cr.รูปภาพจาก : mohamed_hassan, pixabay สวัสดีครับนักลงทุนมือใหม่และมือเก่า ปัจจุบันการลงทุนสมัยนี้มีรูปแบบมากมาย ตามเครื่องมือ ตามยุคสมัย ทั้งในแบบการวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐาน วิเคราะห์จากปัจจัยมาเทคนิค วันนี้เรามี 4 รูปแบบของนักลงทุนมานำเสนอ จะอะไรบ้างไปดูกันเลยครับผม 1.นักลงทุนหุ้นคุณค่า (Value Investor)cr.ภาพจาก : Tumisu, pixabay นักลงทุนหุ้นคุณค่า VI (Value Investor) นักลงทุนประเภทนี้ จะสนในเน้นไปที่ ปัจจัยพื้นฐานของกิจการหรือหุ้นตัวนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ใครเป็นผู้บริหาร ความนิยมของกิจการ งบการเงินของกิจการ โดยพื้นฐานก็ควรจะเลือกซื้อหุ้นที่ค่าต่ำกว่าความเป็นจริง ส่วนการขายควรจะขายตอนที่กิจการสูญเสียตลาดที่สำคัญไป หรือมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น นักลงทุนประเภทนี้มักจะลงทุนในหุ้นระยะยาว จุดเด่น ความเสี่ยงน้อยเนื่องจากมีสถิติออกมาโดยรวมว่าหุ้นที่ถือไว้นานๆการขาดทุนในหุ้นนั้นๆจะลดลงไปด้วย จุดด้อย ใช้เวลามาก ใช้ความรู้ด้านธุรกิจมาก 2.นักลงทุนหุ้นต่ำบาท (Penny Stock)cr.รูปภาพจาก : PublicDomainPictures, pixabay นักลงทุนหุ้นต่ำบาท (Penny Stock) นักลงทุนประเภทนี้ มักจะเลือกลงทุนในหุ้นที่ราคาต่ำมากๆอย่าง เช่น ราคาของหุ้นนั้นไม่ถึงบาทหรือเรียกว่าสตางค์นั้นเอง อาจเกิดการบริหารจัดการไม่ดีของกิจการ แต่ถ้ากิจการเกิดการฟื้นตัว อย่างเช่น เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ผู้บริหารคนนี้เป็นคนที่เก่ง หุ้นตัวนั้นอาจจะราคาเพิ่มเป็นหลายร้อยเปอร์เซ็นเลยก็เป็นได้ จุดเด่น ราคาหุ้นถูก ผลตอบแทนมาก ตื่นเต้น จุดด้อย ความเสี่ยงมาก เนื่องจากไม่รู้ว่ากิจการนั้นจะโตจริงๆหรือป่าว 3.นักลงทุนแนวโมเมนตัม (Momentum Investor)cr.รูปภาพจาก : Marnie Green, careersingovernment นักลงทุนแนวโมเมนตัม (Momentum Investor) นักลงทุนประเภทนี้จะวิเคราะห์จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆอย่างเศรษฐกิจมหภาค เช่น การเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ฤดูการ ตัวเลขGDP เหตุการสำคัญของโลกต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น มีเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมมาก นักลงทุนก็จะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มประกันภัย จุดเด่น ความเสี่ยงน้อย(ถ้าตามข่าวทัน) เหมาะสำหรับคนชอบตามข่าวการเปลี่ยแปลงของสถานการณ์ต่างๆ จุดด้อย ใช้ความรู้ด้านธุรกิจมาก 4.นักลงทุนตามเทรนด์ (Trend Follower)cr.รูปภาพจาก : geralt, pixabay นักลงทุนตามเทรนด์ (Trend Follower) นักลงทุนประเภทนี้ จะวิเคราะห์หุ้นจากปัจจัยทางเทคนิค โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค จะไม่ลงทุนในหุ้นที่มีราคาแนวโน้มที่ไม่ชัดเจน จะไม่ขายหุ้นจนกว่าราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน นักลงทุนจะต้องใจแข็งเพราะ ต้องถือหุ้นจนกว่าหุ้นจะมีทิศทางที่ชัดเจน จุดเด่น ได้ผลตอบแทนมาก จุดด้อย ความเสี่ยงมาก(ไม่ค่อยมีใครชนะตลาดได้ด้วยวิธีนี้ ส่วนตัวคิดว่าวิธีไม่ต่างอะไรกับการพนันเลย ใครจะไปรู้ว่าตลาดจะเป็นไงจากการดูแค่กราฟ) สุดท้ายนี้ด้วยความเป็นห่วง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับcr.รูปภาพจาก : Tumisu, pixabaythanks for reading...เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !