ทุกวันนี้สิ่งที่ยากกว่าการหาเงินก็น่าจะเป็นการเก็บเงิน เพราะทุกวันนี้รายได้ที่มีก็แทบจะไม่สมดุลกับรายจ่ายเลยแม้แต่น้อย รายจ่ายบางอย่างก็กลับเพิ่มขึ้นมาจากสถานการณ์เงินเฟ้อ เช่น ราคาเนื้อไก่ที่ปัจจุบันราคาสูงถึงเกือบร้อยบาท ราคาน้ำมันที่แพงแสนแพงกว่าใน 2-3 ปีที่ผ่านมามาก ซึ่งสาเหตุหลักก็คงปฏิเสธเงินเฟ้อไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ใครหลายคนเก็บเงินได้ยากขึ้น และทำให้ชีวิตเข้าใกล้ความมั่นคงได้ช้าลงไปอีก อย่างตัวผมมักจะออมเงินอย่างน้อย 30% ของรายได้ แต่เมื่อเจอกับสถานการณ์ของแพงเข้าไปก็ทำให้ต้องมีการปรับลดสัดส่วนของเงินที่จะออมลงเหลือ 20-25% เท่านั้น ซึ่งในระยะยาวผลลัพธ์ที่ได้จะน้อยกว่าการเก็บออม 30% มาก เช่นผมมีเงินเดือน 20000 บาท หากเก็บ 30% ต่อเดือน หมายความว่าผมจะต้องเก็บเงินออม 6000 บาทต่อเดือน ถ้า 10 ปี ผมจะเก็บเงินได้ทั้งหมด 720000 บาท แต่ถ้าผมเก็บออมเดือนละ 20% ผ่านไป 10 ปีผมก็จะมีเงินเก็บ 600000 บาท ซึ่งน้อยกว่า 30% อยู่ราวแสนกว่าบาท นั่นแสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่แพงขึ้น เงินเฟ้อ การหาเงินทำได้ยากขึ้น ทำให้การเก็บเงินของเราเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น จากที่ผมพูดไปหลายคนก็คงบอกว่าจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ สำหรับคนที่ไม่เคยเก็บเงินหมื่นได้เลยในชีวิตผมอยากให้ลองนำวิธีของผมไปลองปรับใช้ ผมเป็นคนที่ในอดีตไม่สามารถเก็บเงินได้เลยสักบาท แต่ในปัจจุบันผมสามารถที่จะมีเงินเข้าใกล้หลักล้านขึ้นมาได้ ก็เป็นเพราะวิธีเหล่านี้ ซึ่งผมจะนำมุมมองมาแบ่งปันทุกคนกันครับ เราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่า 3 เทคนิคที่ผมจะแบ่งปันมีอะไรกันบ้าง1.บริโภคอย่างชาญฉลาด แน่นอนว่าเราใช้เงินทั้งหมดไปกับการอุปโภคและบริโภค ดังนั้นถ้าการบริโภคของเราไม่ได้เป็นไปอย่างชาญฉลาด การใช้เงินของเราก็จะไม่มีทางที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดได้ หากเราตกเป็นเหยื่อในการบริโภคอยู่บ่อยครั้งก็จะส่งผลต่อสถานะทางการเงินของเราได้ อย่างตัวผมเองไม่ต้องยกตัวอย่างใครที่ไหนเลย ตัวผมมักจะกินบุฟเฟ่ต์เพราะมองว่ามันคุ้มค่ากับเรา กินทีหนึ่งก็ครั้งละ 500 บาทขึ้น จนลืมคิดไปว่าถ้าเราคุ้มแล้วทำไมร้านถึงเปิดมาได้เป็น 10 ปี แถมยังมีลูกน้องเป็นสิบคนอีก นั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่คุ้มอาจไม่ใช่เรา แต่อาจเป็นเจ้าของร้านแทนก็ได้ คนเราเมื่อหิวจะถูกกิเลสครอบงำจนอยากกินทุกอย่างที่ขวางหน้า จนลืมไปว่าข้าวแกงก็อิ่มเหมือนกัน ตัวผมมักมองหารองเท้าใหม่ๆอยู่เสมอ ถามว่าซื้อมาใส่ใช่ไหม ตอบได้เลยว่า ใช่! (ผมซื้อมาเก็บ) เพียงเพราะมันสวยและลดราคา เห็นไหมครับว่าเราเสียเงินกับการบริโภคที่ไม่คิดและไม่มีการเปรียบเทียบมาเท่าไหร่แล้ว ระยะหลังมานี้ผมมักจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปใช้เงินกับของเหล่านี้มากนัก ผมมักจะซื้อเฉพาะสิ่งที่เราคุ้มค่า อะไรที่ไม่คุ้มค่าผมจะมองข้ามมันไปในทันที ให้เราลองคิดในมุมผู้ผลิตดูบ้าง เราจะรู้ว่าต้นทุนมันเท่าไหร่ และใครกำไรกันแน่ อย่าลืมคิดและเปรียบเทียบก่อนจะบริโภคทุกครั้ง มันจะช่วยให้เราเหลือเงินไปทำเรื่องที่มีประโยชน์อีกหลายบาท2.ออมก่อนใช้ หลายคนที่เมื่อได้เงินมามักจะใช้เงินนั้นก่อน และเมื่อเหลือถึงค่อยนำมาออม แต่จริงๆแล้วมันได้ผลน้อยมาก เพราะส่วนมากก็หมดก่อนที่จะได้นำมาออม อย่างตัวผมเองมักจะบอกตัวเองว่าใช้ไปก่อน เดี๋ยวเหลือแล้วเอามาออม จนสุดท้ายมันก็ไม่เคยเหลือเลยสักครั้งเดียว แถมมันยังจะไม่พออีกต่างหาก ผมจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิด โดยกำหนดไปเลยว่าเงินออมคือรายจ่ายอย่างน้อยก็ควรออมสัก 5-10% ของรายได้สำหรับคนเพิ่งเริ่ม ได้เงินมาต้องออมเลย อย่างน้อยๆเงินก้อนนั้นถ้าเราไม่เดือดร้อนจริงๆเราก็ไม่ยุ่งกับมัน เงินที่เราไม่ได้เห็นเราก็จะไม่ใช้มัน หลายคนพลาดเพราะวางแผนเงินออมผิด จึงอยากให้ลองคิดใหม่ เพื่อให้เราออมเงินได้ง่ายขึ้น3.เก็บภาษีฟุ่มเฟือย วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมใช้ในการชดเชยความรู้สึกผิดของตัวเองหลังจากใช้เงินฟุ่มเฟือย โดยผมจะหักเงินตัวเอง 20% จากยอดเงินที่ผมใช้ฟุ่มเฟือย เช่นหากผมใช้เงินฟุ่มเฟือยไป 500 บาท ผมจะโดนหักเงินที่เอาไว้ใช้จนสิ้นเดือนไป 100 บาท และเอาไปเติมในเงินออมแทน วิธีนี้ช่วยชดเชยความรู้สึกผิดจากการฟุ่มเฟือยได้นิดหน่อย แต่มันจะช่วยให้เรามีวินัยทางการเงินมากขึ้นและจะช่วยให้เราคิดถี่ถ้วนมากขึ้นก่อนที่จะใช้เงินเพราะกลัวที่จะต้องจ่ายภาษีเข้าเงินออม ภาษีตรงนี้เราจะต้องรู้ตัวเองว่าอันไหนควรเก็บและไม่ควรเก็บ อย่างเช่นหากไปกินชาบู แบบนี้ควรเก็บ แต่ถ้าเอาเงินให้แม่ไปจ่ายค่ายา แบบนี้อาจจะพิจารณาอีกครั้ง แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน และที่สำคัญจะต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง แรกๆที่ผมใช้วิธีนี้ผมไม่มีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ชอบคิดไปเองว่านิดหน่อยเองคงไม่เป็นไร สุดท้ายก็เสียนิสัยและติดนิสัยใช้เงินฟุ่มเฟือย หากวันไหนใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่าลืมเก็บภาษีตัวเองกันด้วยนะครับ เพราะมันจะช่วยให้เรามีวินัยทางการเงินและช่วยเพิ่มเงินออมของเราด้วยและนี่ก็เป็น 3 เทคนิคที่ไม่ได้ยากมากนักสำหรับคนที่จะเริ่ม อาจมองดูเป็นคำแนะนำที่หาได้ทั่วไป แต่สำหรับผมมันคือคำแนะนำจากคนที่ทำสำเร็จมาแล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าอยากจะนำไปปรับใช้มากน้อยแค่ไหน การออมจะช่วยให้เรามีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น แต่ผมไม่อยากให้หลายท่านเครียดจนเกินไป ลองออมแบบค่อยเป็นค่อยไป หากมีข้อเสนอแนะหรือคำปรึกษาอะไรก็สามารถแสดงความคิดเห็นไว้ได้ ทั้งเพื่อติชมหรือปรึกษา ขอบคุณครับภาพปกทำเองจากเว็บไซต์ canva.comภาพที่ 1 โดย stevepb จาก Pixabayภาพที่ 2 โดย stevepb จาก Pixabayภาพที่ 3 โดย stevepb จาก Pixabayภาพที่ 4 โดย stevepb จาก Pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !