สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแนะนำภาพยนตร์ดูสบายวันฝนตกกันค่ะ โดยวันนี้เป็นภาพยนตร์ที่ฉายผ่านโรงภาพยนตร์มาแล้วแต่ยังตราตรึงในใจ ขอพาหวนไปนึกถึงบรรยากาศโรงหนังที่เราห่างเหินกันมาร่วม2เดือนแล้ว วันนี้เป็นภาพยนตร์จากเครือ CJ MAJOR Entertainmentค่ะ ที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี พ.ศ.2559 ซึ่งค่อนข้างใหม่เลยทีเดียว เพราะทำภาพยนตร์ได้เพียง4เรื่อง ซึ่งบริษัท CJ MAJOR Entertainment เป็นการร่วมมือระหว่างบริษัท เมเจอร์ซินิแพลกซ์ และซีเจเอนเตอร์เทนเม้นท์ ที่เป็นบริษัทลูกของ ซีเจอีแอนด์เอ็ม จำกัด บริษัทชั้นนำอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ จึงทำให้ภาพยนตร์ที่ทำขึ้น ส่วนใหญ่ดัดแปลงมาจากภาพยนต์ของประเทศเกาหลีใต้แต่ใช้บริบทของเมืองไทยค่ะ เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะทั้ง4เรื่องนั้น ต้นฉบับทำไว้ได้ดีมากจนขึ้นหิ้งไปแล้วเลยก็ว่าได้ แต่ภาพยนตร์ที่มารีเมคใหม่ในบริบทแบบไทยๆก็มีความแปลกใหม่ ตัวบทอาจจะปรับเปลี่ยนไปบ้าง แต่กลิ่นอายยังคงเหมือนต้นฉบับอยู่ค่ะ ว่ากันแล้วเริ่มกันที่เรื่องแรกกันเลยค่ะ 1. Suddenly twenty 20ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทาง CJ MAJORร่วมกับM Pictures นำเข้าฉายในปี 2559 โกยเสียงตอบรับได้ดีเลยทีเดียวค่ะ เรื่องนี้รีเมคจากเรื่อง Miss Granny ของเกาหลีใต้ ซึ่งเค้าโครงเรื่องไม่ผิดไปจากต้นฉบับเลย แต่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับความเป็นประเทศไทยทั้งฉากและสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้เป็นหนังแนวครอบครัวดราม่าและแฟนตาซีค่ะ การเดินเรื่องเริ่มต้นจาก "ยายปาน" ผู้สูงวัยช่างติ ติได้ทุกเรื่องตามประสาคนแก่ หลังสามีตายเธอก็เลี้ยงลูกชายมาโดยลำพังทำให้ยายมีปมทั้งเรื่องความรักแและความฝันการอยากเป็นนักร้อง แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องพบกับจุดเปลี่ยนของชีวิตในวัย70ปี เมื่อยายได้เจอร้านถ่ายรูปเก่า ๆ ที่ทำให้กลับมาอายุ20อีกครั้ง จึงเกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นพร้อมกับการทำตามความฝันของยายปาน ในเรื่องไม่ได้มีแต่ดราม่าน้ำตาร่วงนะคะ มีการสอดแทรกมุกตลกปนโรแมนติกเล็ก ๆ ทำให้หนังกลมกล่อมยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีข้อคิดสอดแทรกไว้ให้ผู้ชมอย่างเราได้คิดวิเคราะห์ไปตาม ๆ กัน เรื่องนี้สร้างความประทับใจไว้หลายอย่าง สิ่งแรกที่เห็นคือความรักที่มีต่อลูกและหลานของยายปาน ถึงแม้จะกลับไปอายุ20ปี แต่ความรัก ความเอาใจใส่ของยายปานไปเปลี่ยนแปลงไปเลย อีกส่วนหนึ่งคือความมุมานะของยายปานกับความฝันอยากเป็นนักร้อง ถึงแม้วันเวลาเปลี่ยนไปนานแค่ไหนความพยายามก็ไม่เคยน้อยลงไปเลย ประทับใจมากทั้งเพลงประกอบเข้ากับเนื้อเรื่องได้ดีเลยทีเดียว เป็นบทเพลงที่ฟังแล้วทำให้เราถึงอารมณ์และบทบาทตัวละครนั้นได้เลยค่ะ เป็นเรื่องหนึ่งที่นำกลับมารีเมคเป็นครั้งที่3ก็ยังแจ๋ว ยังครบรสและสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของนักแสดงและผู้กำกับ ดูแล้วมีความสุขได้กลับไปย้อนคิดได้อมยิ้มตามค่ะ 2.Love Battle รัก2ปี ยินดีคืนเงิน เรื่องนี้รีเมคจากภาพยนตร์ประเทศเกาหลีใต้เช่นกัน แนวคอมเมดี้น่ารัก ๆ เข้าฉายเมื่อปีที่แล้ว(2019) เค้าโครงเรื่องที่สนุกไม่ได้เน้นตลกมากแต่สามารถทำให้ขำตามได้เรื่อย ๆ โดยการเดินเรื่องเริ่มจากพระเอกเป็นนักคณิตศาสตร์อยู่บริษัทประกันภัยที่อยู่ ๆ ก็ถูกแฟนหักหลังทิ้งไปกลายเป็นปมหลัก ทำให้พระเอกปิ๊งไอเดียคิดประกันภัยขึ้นมาเองในชื่อ “Love Insurance” หรือกรรมธรรม์ประกันรักแท้ 2 ปีทวีทรัพย์ โดยมีสัญญาว่าถ้าคู่รักคู่ไหนไม่เลิกกันภายใน2ปีหลังทำสัญญาจะได้รับเงินคืนเต็ม100%แถมดอกเบี้ยให้อีก30%สุดคุ้มกันไปเลย แต่ความแตกต่างของพระเอกและนางเอกที่นางเอกเชื่อว่าความรักหรือการเลิกราไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้ ซึ่งต่างกับพระเอกที่ทุกอย่างกลายเป็นตัวเลขและการคำนวณไปหมด ทั้งเรื่องเดินเรื่องจากการเดิมพันหน้าที่การงานของพระเอกและนางเอกเป็นหลักไปเลย เนื้อเรื่องความรักของแต่ละคู่ที่ทำกรรมธรรม์จบไปทีละคู่ทำให้ชัดเจนดีทำให้คนดูแบบเราเข้าใจความสัมพันธ์ได้ง่าย สิ่งที่ประทับใจในหนังเรื่องนี้คือ การที่หนังใช้การทำกรรมธรรม์มาเป็นจุดขายในเรื่องเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เป็นเนื้อเรื่องที่สร้างสรรค์เพราะไม่เคยได้รับชมหนังที่ได้ดูเค้าโครงเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย มีการดึงตัวประกอบเข้ามาสร้างสีสรรทำให้หนังดูสนุกมากยิ่งขึ้นและถึงแม้ในเรื่องไม่ได้ปูเรื่องว่าความรักระหว่างนางเอกและพระเอกเป็นมายังไง แต่ก็สื่อได้ดีเลยโดยไม่ต้องถามความเป็นมาเป็นไป ทำให้คนดูรู้สึกได้เองเป็นอีกเรื่องที่ประทับใจกับความน่ารักและความตลกปกฮาได้ตลอดเรื่องค่ะ3. That March ดิวไปด้วยกันนะ ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเรื่องก็รับรู้ถึงความเศร้าและการจากลาเป็นที่แน่นอน ด้วยเค้าโครงที่มีต้นฉบับมาจากภาพยนตร์เกาหลีใต้เรื่อง Bungee Jumping of Their Own ปี2001 การเดินเรื่องไม่ต่างไปจากต้นฉบับมากนักแต่มีจุดที่น่าสนใจคือ มีการปรับเปลี่ยนบทให้ได้อรรถรสกว่าเดิมโดย คุณมะเดี่ยว ชูเกียรติ ซึ่งตามสไตล์การทำหนังแบบคุณมะเดี่ยวที่สร้างความประทับมาหลายเรื่อง เรื่องนี้จึงมาจุดเริ่มจากเด็กหนุ่มเหนือหน้ามนเช่นเคย โดยดำเนินเรื่องโดยเด็กลูกครึ่งจีนหนุ่มปางน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ชื่อ "ภพ" กับเพื่อนใหม่ "ดิว" ที่ย้ายมาจากเชียงใหม่ เกิดเป็นเรื่องราวความรักที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมยุคนั้น ทำให้ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตร่วมกันได้ เริ่มต้นด้วยความสุขเล็กๆที่ทำให้ผู้ชมอย่างเราได้ย้อนกลับไปกับนักแสดงยุคนั้นทั้งเพลงประกอบและฉากเหมือนกับได้ย้อนไปในอดีตด้วยเลยจริง ๆ แต่ก็ตามมาด้วยบทดราม่าล้วน ๆ ด้วยความที่บทเปลี่ยนตัวเอกของเรื่องในช่วงแรกจากชาย-หญิง เป็นชาย-ชาย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ก็สื่ออารมณ์ความรักที่ไม่มีสิทธิ์จะรักได้ดีมากเลยทีเดียว ในส่วนที่ประทับใจมากในเรื่องนี้ก็คือ หนังสื่อสารเรื่องความรักของคนคู่หนึ่งที่ไม่ถูกที่ ผิดเวลา ซ้ำไปซ้ำมา แสดงให้เห็นถึงการรอคอยและความอดทนของคนที่รอ ที่เต็มไปด้วยบาดแผลลึกกับเรื่องราวในอดีตที่ฝั่งใจ ประทับใจการแสดงของนักแสดงในเรื่องทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กเข้าถึงบทบาท เข้าถึงอารมณ์กันแบบสุดจริงๆ ทุกคนในเรื่องมีบทบาทกันหมด ถึงจะโพล่มาบางช่วงบางตอนแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตัวละครนั้น ๆ ได้ดีเลย โดยเฉพาะบทแม่ของดิว คุณอุ๋ม อาภาศิริ ถ่ายทอดบทความเป็นแม่และครูได้ดีมาก โดยเฉพาะตอนร้องไห้ทำให้ผู้ชมอย่างเราใจสลายไปตามได้เลยสุดท้ายประทับใจตอนจบที่ผู้กำกับใช้การจบแบบปลายเปิด ไม่ได้ตัดจบแบบทั้งที่อารมณ์ยังค้างคาและเศร้าอยู่เป็นการชวนให้ผู้ชมได้คิดตามความน่าจะเป็นในต่อ ๆ ไปได้จบได้สวยมากค่ะ 4. Classic Agian จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ประเทศเกาหลีใต้เรื่อง The Classic "คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต" เป็นภาพยนตร์รักในตำนานที่เรียกได้ว่าขึ้นหิ้งไปแล้ว เป็นที่แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่หลายคนคาดหวังมากเพราะต้นฉบับทำไว้ดีและตราตรึงใจเหลือเกิน แต่วันเวลาผ่านมาถึง16ปีแล้วการนำมารีเมคใหม่ไม่ใช่เรียกแปลกแต่กลับดึงดูดความสนใจได้มากเลยทีเดียว การเดินเรื่องในเวอร์ชันไทยนี้ยังคงโครงเรื่องแบบเกาหลีไว้ เพียงปรับให้เขากับยุคสมัย ในเวอร์ชันไทยให้ยุคของพ่อและแม่อยู่ในปี พ.ศ.2510 และรุ่นลูกอยู่ในยุคฮอตฮิตอย่างยุค90 โดยเนื้อเรื่องเริ่มจาก นางเอกได้แอบชอบหนุ่มหน้าตาดีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เธอไม่อาจแสดงความในใจได้เพราะเพื่อนสนิทของเธอก็ชอบผู้ชายคนนี้เหมือนกัน ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็คือพระเอกในเรื่องนั่นเอง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้เจอกล่องจดหมายลับของแม่ ที่มีข้อความบอกรักระหว่าง ดาหลา(แม่ของนางเอก) และผู้ชายที่ชื่อ ขจร เธอรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดผ่านตัวหนังสือและตอนนี้โชคชะตาชีวิตของเธอก็คล้ายกับแม่เหลือเกิน ในเรื่องมีการปรับบทให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันและปรับให้เข้ากับบริบทของความเป็นไทย ภาพยนตร์สื่อออกมาได้น่ารักมากเข้ากับปัจจุบันได้ดีทีเดียว ในส่วนตัวแล้วประทับใจทั้งเวอร์ชันไทยและเกาหลีเลย แต่การสื่ออารมณ์ สถานการณ์ ตลอดจนการปรับบทให้เข้ากับความเป็นไทยเป็นสิ่งที่ประทับใจที่สุด ทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกตามไปด้วยจริงๆ ในส่วนของพาร์ท ดาหลา และ ขจร ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบเลยเป็นการเล่าเรื่องราวได้ดีและโดดเด่นมาก ต้องยอมรับและยกนิ้วให้นางเอกที่รับบทหนักทั้งสองพาร์ท เป็นทั้งแม่และลูกแสดงออกมาได้น่ารักและสื่ออารมณ์ได้ดีมากเลยทีเดียวค่ะ สิ่งที่น่าประทับใจอีกสิ่งหนึ่งคือ เพลงที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ เพลง หนึ่งความทรงจำ ขับร้องเลยวง MEAN ทำออกมาได้ดีเทียบเท่ากับต้นฉบับอย่างเพลง “Me to You, You to Me” เลย ซาวด์ดนตรีขึ้นมาปุ๊บรับรู้ได้เลยว่า นี่แหละคือเพลงที่เราอย่างได้ยินเหมือนกับมีภาพความทรงจำจากอดีตขึ้นมาเต็มไปหมดเลย ก็อย่างว่านั่นแหละ16ปีที่แล้วความทรงจำดีๆกับช่วงเวลาที่มีภาพยนตร์เรื่อง The Classic เข้าฉายพอดี ได้ฟังเพลงนี้ทีไรถึงกับอมยิ้มทุกที Classic Again "จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ" อาจจะตามรอยพี่ ๆ ให้รับชมผ่านNetfix เร็ว ๆ นี้ค่ะ ขอบคุณภาพจากCJ MAJOR Entertainment:ภาพประกอบ1/ภาพประกอบ2/ภาพประกอบ3/ภาพประกอบ4/ภาพประกอบ5