ภาพหน้าปกจาก: Arek Socha / Pixabay สวัสดีค่ะมาพบกับเกร็ดความรู้ทางรัฐศาสตร์ฉบับกระชับกันอีกเช่นเคยนะคะ ซึ่งในวันนี้เราไม่ได้มาให้เกร็ดความรู้กันนะคะ แต่จะมา “ช่วย” ให้น้องๆที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ยังลังเลกับตัวเองว่า “ฉันเหมาะที่จะเรียนรัฐศาสตร์จริงๆหรือเปล่า?” หรือ “ฉันสามารถเรียนรัฐศาสตร์ได้หรือไม่?” เพราะแม้ว่าเราจะรู้ว่ารัฐศาสตร์เรียนอะไร ยังไง อย่างไร แล้วก็ตามที่ แต่แน่นอนว่าน้องๆหลายๆคนต้องเกิดคำถามในใจว่า “แล้วไอ้ที่เรารู้มาเนี่ย มันใช่สำหรับเราหรือเปล่า?” ซึ่งในวันนี้เราจะมาช่วยกันเสริมความมั่นใจหรือ่วยในการตัดสินใจโดยการพาน้องๆไปRe-Check 4 ข้อ ที่มาจากประสบการณ์จริงของตัวผู้เขียนเองและจากการสังเกตการเรียนรัฐศาสตร์ตลอด4ปีค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยค่ะ!! ภาพจาก: geralt / Pixabay ***คำว่า เหมาะ ในที่นี้คือ การที่น้องๆรู้ตัวและแน่ใจว่าจะเรียนรัฐศาสตร์จริงๆแล้ว มีแพชชั่น(Passion)ที่ส่งผลให้ขับเคลื่อนในการอ่านหนังสือเตรียมสอบต่างๆ เพราะอันที่จริงแล้ว ทุกคนต่างมีคุณสมบัติเฉพาะตัวกันอยู่ทุกคน และไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่าน้องๆเหมาะจะเรียนอะไรมากกว่าตัวของน้องๆเอง*** ภาพจาก: Sofia Iivarinen / Pixabay 1.มีความทนทานในการอ่านข้อมูล ใน Check ข้อแรกนี้ ทางเราจะไม่ใช่คำว่า “ชอบอ่านหนังสือ” นะคะ เพราะแน่นอนว่าหนังสือเรียนเป็นหนังสืออีกหนึ่งหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมน้อย ซึ่งหากจะพูดถือหนังสือในการเรียนรัฐศาสตร์แล้วนั้น ในปีแรกๆน้องอาจจะต้องเจอกับหนังสือบางเล่มที่มีเนื้อหาต่อมาจากในระดับมัธยม และจะเพิ่มดีกรีความเข้มข้นทางเนื้อหาขึ้นไปตามชั้นปีที่สูงขึ้นค่ะ ซึ่งต้องขออธิบายก่อนนะคะว่า “ข้อมูล”ในที่นี้ หมายถึง เหล่าเอกสารประกอบการเรียนการสอน ไม่ว่าจะ หนังสือ ชีท หรือแหล่งออนไลน์ ที่อาจารย์ส่วนมากจะใช้ประกอบการเรียนกันแทบจะทุกวิชาค่ะ แล้ว “ความทนทาน”คืออะไร? ความทนทานในที่นี้ หมายถึง การที่น้องๆสามารถที่จะหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับรัฐศาสตร์มาอ่านเล่มหนึ่ง (ไม่ต้องแบบเชิงลึกอะไรมากมายนะคะ เอาแค่หนังสือทั่วไป) แล้วน้องๆลองสังเกตตัวเองว่า สามารถอ่านได้นานมั้ย? หรือแค่สองสามหน้าก็เบื่อและเลือกที่จะวาง หากน้องๆสามารถอ่านจนจบเล่มได้แบบสบายๆหรืออ่านได้มากกว่าครึ่งเล่ม แค่นี้น้องๆก็มีความทนทานในการอ่านข้อมูลแล้วค่ะ เพราะข้อมูลที่ใช้ในการเรียน หากไม่ใช่เชิงลึกมากมายก็จะคล้ายๆกับหนังสือแนวการเมืองที่มีอยู่ทั่วไปในร้านขายหนังสือ แต่จะมีปริมาณการอ่านที่เยอะมาก เยอะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอน แถมยังไม่นับรวมกับข้อมูลที่เราต้องไปหาอ่านเองเพิ่มเติมด้วยนะคะ ผู้ทั้งนี้เขียนขอเน้นเลยนะคะว่า “ไม่จำเป็นต้องชอบอ่านหนังสือ ก็สามารถเรียนรัฐศาสตร์ได้” เพราะหากว่าใครอ่านบทความของผู้เขียน เรื่อง 3 จุดเด่นของการเรียนรัฐศาสตร์ มาแล้ว ก็จะเข้าใจว่าการเรียนรัฐศาสตร์ไม่ได้มีแค่การอ่านๆๆเท่านั้น (ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ลองไปกดอ่านกันได้นะคะ) แต่ไม่ใช่ว่า น้องๆที่ไม่สามารถอ่านข้อมูลเหล่านี้ได้จะไม่เหมาะกับการเรียนรัฐศาสตร์นะคะ อย่างที่บอกว่าน้องๆแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน แม้ว่าการอ่านข้อมูลต่างๆจะเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรัฐศาสตร์ก็จริง แต่ตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่สามารถ “ฝึกกันได้”อย่างแน่นอนค่ะ เพราะเมื่อน้องเข้ามาเรียนและต้องอ่านข้อมูลเหล่านั้นเรื่อยๆก็จะมีความทนทานเองไปโดยปริยายค่ะ ซึ่งสำหรับน้องๆคนไหนที่อ่านหนังสือการเมือง หรือ หนังสือเกี่ยวกับรัฐศาสตร์อยู่แล้วก็น่าจะผ่านข้อนี้กันไปแบบชิลๆได้เลยค่ะ^^ ภาพจาก: Gerd Altmann / Pixabay 2.รักในการคิด วิเคราะห์ ข้อนี้เรียกว่าไม่จำเป็นต้องชอบอ่านหนังสือก็สามารถทำได้ค่ะ เพราะการคิดวิเคราะห์มาจากการที่น้องๆ คิด หรือ เห็นอะไรแล้วนำมาคิดมันต่อไป เช่น น้องๆเห็นคนขอทานที่ข้างถนน แล้วน้องเกิดคำถามในใจว่า ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น? อะไรทำให้เขาเป็นนั้น? หากเขาเป็นแบบนั้นเพราะความจน แล้วอะไรกันที่ทำให้เขาจน เป็นต้น แค่นี้ก็คือการคิดวิเคราะห์แล้วค่ะ อาจกล่าวได้ว่าการคิดวิเคราะห์ของรัฐศาสตร์ ไม่ใช่การคิดวิเคราะห์แบบสายวิทย์ เพราะเราจะคิดวิเคราะห์ผ่านส่วนต่างๆของสังคมที่อยู่รอบตัวน้องๆ โดยนำเนื้อหาที่ได้จากหนังสือมาใช้เป็นเครื่องมือเฉยๆค่ะ อ่า ถึงตรงนี้น้องๆหลายคนเริ่มชื้นใจแล้วใช่มั้ยคะ? เพราะทุกวันนี้มนุษย์เราก็อยู่ท่ามกลาง การคิดวิเคราะห์ในบริบทต่างๆอยู่แล้ว ในส่วนนี้หากน้องๆคนไหนเริ่มคิดแล้วว่าเราชอบสังเกตสังคม ชอบวิเคราะห์และได้มีส่วนร่วมทางความคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเราข้อนี้ก็ผ่านโลดเลยค่ะ!! แต่สำหรับน้องๆที่คิดว่าเราไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากขนาดที่เอาความคิดทั้งหมดไปลงตรงนั้น ก็ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะสมนะคะ น้องอาจจะชอบคิดวิเคราะห์จากหนังสือที่ชอบ หนัง หรือ อนิเมะที่ชอบดูก็ได้ค่ะ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสมในการเรียนรัฐศาสตร์เลยค่ะ ภาพจาก Mahesh Patel / Pixabay : 3.มีความทันต่อโลก ชอบติดตามข่าวสาร ในส่วนข้อนี้อาจจะเรียกได้ว่าน้องๆที่เป็นสายเสพข่าวต่อมาจากข้อเมื่อสักครู่ ก็อาจจะผ่านโล้ด!!ได้เช่นกันค่ะ เพราะการเรียนรับศาสตร์นั้นไม่ได้หยุดที่ความคิดใดเพียงความคิดหนึ่ง การเรียนรัฐศาสตร์จะเป็นสิ่งที่ล่องลอยตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆค่ะ การอัพเดทตัวเองด้วยข่าวสารต่างๆจึงเป็นเรียนปกติและเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างมากค่ะ แล้วคนที่ไม่ชอบอ่านข่าวไม่เหมาะสมหรือ? ในส่วนนี้น้องๆหลายคนอาจจะไม่ชอบติดตามข่าวสารที่วุ่นวายเต็มไปหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าน้องไม่เหมาะกับการเรียนรัฐศาสตร์ค่ะ เพราะหากน้องมีความท่วงทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เช่น การที่น้องๆรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของโลกเป็นอย่างไร ควรคิดและกระทำอย่างไรในปัจจุบัน นี่คือสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่าท่วงทันต่อโลกได้แล้วค่ะ ภาพจาก: Bianca van Dijk / Pixabay 4.ไม่ยึดติด เปิดกว้างทางความคิด เป็นข้อที่สำคัญและมีความ “ยาก”มากค่ะ แต่ต้องขอแสดงความยินดีที่สิ่งนี้ก็สามารถฝึกได้เหมือนกับ “ความทนทานในการอ่านข้อมูล”ได้เช่นกันค่ะ เพราะการเรียนรัฐศาสตร์ไม่ได้อยู่ที่ความคิดใด ความคิดหนึ่งอย่างที่บอก ดังนั้นการที่น้องๆสามารถที่จะเปิดใจยอมรับความคิดเห็นใหม่ๆ หรือ ความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้อื่นได้ โดยที่ไม่ได้ยึดติดกับความคิดของตนเอง เนื่องจากในการเรียนรัฐศาสตร์บางวิชา ที่เป็นวิชาเกี่ยวข้องกับพวกปรัชญาหรือแนวคิดต่างๆ น้องๆจะสามารถสนุกกับมันได้ ก็ต่อเมื่อ ละทิ้งความคิดยึดติดของตัวเอง และเข้าใจความคิดเห็นของเหล่านักปราญช์หรือแนวคิดต่างๆได้ แน่นอนค่ะว่า มันสามารถฝึกได้ แต่การฝึกนั้นต้องแลกมาด้วยการที่น้องจะ “ยอม” ละความคิดของตนเองไว้มุมหนึ่ง เพื่อรับฟังความคิดชุดหนึ่งเข้ามาได้หรือไม่? แต่ไม่ใช่ว่าน้องจะทิ้งความคิดของตัวเองทิ้งไป แล้วเอาความคิดชุดนั้นมาใส่แทนนะคะ น้องจะต้องเปิดกว้างทางความคิดโดยที่ไม่เสียหลักการของตัวเองไปค่ะ ข้อนี้น้องๆหลายคนอาจจะคิ้วขมวดกันอย่างแน่นอน แต่ทางเราต้องขอบอกว่าส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญในการเรียนรัฐศาสตร์เลยค่ะ เพราะรัฐศาสตร์เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความคิด วิเคราะห์ซะส่วนใหญ่เลยค่ะ แน่นอนว่าการคิด วิเคราะห์ที่ว่านี้ก็ต้องผ่านการเปิดกว้าง ทำให้สมองโล่ง เพื่อที่จะวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในแนวทางของตัวเราเองค่ะ ภาพจาก: Daniel Reche / Pixabay เป็นยังไงกันบ้างคะ?น้องๆคนไหนCheckผ่านได้มากกว่า 2 ข้อ ทางเราก็ต้องขอแสดงความยินดีว่าคุณมาถูกทางแล้วค่ะ!! ตอนนี้สามารถทุ่มเทกับการเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่ เพราะ “เราเหมาะในการเรียนรัฐศาสตร์แล้ว” สำหรับน้องๆคนไหนที่ไม่ผ่านเลย หรือ ผ่านเพียงข้อเดียว ก็ไม่ต้องเครียดหรือท้อแท้นะคะ ผู้เขียนเชื่อว่าในตัวน้องยังมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในอีกมากมาย หากยืนยันว่าใจเราอยากเรียนจริงๆแล้วล่ะก็ทำให้เต็มที่ไปเลยค่ะ การที่ไม่ผ่านRe-Check นี้ไม่ได้แปลว่าน้องที่มีใจรักรัฐศาสตร์จริงๆจะไม่เหมาะสม เพราะอย่างที่เรากล่าวไปเลยค่ะ ทุกอย่างสามารถฝึกกันได้ ขอเพียงมีความตั้งใจเท่านี้ ภาพของเราในชุดนิสิตนักศึกษารัฐศาสตร์ก็เข้าใกล้เข้ามาแล้วค่ะ!!ปล.สามารถอ่านบทความอื่นๆของผู้เขียนได้ที่>>คลิ้ก<<เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !