อาการเสียศูนย์นั้น ไม่เหมือนการสูญเสียคนที่เรารักอย่างคนในครอบครัวหรอกนะครับ เพราะฉะนั้นเราสามารถจัดการรีแพร์ ซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้กลับมามีชีวิตสดใสราวกับรีสตาร์ทใหม่ ชีวิตใหม่กันได้อีกครั้ง อย่างแน่นอน ยิ่งในยุคสมัยนี้ ที่ใครๆ ต่างก็พากันเสียศูนย์บ่อยๆ บ้างก็ทึกทักโมเมกันเอาเอง ว่ากำลังเป็นโรคซึมเศร้า เบื่อโลก เบื่อเมีย เบื่อผัว เบื่อลูก เบื่อพี่ เบื่อน้อง เบื่อญาติ เบื่อต่างๆนานา ซึ่งก็ไม่รู้นะว่า อย่างไหน หรือใครมันจะน่าเบื่อไปมากกว่ากัน 555 อย่างแรกเลยนะ ให้ทุกคนตระหนักและตั้งสติให้ดีก่อนว่า ตอนนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงภาวะกำลังเสียศูนย์ อยู่นะ ซึ่งไอ้การเสียศูนย์นี่ล่ะ ที่มันจะไปกิน cpu การทำงานของระบบสมองของเรามากจนเกินไป และมันทำให้เกิดสภาวะหน่วงๆในความคิด แบบคนเสียศูนย์ครับ จิตใจ มันจะไม่สดใสเลย ทำอะไร ก็ไม่สนุก กินข้าวก็ไม่อร่อย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย ไตพิการ อาหารไม่ย่อยฯลฯ เป็นแบบนี้ ทุกราย ซึ่งมันมีผลต่อการตัดสินใจเป็นอย่างมากเลย และพอการตัดสินใจ ทำได้ไม่ดีนักแล้วมันก็จะนำมาซึ่งความผิดพลาดตามมาเป็นโดมิโนเลยครับ กว่าจะรู้อีกที บางคนก็ถึงขั้นคิดสั้นตัดช่องน้อยแต่พอตัว ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างเป็นที่น่าเสียดายยิ่งครับ ที่กลับเอาชีวิตที่พ่อแม่ฟูมฟักมาทั้งชีวิตประชดทิ้งแลกกับความรู้สึกผิดแบบชั่วคราวให้กับคนที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือเห็นคุณค่าในตัวเราเลย สักนิดก็น่าเห็นใจอยู่ นะครับ Ep.2 ของ #เล่าสู่กันฟัง นี้ วิมุตจึงมี วิธีตั้งศูนย์ถ่วงล้อหัวใจ ลองมาปรับจูนสมองกันใหม่ ในแบบที่คนเสียศูนย์ ควรได้อ่าน และนำไปปรับใช้ แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป อย่างแน่นอนครับ 1.อันดับแรกเลยคือยอมรับความจริงก่อนครับ ความจริงที่ว่า เราไม่สามารถจะเอาความคิดของเราไปใส่ในสมองคนอื่นได้ เพราะฉะนั้น เราจึงไม่อาจบังคับให้คนอื่นคิดกับเรา เหมือนกับที่เราคิดกับเขาได้ ครับ ต่างคนต่างก็มีมุมมอง ของตัวเอง การไปคาดหวัง ให้คนอื่นคิดเหมือนเรา จึงเป็นการกระทำที่ไม่สามารถปรับสมดุลได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาอาการเสียศูนย์ 2.ประการต่อมา คือทำใจ ครับ จัดยาทำใจซักแผง พอให้ชีวิตหายป่วยจากเชื้อไวรัสเห็นแก่ตัว ที่กำลังจะดื้อยา ร้อยทั้งร้อยปัญหาไม่ได้เกิดกับเราแค่ฝ่ายเดียว คนอื่นๆ ฝ่ายอื่นๆ ก็เป็น ครับ แต่ทำไม เขายังอยู่กันได้ ยังรักกันได้ ก็เพราะเขารู้จักการทำใจให้แก่กัน นั้นล่ะครับ ต่างฝ่าย ต่างก็ทำใจ ซึ่งกันและ นั่นก็จบ ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ ถูกต้องมั้ยครับ 3.ให้อภัย ครับ ไม่มีอะไรที่จะมอบเป็นของขวัญให้แก่กันและกันได้ดีไปกว่าการ "ให้อภัย" อีกแล้ว อย่าเป็นคนผูกแค้น อาฆาตพยาบาท จองเวรจองกรรม เพราะมันจะนำมาซึ่งจิตใจที่เศร้าหมอง ทำให้เราเป็นทุกข์อยู่ในห้วงมหาสมุทรแห่งความเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเป็นชนวนเริ่มต้นไปสู่อาการเสียศูนย์ครับ 4.คิดแต่สิ่งดีๆเข้าไว้ครับ ไม่มีใคร จะซวยตลอดปีตกอับตลอดชาติ ชีวิตคนเราเหมือนน้ำทะเลมีขึ้น ย่อมมีลง ยามขึ้นก็อย่าหลงมัวเมาดีใจ ยามลงก็อย่าไปท้ออะไรให้มากมาย จนทำอะไรต่อไม่ได้เลย ขอให้เรายึดมั่นในหลักกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สักวัน ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง ชาตินี้ ไม่เห็นผล ชาติหน้า เห็นผลแน่นอน แม้นว่าเราไม่อาจจะระลึกชาติได้ ก็ตาม อย่างน้อย ก็ควรระลึกอยู่เสมอว่า ที่ชาตินี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็สุดยอดของความเป็นผู้มีบุญแล้วครับ ถ้าหากตัดสินใจทำได้ ทั้งสี่ข้อข้างต้นนี้ เชื่อได้เลยว่า อาการเสียศูนย์ จะค่อยๆ ปรับสมดุล กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง คิดสิ่งใด ตัดสินใจ ทำสิ่งใด ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จสูงกว่า การตัดสินใจในตอนที่กำลังเสียศูนย์อย่างแน่นอนครับ CR.ภาพถ่าย วิมุต ชุมแก่น