พุทราจีนเป็นอาหารบำรุงเลือดที่ดีสำหรับผู้หญิง เป็นยาชูกำลังเพื่อสุขภาพที่ดี แม้ว่าการรับประทานพุทราจีนจะมีประโยชน์มากมาย แต่วิธีการรับประทานพุทราจีนก็มีความเฉพาะเจาะจงมากเช่นกัน ซึ่งวิธีการรับประทานที่ถูกต้องมีดังนี้1. ห้ามรับประทานกับแตงกวาหรือหัวไชเท้าหัวไชเท้ามีเอ็นไซม์ลดไข้ แตงกวามีเอ็นไซม์ย่อยสลายวิตามิน ส่วนผสมทั้งสองนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของพุทราจีน จะทำลายวิตามินของพุทราจีน ส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการของพุทราจีนหายไป2. ห้ามกินในบางคนผู้ที่มีอาการท้องอืดและเบื่ออาหารไม่ควรรับประทาน เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทานพุทราจีนที่มีรสหวาน ฉุน ทำให้เกิดเสมหะและความชื้นได้ง่าย หลังจากที่คนที่มีเสมหะกินพุทราจีน อาการเดิมกำเริบได้ง่าย มีอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ เช่น หนาว ร้อน กระหายน้ำ และท้องอืด ควรใส่ใจกับฟันเมื่อรับประทานพุทราจีน แนะนำให้รับประทานไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน3. กินพุทราจีนบำรุงเลือดพุทราจีนมีธาตุเหล็กเป็นจำนวนมาก อันที่จริง มีผลอย่างมากต่อภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดขาว เพิ่มอัลบูมินในซีรั่ม ปกป้องตับ แต่ถ้าคุณพึ่งกินพุทราจีนเพื่อบำรุงเลือด ปริมาณเลือดมีผลเพียงเล็กน้อย หากต้องการบรรลุผลการบำรุงเลือดที่ดีที่สุด ควรรับประทานคู่กับลูกเกด ลำไย และอาหารอื่นๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากคุณพึ่งกินพุทราจีนดิบเพื่อบำรุงเลือด ไม่เพียงแต่ไม่เป็นผลเท่านั้น ยังสามารถทำให้เกิดก๊าซและอาการท้องร่วงได้ เมื่อรับประทานดิบ เปลือกพุทราจีนจะตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ง่ายและยากที่จะขับออกมา ส่งผลต่อการย่อยอาหาร การกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืดได้ และมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วน ขอแนะนำให้กิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์4. อย่าต้มกับน้ำเลยดีกว่าเนื่องจากอุณหภูมิเกิน 80 องศาเซลเซียส วิตามินซีในพุทราจีนจะถูกทำลาย หลังจากล้างน้ำสะอาดแล้ว การกินดิบมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด ย้ำกินพุทราจีนวันละ 5-8 ลูก มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมากพุทราจีนเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ หลักๆ ที่เราทราบกันดีอยู่แล้วช่วยในการบำรุงเลือดในสตรี แต่พุทราจีนก็ไม่ได้เหมาะไปกับทุกคนเลยทีเดียวนัก เช่น ผู้ที่มีอาการท้องอืด ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะจะทำให้โรคกำเริบได้ และห้ามรับประทานคู่กับแตงกวาหรือหัวไชเท้า เพราะแตงกวาหรือหัวไชเท้าทำให้คุณค่าสารอาหารของพุทราจีนลดลง แนะนำให้รับประทานคู่กับลูกเกด หรือลำไย เพราะผลไม้ทั้งสองนี้สงเสริมซึ่งกันและกัน และหากต้องการคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดแนะนำให้รับประทานดิบๆ เพราะการต้มก็ทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการเช่นกันโดยส่วนตัวแล้วเคยรับประทานพุทราแห้งที่นำมาต้มกับน้ำหวาน นำมาใส่กับน้ำแข็ง อากาศร้อนๆ ดื่มก็เย็นชื่นใจดี แต่คิดว่าในรายที่เป็นโรคเบาหวานควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนั้นก็เคยรับประทานพุทราอบแห้งเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นของขบเคี้ยวที่อร่อยดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าพุทราจีนจะเป็นผลไม้ที่บำรุงเลือดก็ไม่แนะนำให้รับประทานในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะจะทำให้เลือดออกมากว่าปกติ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ภาพประกอบภาพปก โดย ceminlee จาก Pixabay ภาพ 1 โดย Jeon Sang-O จาก Pixabay ภาพ 2 โดย 先生 南疆 จาก Pixabay ภาพ 3 โดย xbeing จาก Pixabay ภาพ 4 โดย changchang zhang จาก Pixabay แหล่งอ้างอิงที่มา 1ที่มา 2เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !