4 ผลไม้ต้องห้าม! แช่ตู้เย็นแล้วเละ เสียรสชาติหลายคนคงเคยได้ยินมาว่า "ผลไม้ควรแช่ตู้เย็น" เพื่อเก็บรักษาให้อยู่ได้นานขึ้น สดใหม่ และคงรสชาติอร่อย แต่รู้หรือไม่ว่า ความเชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป ผลไม้บางชนิดไม่เหมาะกับการแช่เย็น เพราะอาจทำให้เนื้อสัมผัสและ รสชาติ อีกทั้งยังทำให้คุณค่าทางโภชนาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง เรามาดูกันว่าผลไม้อะไรบ้างที่ไม่ควรแช่ตู้เย็น บทความนี้ขอนำเสนอ "ผลไม้ 4 ชนิดที่ไม่ควรแช่ตู้เย็น" พร้อมคำอธิบายและเหตุผล เพื่อให้คุณเก็บรักษาผลไม้ได้อย่างถูกวิธี1. กล้วย: กล้วยไม่ควรแช่ตู้เย็นเพราะเหตุผลหลัก 2 ประการ:-กล้วยจะช้ำและดำเร็ว: อุณหภูมิที่เย็นจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำให้กล้วยสุก เปลือกกล้วยจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและดำเร็ว แม้ว่าเนื้อกล้วยจะยังไม่สุกก็ตาม-กล้วยจะมีรสไม่อร่อย: ความเย็นจะเปลี่ยนแปลงแป้งในกล้วยให้เป็นน้ำตาล ส่งผลให้กล้วยมีรสหวานน้อยลง และอาจมีรสเฝื่อนวิธีเก็บกล้วยที่ดีที่สุด:-เก็บกล้วยดิบไว้ที่อุณหภูมิห้อง: วางกล้วยไว้บนเคาน์เตอร์หรือในชามผลไม้ โดยไม่ต้องห่ออะไร-เก็บกล้วยสุกในตู้กับข้าว: กล้วยสุกจะอยู่ได้นานขึ้น 1-2 วันในตู้กับข้าว-แช่กล้วยในตู้เย็นเพื่อหยุดการสุก: ไม่แนะนำ แต่หากต้องการหยุดการสุกของกล้วย ให้ห่อกล้วยด้วยถุงพลาสติกแล้วแช่ในช่องเก็บผัก กล้วยจะอยู่ได้นานขึ้น แต่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีดำเคล็ดลับเพิ่มเติม:-แขวนกล้วย: การแขวนกล้วยจะช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก กล้วยจะสุกช้าลงและอยู่ได้นานขึ้น-แยกกล้วยจากผลไม้ชนิดอื่น: กล้วยปล่อยก๊าซเอทิลีน ซึ่งจะเร่งการสุกของผลไม้อื่นๆ-เก็บกล้วยที่ช้ำออก: กล้วยที่ช้ำจะสุกเร็วและอาจทำให้กล้วยลูกอื่นๆ ช้ำตามกล้วยไม่ควรแช่ตู้เย็น เพราะจะทำให้กล้วยช้ำ ดำ และรสไม่อร่อย ควรเก็บกล้วยดิบไว้ที่อุณหภูมิห้อง และเก็บกล้วยสุกในตู้กับข้าว ประสบการณ์ของผู้เขียนอาจแตกต่างจากคนอื่น ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกล้วย อุณหภูมิห้อง และความชื้น2. ฝรั่ง: เคยไหม? ซื้อฝรั่งมาตั้งใจกิน แต่พอแช่ตู้เย็น ดันเละ นิ่ม รสชาติไม่อร่อยทำไมฝรั่งถึงไม่ควรแช่ตู้เย็น?-อุณหภูมิต่ำทำลายแป้ง: ฝรั่งมีแป้งที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อสุก อุณหภูมิต่ำชะลอการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ฝรั่งเละ ไม่หวาน-เนื้อสัมผัสเปลี่ยน: อากาศเย็นทำลายเซลล์ผิว เปลี่ยนเนื้อฝรั่งจากกรอบเป็นเละ-กลิ่น: ฝรั่งดูดกลิ่นง่าย แช่ตู้เย็น = กลิ่นอาหารอื่นปนเก็บฝรั่งแบบไหนดี?จากประสบการณ์ของผู้เขียน เก็บฝรั่งแบบนี้ได้นาน อร่อย กรอบ:-ลือกฝรั่งดิบ: เลือกลูกที่ผิวเรียบ ตึง แน่น ไม่นิ่ม-วางไว้อุณหภูมิห้อง: วางบนโต๊ะ ผลไม้จะสุกเอง-เช็คความสุก: กดเบาๆ ถ้าเริ่มนิ่ม = พร้อมกินลองดู! เก็บฝรั่งแบบนี้ รับรองว่าอร่อย กรอบ สดนานเพิ่มเติม:ฝรั่งดิบเก็บได้นานกว่าฝรั่งสุกวางฝรั่งห่างจากผลไม้ปล่อยก๊าซเอทิลีน เช่น กล้วย แอปเปิ้ล จะชะลอการสุกฝรั่งมีวิตามินซีสูง ทานฝรั่งแล้วดีต่อสุขภาพ3. แอปเปิ้ล:ทำไมแอปเปิ้ลไม่ควรแช่ตู้เย็น?จากประสบการณ์จริงของผู้เขียน แอปเปิ้ลไม่ควรแช่ตู้เย็น เพราะสาเหตุหลัก 3 ประการ ดังนี้- แอปเปิ้ลจะสูญเสียรสชาติและเนื้อสัมผัส: อุณหภูมิที่เย็นจัดในตู้เย็นจะชะลอการสุกของแอปเปิ้ล แต่จะทำให้แป้งในเนื้อแอปเปิ้ลเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ส่งผลต่อรสชาติที่หวานน้อยลง เนื้อสัมผัสเละ-แอปเปิ้ลจะส่งผลต่อผลไม้ชนิดอื่น: แอปเปิ้ลปล่อยก๊าซเอทิลีน (ethylene) ซึ่งเป็นฮอร์โมนพืชเร่งการสุก เมื่อเก็บแอปเปิ้ลรวมกับผลไม้ชนิดอื่น ก๊าซเอทิลีนจะเร่งให้ผลไม้อื่นสุกเร็วขึ้น ส่งผลต่ออายุการเก็บรักษา- แอปเปิ้ลจะช้ำได้ง่าย: เมื่อนำแอปเปิ้ลออกจากตู้เย็น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงะทันหันจะทำให้เนื้อแอปเปิ้ลช้ำได้ง่ายวิธีเก็บแอปเปิ้ลที่ถูกต้องจากประสบการณ์ของผู้เขียน แนะนำให้เก็บแอปเปิ้ลดังนี้-เก็บในอุณหภูมิห้อง:อุณหภูมิห้องที่เหมาะแก่การเก็บแอปเปิ้ลอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส ควรเก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง- เก็บในถุงกระดาษ:ถุงกระดาษจะช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกิน ป้องกันแอปเปิ้ลช้ำ และช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก- แยกเก็บจากผลไม้ชนิดอื่น:ควรเก็บแอปเปิ้ลแยกจากผลไม้ชนิดอื่น เพื่อป้องกันก๊าซเอทิลีนจากแอปเปิ้ลไปเร่งการสุกของผลไม้อื่น- ตรวจสอบแอปเปิ้ลเป็นประจำ:ควรคัดแยกแอปเปิ้ลที่เริ่มเน่าเสียออก เพื่อป้องกันไม่ให้ลามไปยังแอปเปิ้ลลูกอื่นจากประสบการณ์ของผู้เขียน เคยซื้อแอปเปิ้ลมา 1 กิโลกรัม แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเก็บในตู้เย็น อีกส่วนเก็บในถุงกระดาษที่อุณหภูมิห้อง ผลลัพธ์ที่ได้คือ แอปเปิ้ลที่เก็บในตู้เย็นมีรสชาติหวานน้อยลง เนื้อสัมผัสเละ และแอปเปิ้ลที่เก็บในถุงกระดาษยังคงรสชาติสด กรอบ อร่อย อยู่ได้นานกว่า แอปเปิ้ลไม่ควรแช่ตู้เย็น ควรเก็บในอุณหภูมิห้องในถุงกระดาษ แยกจากผลไม้ชนิดอื่น และตรวจสอบแอปเปิ้ลเป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติของแอปเปิ้ลให้อยู่ได้นานขึ้น4.