้เราหลงกลซื้อกองทุนรวมโดยไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียด ความรู้ความเข้าใจในกองทุน ทำให้เมื่อเกิดฟองสบู่แตกตามมาในอนาคตเราอาจจะขาดทุนได้ สำหรับตัวผมเคยเห็นเหตุการณ์นี้ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้นราคากองทุนรวมหลายกองทุนมีราคาพุ่งสูงขึ้นมาก แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2565 กลับเกิดเหตุการณ์ที่กองทุนรวมมีราคาลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นฟองสบู่แตกเลยก็ได้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้นักลงทุนหลายคนยังติดดอยอยู่ ยังดีที่ตัวผมเองเว้นช่วงการลงทุนในช่วงนั้นพอดี เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมการเพิ่มขึ้นของราคาแล้วมันเพิ่มขึ้นรวดเร็วจนเกินไป แต่บางกองทุนที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่โตอย่างต่อเนื่องก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่อยากเสียใจเพราะกลัวตกรถ เพราะอย่างน้อยมันก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงยังไงแล้วก็อย่าปิดกั้นโอกาสการลงทุนเพียงเพราะผมบอกให้อย่ากลัวการตกขบวนนะครับ เพราะบางทีการที่เราไม่กลัวการตกขบวน เราอาจจะตกขบวนก็ได้ ศึกษาข้อมูลให้ดีจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ2.อย่ากลัวติดดอย หลายคนอาจสับสนว่าเมื่อกี้เพิ่งบอกว่าอย่ากลัวตกขบวน แล้วข้อนี้มาบอกว่าอย่ากลัวติดดอย เลยสับสนว่าตกลงจะให้ซื้อหรือไม่ให้ซื้อ ก่อนอื่นผมต้องอธิบายก็นะครับว่าติดดอยคืออะไร ติดดอยคือการที่เราซื้อกองทุนในราคาหนึ่ง แล้วต่อมากองทุนนั้นมีราคาลดลงจนเราขาดทุน และเราก็ไม่อยากขายราคาขาดทุน เราจึงติดดอย ซึ่งการที่ผมบอกว่าอย่ากลัวติดดอย ไม่ได้หมายความให้ซื้อกองทุนโดยที่ไม่ต้องกลัวและไม่ศึกษาได้ แต่คำว่าอย่ากลัวติดดอยของผมคือหากคุณศึกษาข้อมูลของกองทุนนั้นมาอย่างละเอียดดีแล้ว และมั่นใจในสินทรัพย์ที่กองทุนนั้นนำไปลงทุนว่าจะทำกำไรให้ได้อย่างแน่นอนในอนาคต ก็ขอให้คุณซื้อกองทุนนั้นได้เลยโดยอย่าลังเล เพราะการกลัวติดดอยเองก็อาจทำให้เราพลาดโอกาสลงทุนไปก็ได้การลงทุนต้องอาศัยระยะเวลาให้เงินทำงาน ดังนั้นไม่ควรรอจนพลาดโอกาส สำหรับตัวผมหากผมศึกษาข้อมูลของกองทุนนั้นๆมาอย่างดีและละเอียดแล้ว ผมก็ซื้อกองทุนนั้นๆอย่างมั่นใจว่าในอนาคต 10-20 ปีมันจะทำกำไรให้ผมได้แน่ๆ ผมจึงเลือกซื้อ แต่จะให้ผมบอกชื่อกองทุนเลยมันคงไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีกองทุนที่เหมาะกับตัวเองแตกต่างกัน แต่ละคนแบกรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน อีกทั้งการแนะนำชื่อกองทุนสำหรับผมมันเป็นการชักชวนจนเกินไป ดังนั้นกองทุนที่เหมาะกับเรา เราจะต้องค้นหาและศึกษามันด้วยตัวเองจึงจะเกิดประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นหากศึกษามาอย่างดีแล้วก็ขอให้มั่นใจที่จะซื้อมันนะครับ3.ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดลึกซึ้ง อย่างที่เรารู้กันดีว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงมาก ความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดคืออาจทำให้เราสูญเสียเงินต้นที่เรามีไปส่วนหนึ่ง ซึ่งหากเงินนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของเงินที่มีก็คงไม่รู้สึกแย่อะไรมาก แต่หากเงินนั้นเป็นเงินส่วนใหญ่ที่มีก็อาจทำให้เกิดความเครียดและความไม่สบายใจจากการลงทุนได้ แล้วอะไรที่จะมาให้ความเสี่ยงนั้นลดลงได้ นั่นก็คือความรู้ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลของกองทุนที่เราจะลงทุน เพราะการศึกษาข้อมูลจะทำให้เรารู้ว่ากองทุนนั้นนำเงินของเราไปลงทุนในสินทรัพย์อะไรและสินทรัพย์นั้นมีความมั่นคงมากแค่ไหนและมีโอกาสแค่ไหนที่จะสร้างกำไรให้เราในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้การลงทุนของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ลงทุนแบบฉาบฉวยซึ่งอาจทำให้ผลที่ได้ไม่เป็นไปตามหวังได้ ตัวผมเองก่อนที่จะลงทุนจะนำเอกสารชี้ชวนมาอ่านอย่างละเอียด และอ่านทุกข้อมูล เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเงินที่เราใส่ไปเขาจะเอาไปทำอะไร หากใครจะลงทุนในกองทุนรวมขอให้ศึกษาข้อมูลให้มากๆนะครับ ทั้งตัวกองทุนเองและสินทรัพย์ที่กองทุนนำไปลงทุนด้วย ทั้งแนวโน้มในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้เราได้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนและนี่ก็คือ 3 สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การทำความเข้าใจและการศึกษาข้อมูล ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของการฝึกจิตใจให้ไม่คล้อยตามไปกับสิ่งยั่วยุที่เรียกว่าผลตอบแทน เพราะบางครั้งผลตอบแทนในปัจจุบันอาจไม่ได้บ่งชี้ผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นขอให้นักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ที่จะลงทุนในกองทุนรวมอย่าละเลยสิ่งเหล่านี้นะครับ หากใครมีข้อเสนอแนะอะไรสามารถแสดงความคิดเห็นไว้ได้เลยนะครับภาพปกทำเองจากเว็บไซต์ canva.comภาพที่ 1 โดย nattanan23 จาก Pixabayภาพที่ 2 โดย Pexels จาก Pixabayภาพที่ 3 โดย Pexels จาก Pixabayภาพที่ 4 โดย geralt จาก Pixabayชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่ TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***