สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำ น่าจะเคยพบกับปัญหาคอมพิวเตอร์ค้าง หรือแฮงค์ คืออาการที่ใช้เมาส์คลิกตรงไหนก็ไม่ขยับ บางครั้งเมาส์หรือคีย์บอร์ดไม่สามารถใช้งานได้ และไม่สามารถทำงานอะไรต่อไปได้เลยมันจึงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างมากสำหรับหลาย ๆ คน โดยสาเหตุของอาการเหล่านี้มีได้หลายสาเหตุเราจะมาดูวิธีแก้ปัญหาที่คุณสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง ว่าเมื่อคอมพิวเตอร์ค้าง แฮงค์ เราจะจัดการกับมันได้อย่างไร เพื่อให้มันสามารถกลับมาใช้งานได้ เพียงแค่ 4 วิธีง่าย ๆ ดังนี้ (สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์เท่านั้น)1. กดปิดโปรแกรม สาเหตุหลักๆที่ทำให้คอมพิวเตอร์ค้าง หรือแฮงค์ มักเกิดจากหน่วยประมวลผลทำการประมวลผลข้อมูลที่มากเกินกว่าประสิทธิภาพของเครื่อง อาจเพราะเราเปิดโปรแกรมหลายอย่างพร้อมกัน การกดปิดโปแกรมต่าง ๆ นั้นจึงเป็นวิธีเบื้องต้น เพื่อให้หน่วยประมวลผลทำงานน้อยลง หรือถ้าหากเม้าส์ไม่สามารถคลิกปิดโปรแกรมได้ เราสามารถกดคีย์ลัดที่คีย์บอร์ด คือ Alt+F4 เพื่อปิดโปรแกรมที่เปิดอยู่2. เข้าเมนู Task Manager เมื่อพยายามทำตามข้อที่ 1 คือ ปิดโปรแกรมแล้ว แต่ทำไม่ได้ โปรแกรมไม่ปิดลง การบังคับปิดโปรแกรมจึงเป็นอีกวิธีที่ทำได้ วิธีคือ ให้เราคลิกขวาที่แถบ Taskbar(แถบด้านล่างสุด) แล้วเลือก Task manager ในแท็บ Processes ให้เราค้นหาชื่อโปรแกรมที่ค้าง เลือกและกดปุ่ม End Task หรือถ้าเม้าส์ของเราขยับไม่ได้ หรือเปิดTask manager ไม่ขึ้นให้ใช้คีย์ลัด โดยกดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete ทั้ง 3 ปุ่มพร้อมกัน เราก็จะสามารถกดเปิด Task manager ได้ และใช้คีย์บอร์ดในการกดเลือก และกด End Task3. Sign out ลงชื่อออกจากระบบ หากคุณได้ทำตามวิธีที่ 1 และ 2 แล้ว แต่กลับไม่มีอะไรตอบสนอง หรือทำไม่ได้ การ Sign out ออกจาก windows จึงเป็นอีกวิธี เนื่องจากการ Sign out เป็นการเคลียร์และปิดโปรแกรมที่กำลังประมวลผลอยู่ ให้กลับไปหน้าแรกของWindows อีกครั้ง เสมือนว่าคุณเพิ่งจะเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง รีสตาร์ทเครื่อง ให้กดปุ่ม Start และเลือก Sign out หรือ กดคีย์ลัด windows+L (สำหรับ Windows บาง version อาจใช้คำว่า Log off)4. Restart รีสตาร์ทเมื่อคุณได้ลองมาครบทุกวิธีที่เราแนะนำแล้ว ยังไม่เป็นผล อาการคอมพิวเตอร์ค้าง แฮงค์ก็ยังไม่หายให้ลอง Restart แบบปกติ นั่นจะเป็นวิธีที่เราแนะนำ ถ้าหากทำไม่ได้อีก จึงขอเสนอวิธี Restart อีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงกับคอมพิวเตอร์ของคุณให้คุณกดที่สวิทซ์เปิดเครื่องค้างเอาไว้เป็นเวลา 3-5 วินาที จนกว่าคอมพิวเตอร์จะดับไป แล้วจึงปล่อยมือออกจากปุ่มสวิทซ์ รออีกประมาณ 10-20 วินาที จึงเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่เราจะไม่แนะนำให้ทำวิธีนี้บ่อย ๆ เพราะมันอาจจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีปัญหาได้ในภายหลัง4 ขั้นตอนที่กล่าวมา ทุกคนสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาขณะคอมพิวเตอร์ค้างได้ ด้วยตนเอง และนี่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น เพราะจริงๆปัญหาคอมพิวเตอร์ค้าง ควรแก้ที่ต้นเหตุ คือ Upgrade คอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เพื่อไม่ให้คอมพิวเตอร์ของเราค้างอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง ภาพปก /ภาพประกอบที่1/ ภาพประกอบที่2 โดยผู้เขียน/ ภาพประกอบที่3 /ภาพประกอบที่4