ส้มสรุปทำไมส้มไม่ควรแช่ตู้เย็นจากประสบการณ์ของผู้เขียน ส้มไม่ควรแช่ตู้เย็นด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้:-เปลือกส้มมีน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งเชื้อรา: อุณหภูมิเย็นในตู้เย็นจะทำลายน้ำมันนี้ ทำให้ส้มมีโอกาสเป็นเชื้อราได้ง่ายขึ้น-อุณหภูมิเย็นทำลายวิตามินซี: ส้มมีวิตามินซีสูง ซึ่งไวต่ออุณหภูมิ การแช่เย็นจะลดปริมาณวิตามินซีลง-เปลี่ยนแปลงรสชาติและเนื้อสัมผัส: อุณหภูมิเย็นจะทำให้เนื้อส้มแห้ง แข็ง และสูญเสียรสหวาน-เสียเวลา: การแช่เย็นส้มไม่จำเป็น เพราะส้มสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้นานหลายวันวิธีเก็บส้มที่ถูกต้อง -เก็บส้มที่อุณหภูมิห้อง: วางส้มไว้บนเคาน์เตอร์ครัว หรือในตะกร้าผลไม้ วางในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่โดนแสงแดดโดยตรง -หลีกเลี่ยงการเก็บส้มใกล้กับผลไม้บางชนิด: ผลไม้บางชนิด เช่น แอปเปิ้ล กล้วย มะเขือเทศ ผลิตก๊าซเอทิลีน ซึ่งเร่งการสุกของส้ม-เก็บส้มในตู้เย็นเมื่อจำเป็น: กรณีต้องการเก็บส้มไว้ทานนานๆ สามารถแช่ตู้เย็นได้ แต่ควรเก็บในช่องเก็บผัก ไม่ควรเกิน 1 อาทิตย์- สังเกตส้มอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจดูส้มเป็นประจำ หากพบส้มเริ่มมีจุดดำ หรือมีกลิ่นเหม็น ควรทิ้งทันทีจากประสบการณ์ของผู้เขียน เคยแช่ส้มไว้ในตู้เย็น ผลลัพธ์คือ ส้มมีผิวเหี่ยว ยุบ รสชาติไม่อร่อย เปลือกส้มมีจุดดำ สันนิษฐานว่าเกิดจากเชื้อรา หลังจากนั้น ผู้เขียนลองเปลี่ยนวิธีเก็บส้ม โดยวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง ผลลัพธ์คือ ส้มสดอยู่ได้นาน เปลือกส้มเรียบเนียน รสชาติดี การเก็บส้มที่อุณหภูมิห้องเป็นวิธีที่ดีที่สุด ช่วยให้ส้มสดอยู่ได้นาน รสชาติดี และคงคุณค่าทางโภชนาการประสบการณ์ของผู้เขียนเคยเข้าใจผิด คิดว่าผลไม้ทุกชนิดควรแช่ตู้เย็นเพื่อเก็บรักษา ผลลัพธ์คือ ผลไม้หลายชนิดเสีย รสชาติเปลี่ยน เนื้อสัมผัสเละ และหลังจากศึกษาข้อมูลและปรับเปลี่ยนวิธีเก็บรักษา ผลไม้สดอยู่ได้นานขึ้น รสชาติอร่อย คงความสดใหม่อีกทั้งการเก็บรักษาผลไม้ให้ถูกวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ การแช่เย็นไม่ใช่คำตอบสำหรับผลไม้ทุกชนิด ศึกษาข้อมูล เลือกวิธีเก็บรักษาที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้ทานผลไม้สด อร่อย และคงคุณค่าทางโภชนาการ ภาพประกอบหน้าปกโดย กาลครั้งหนึ่งไม่นานออกแบบจาก canvaภาพประกอบเนื้อหาโดยภาพที่1 กาลครั้งหนึ่งไม่นานภาพที่2 Liza/pixapayภาพที่3 955169/pixapayภาพที่4 กาลครั้งหนึ่งไม่นาน บทความที่น่าสนใจhttps://intrend.trueid.net/post/429328https://intrend.trueid.net/post/427935https://intrend.trueid.net/post/417967 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !