วันนี้ได้เห็นภาพสวย ๆ ตามเว็บต่าง ๆ แล้วก็นึกได้ว่า น่าจะมีคนอยากทำภาพสวย ๆ แบบนั้นกันอีกเยอะนะแต่เอ๊ะ ความสวยในมุมของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน บางคนว่าแบบนี้ บางคนก็ชอบแบบนั้น คุยเรื่องความสวยว่าอันไหนสวยกว่ากัน เดี๋ยวจะพาลทะเลาะกันอีก เอาเป็นว่า ใครชอบแบบไหนก็ไปทำภาพแบบนั้นกันเองเลยดีกว่า ได้ความงามเป็นของตัวเอง ตรงใจ ดีไหม?ได้ยินคำตอบแว่ว ๆ มาว่า ไม่ดี ไม่เอาอ่ะ ให้ทำเองก็ไม่แน่ว่าจะออกมาสวย เอ๊า..เป็นงั้นไปงั้นทำไงดี? ผมจึงขออาสามาบอกแนวทางทำภาพให้สวยด้วยตัวเอง แต่เป็นพื้นฐานเบื้องต้นก่อนนะ เริ่มต้นด้วยบทความนี้ เรื่อง 4 ข้อต้องรู้ ก่อนแต่งภาพให้ดูสวย เริ่มกันเลย1. ภาพคุณไม่สวยตรงไหน? ข้อแรกต้องรู้เรื่องนี้ก่อน บางคนบอกได้แค่ว่าภาพไม่สวย แต่พอถามว่ามันไม่สวยตรงไหน ตอบไม่ได้ ถ้าตอบไม่ได้แล้วจะแก้ไขอย่างไรล่ะครับ?ลองดูตัวแบบหน่อย มุมนี้ทำให้ไม่สวยหรือเปล่า หรือเป็นเพราะพื้นหลัง มันโล่งไป มันรกไป สีมันไม่ได้ หรือไม่ได้ตรงไหน ทุกตรง? ถ้าทุกตรงก็ไปหาภาพอื่นเถอะง่ายกว่า ฮ่า ๆ แต่ถ้าอยากได้ภาพเดิมนี้แต่ให้มันดูดีขึ้น ก็ต้องบอกให้ได้ว่าจะแก้ตรงไหนนะถ้าเป็นภาพของเราเอง การแก้ไขไปเรื่อย ๆ มีเวลาก็ทำไปแบบใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบร้อน สุดท้ายมันก็ต้องมีสักตรงที่ถูกใจเรา และเราจะได้เรียนรู้ด้วยว่า ถ้าเป็นภาพแนวนี้อีกต้องแบบนี้จึงจะสวยและถ้าได้ภาพในแบบที่ชอบแล้วแต่ยังรู้สึกว่าสวยได้อีก และรู้ด้วยว่าแค่สีมันเพี้ยนไปหน่อย และเราแก้เองไม่ได้เพราะสีมันกระทบทั้งภาพ หรือเพราะแสงเงา หรือเพราะแค่ภาพมันเอียงไปหน่อย อะไรทำนองนี้ ลองตามอ่านบทความของผมต่อเรื่อง Photoshop ตอบทุกโจทย์เรื่องการแต่งภาพ ที่จะทยอยบอกวิธีให้นำไปใช้กันแบบง่าย ๆ นะครับ รับรองทำได้แน่นอน (แอบโฆษณา ฮ่า ๆ )2. ตัวช่วยอัตโนมัติมีไหม?ข้อนี้น่าจะถูกใจท่านที่ไม่ชอบแต่งภาพเองมากที่สุด เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้มันพัฒนามาไกล จนผมอยากจะบอกว่าให้รอผมหน่อย ผมกลัวตามไม่ทัน ฮ่า ๆ สำหรับคนที่ไม่มีโปรแกรม Photoshop สามารถหาตัวช่วยจากเว็บไซต์ที่ให้บริการแต่งภาพอัตโนมัติได้ไม่ยาก เช่น letsenhance.io สมัครฟรีแล้วแต่งภาพฟรีได้ 5 ภาพ ช่วยเรื่องความคมชัด โทนสี และรายละเอียด แค่โหลดภาพแล้วเลือกว่าจะให้เพิ่มความสดของสี และโทนสีแค่ไหน มาก ปานกลาง หรือนิดหน่อย และยังสามารถเลือกขยายขนาดภาพได้ด้วย จากนั้นก็กดปุ่มให้ประมวลผลแล้วรอรับภาพได้เลย จากภาพตัวอย่าง ภาพมีปัญหาเรื่องสิว ฝ้า กระ ต้องการความเรียบเนียน คงไม่เหมาะจะเอาไปใช้กับ letsenhance.io นะครับ เว็บนี้ไม่แก้ไขเรื่องนี้ (ต้องขอโทษทางเว็บที่ผมเอารูปที่ไม่เหมาะมาใช้เป็นตัวอย่าง แฮ่ะ ๆ) แต่จะเห็นได้ว่าความคมชัดดีขึ้น รายละเอียดชัดเจนขึ้นมาก และทางเว็บขยายขนาดได้โดยเก็บรายละเอียดไว้ได้เยี่ยมเลยdeep-image.ai ก็คล้ายกัน ให้ฟรี 5 ภาพเหมือนกัน แถมเจ้านี้ไม่ให้เราบอกด้วยว่าจะแต่งสีมากน้อยปานกลางแค่ไหน แค่ให้เลือกว่าจะขยายขนาดหรือไม่ พอเลือกรูปโหลดเข้าไปแล้วคลิก จากนั้นก็รอ เสร็จแล้วก็โหลดภาพกลับมา ง่ายฝุด ๆ ฮ่า ๆ ภาพที่ได้จะมีความคมชัดแม้เราจะเลือกให้ขยายขนาดด้วย (มีดีเรื่องขยายขนาดภาพนี่ล่ะ)picsart.com มีลูกเล่นหลากหลายให้ใช้งาน ต้องเรียนรู้การใช้งานสักหน่อย เมื่อใช้เป็นแล้วจะช่วยสร้างสรรค์ผลงานได้เยอะมาก ๆ เช่น คนที่อยากลบพื้นหลังของภาพ ที่นี่สามารถทำได้ด้วยการคลิกแค่ครั้งเดียว ถ้าภาพของคุณมีความต่างระหว่างตัวแบบกับพื้นหลังมากผลลัพธ์ที่ได้จะเนียนสวยเลยทีเดียว แต่ถ้าโทนสีระหว่างตัวแบบกับพื้นหลังคล้ายคลึงกันผลลัพธ์อาจผิดพลาดได้ การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง การใส่เอฟเฟคต่างๆ สะดวกง่ายดาย ฟรีไม่จำกัดจ้าสุดท้ายเด็ดสุด fotor.com แม้ไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถโหลดภาพเข้าไปแก้ไขปรับแต่งได้ไม่จำกัด มีปุ่ม 1-TAP ENHANCE ให้ใช้สำหรับการปรับแต่งอัตโนมัติ ถ้ายังไม่ถูกใจก็ยังมีเมนูให้เลือกปรับละเอียดได้ตามใจชอบอีก ลบริ้วลอยให้หน้าเนียนสวยนี่สบายมาก มีเพียงบางเมนูที่ยังไม่ให้ใช้ต้องอัปเกรดเป็นรุ่นโปรถึงจะใช้ได้ และถ้าอัปเกรดแล้วนอกจากได้เครื่องมือปรับแต่งเพิ่มขึ้นแล้วยังสามารถดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ต่าง ๆ ที่เค้ามีไว้ให้กว่า 10,000 รูป เอามาแต่งในรูปของเราได้ด้วย สะดวกจริง ๆ เลยจ้า การอัปเกรดเป็นรุ่นโปรช่วงนี้มีโปรโมชั่น ราคา 39.99 เหรียญต่อปี หรือคิดเป็นวัน วันละไม่ถึง 4 บาท สำหรับคนที่ต้องแต่งภาพเป็นประจำ คุ้มแน่นอน :)ส่วนคนที่มีโปรแกรม Photoshop อยู่แล้ว เปรียบเสมือนคุณเป็นจอมยุทธ์ที่มีอาวุธที่ดีที่สุดอยู่ในมือ แต่คุณจะเป็นนักแม่นปืนที่มีดาบน้ำพี้ หรือคุณจะเป็นมือกระบี่ที่มีปืนไรเฟล แบบนี้ไม่ไหว คุณควรทำความรู้จักกับอาวุธที่คุณมี เพื่อนำมาใช้ได้ตรงวัตถุประสงค์ ถ้าใครยังไม่มี Photoshop แล้วจะหาซื้อ ก็สามารถซื้อออนไลน์ได้ไม่ยาก มีโปรโมชั่นซื้อแบบแพ็คคู่ได้ใช้ทั้ง Photoshop กับ Lightroom ที่ราคาเดือนละประมาณ 300 กว่าบาท ลองดูราคาได้ที่ https://www.adobe.com/th/creativecloud/plans.html Lightroom จะเหมาะกับคนที่แต่งภาพจากกล้องที่ได้ภาพประเภท RAW มา (ไฟล์ดิบจากกล้อง) นำมาแก้ไขเป็นชุด ครั้งละหลายสิบภาพที่ต้องแก้ไขคล้าย ๆ กัน เช่น ภาพที่ได้จากกล้องที่ตั้งค่าแสงผิดไปเล็กน้อย ต้องการการปรับค่าแสงที่เหมือน ๆ กัน จะทำงานบนโปรแกรม Lightroom ได้สะดวกมาก แต่การปรับรายละเอียดเช่นลบสิว ริ้วรอย ตัดแต่งปลายผม เหล่านี้ต้องไปทำด้วย PhotoshopPhotoshop ทำได้แทบทุกสิ่งเพื่อให้ภาพนิ่งของคุณสวยวิ้ง แต่เครื่องมือในโปรแกรมนี้มันมีมากมายเหลือเกิน ถ้าเทียบกับการแต่งภาพสำเร็จรูปจากเว็บที่แนะนำไว้ด้านบนแล้ว อยากให้ลองใช้เครื่องมือ Auto Tone, Auto Contrast, Auto Color ในเมนู Image แล้วลองดูว่าแบบไหนให้ผลออกมาถูกใจมากที่สุด และหากยังต้องการปรับละเอียด ก็มีเครื่องมือย่อยในหมวด Adjustments ในเมนู Image เดียวกันนี้ให้ใช้แก้ไขได้มากมายและหากจะแต่งเฉพาะจุด เครื่องมือสำหรับการเลือกพื้นที่เฉพาะจุดก็ทำได้หลากหลายและละเอียดมากสรุป เครื่องมือใน Photoshop มีครบ แต่งแบบมืออาชีพได้สบาย แนะนำให้ลองศึกษาและใช้งานดู แล้วคุณจะภูมิใจในผลงานจากฝีมือตัวเอง3. คุณต้องการภาพใหญ่ขนาดไหน เอาไปใช้งานอย่างไร?ถ้าคุณบอกว่า คุณจะแต่งภาพเพื่อเอาไปทำพ็อคเก็ตบุ๊คขนาดเล็กสักครึ่งหนึ่งของกระดาษ A4 (คือขนาด A5 นั่นเอง) คุณจึงคิดว่า ใช้ภาพเล็ก ๆ ก็พอ แต่ภาพบนจอคอมที่เราเห็นว่ามันใหญ่ หากสั่งพิมพ์ออกมา ขนาดที่จะให้มันชัดมันต้องหดเหลือแค่จึ๋งเดียวก็เป็นได้นะ หรือว่าสั่งพิมพ์ขนาดใหญ่เท่าที่เห็นบนจอ แต่ทำไมภาพมันไม่เห็นชัดเหมือนอยู่บนจอเลยล่ะ?เหตุผลก็คือ บนจอคอมส่วนใหญ่ใช้ความละเอียดเพียง 72 จุดสีต่อตารางนิ้ว แต่หากจะพิมพ์ลงสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย ต้องใช้ความละเอียด 300 จุดสีต่อตารางนิ้วจึงจะคมชัด ดังนั้น ถ้าเรารู้ว่า เรากำลังแต่งภาพเพื่อไปใช้กับงานอะไร เราก็จะได้ปรับขนาดและความละเอียดให้ถูกต้อง ตอนนำไปใช้จะได้คมชัดถูกใจแน่นอน4. ประเภทของภาพที่ต้องการใช้คือ?ถ้าคุณตอบคำถามสามข้อบนได้แล้ว มาข้อนี้อยากให้ดูเรื่องประเภทของภาพครับ คุณต้องรู้ว่างานของคุณนั้นต้องการภาพประเภทไหนกันแน่?แปลว่าอะไร ภาพประเภทไหน? ประเภทสารคดี ประเภทเด็กและเยาวชน อะไรแบบนั้นหรือเปล่า? ไม่ช่ายยย.. ประเภทพวกนั้นคุณรู้อยู่แล้ว เพราะคุณเป็นคนเลือกภาพที่ถูกใจ แต่ในที่นี้หมายถึงประเภทของไฟล์ภาพต่างหาก เช่น ภาพ JPG, GIF, PNG, TIF เป็นต้นถ้าคุณแต่งภาพสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วไป คุณจะนำภาพประเภทไหนมาแต่งก็ได้ แค่ปรับขนาดและความละเอียดให้เหมาะกับงานพิมพ์ได้ก็พอ (สื่อสิ่งพิมพ์ความจริงชอบไฟล์ TIF เพราะไฟล์ให้ความละเอียดสูง ใกล้เคียงต้นฉบับ แต่ขนาดไฟล์จะใหญ่)แต่หากแต่งภาพไปเพื่อใช้เป็นรูปประกอบในเว็บไซต์ ไฟล์ใหญ่ๆ อย่าง TIF ก็ไม่เหมาะสม และถ้าแต่งภาพเอาไปซ้อนทับกับภาพอื่น หรือต้องการทำให้แบ็คกราวของภาพนั้นเป็นลักษณะโปร่งใส ก็ต้องใช้ภาพประเภท GIF หรือ PNG เป็นต้น ทั้งหมดนั้นคือ 4 ข้อต้องรู้ ก่อนแต่งภาพให้ดูสวย ข้อ 1 กับ 2 ช่วยให้คุณมีแนวทาง และเลือกใช้เครื่องมือการแต่งภาพให้สวยขึ้นได้ ส่วนข้อ 3 กับ 4 คือความรู้ที่ช่วยให้งานออกมาตรงวัตถุประสงค์ ไม่ใช่ว่าแต่งเสร็จใช้ไม่ได้ ตกม้าตายเพราะความละเอียดไม่พอ หรือได้ไฟล์ผิดประเภทมาใช้ ซ้อนทับปรับแต่งกับภาพอื่นไม่ได้ แบบนี้ก็เท่ากับว่าเหนื่อยฟรีขอให้ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ มีภาพสวย ผลงานดี ตรงกับความต้องการกันทุกคนเลยนะครับ ขอขอบคุณภาพจาก freepik.comภาพปก: ผู้เขียนนำ ภาพ1 และ ภาพ2 มาประกอบ, ส่วนภาพอื่น ๆ ผู้เขียนนำ ภาพ 2 ไปปรับแต่งจากเว็บ และเครื่องมือต่าง ๆ ตามที่เขียนไว้ในบทความ