ฉันทำงานโรงเรียนกวดวิชาไม่ใช่แค่...เปิดคอร์สเรียน แล้วโฆษณาบน Facebook...แล้วเก็บค่าเรียนเท่านั้น การให้คำแนะนำเรื่องการเรียน ช่วยวางแผนการเรียน ช่วยวางแผนการสอบเรียนต่อ ช่วยมองหาที่เรียน พูดไปพูดมาก็คล้ายกับครูแนะแนวนี่เอง การให้คำแนะนำที่ดีกับน้อง ๆ และผู้ปกครอง ทำให้พวกเขาเข้าใจเรื่องการเรียน เข้าใจเรื่องหลักสูตร วิชาที่ต้องเรียน รวมทั้งเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อ.... .นี่แหละถือเป็นจุดเด่นของโรงเรียนกวดอย่างหนึ่ง ....เพราะนักเรียนมาเรียนจะประทับใจ และจะบอกต่อกับเพื่อน ๆ หรือญาติ ๆ ทำให้เรามีลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้เป็นยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ....ภาษาอังกฤษมีความสำคัญ และดูเหมือนจะเป็นเรื่องจำเป็นพื้นฐานที่เด็กรุ่นใหม่ควรจะพูด ฟัง อ่าน เขียนได้ดี เทคโนโลยีด้านการสื่อสารต้องใช้ให้เป็น ภาษาที่สาม เช่น จีน ญี่ปุ่น ควรได้..อย่าให้พลาด การเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติ หรือการเรียนอินเตอร์จึงดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ผู้ปกครองต่างคาดหวังว่า ลูก ๆ จะได้รู้ภาษาอังกฤษและวิชาการไปพร้อม ๆ กัน สมัยนี้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชนเปิดสอนหลักสูตรนานาชาติกันแพร่หลาย ....ประชาสัมพันธ์..เรื่องราวความเป็นอินเตอร์ออกมา ทำให้เรารู้สึกว่าน่าเรียน แล้วนักเรียนจะเลือกเรียนอย่างไรให้ถูกใจและเหมาะสมกับตัวเอง..... โรงเรียนกวดวิชาเป็นอีกที่หนึ่งที่น้อง ๆ และ ผู้ปกครองเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ...อินเตอร์ในระดับมหาวิทยาลัย ......เรื่องเรียนต่อนี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับอนาคตของเด็กนะ คุณพ่อคุณแม่ต้องให้น้อง ๆ เขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ...ผู้ปกครองก็ต้องเข้าใจด้วย...เพราะบางครั้งอาจต้องใช้เวลาในการเรียนเพิ่มมากขึ้น และค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เรื่องนี้พูดคุยได้ยาวเป็นวัน ๆ ฉันขอสรุปได้เป็น 5 ข้อคิดก่อนคิดจะเรียนอินเตอร์ 1. ถามตัวเองก่อน ลองถามตัวเองสิ ว่าเราชอบทำอะไร ชอบอาชีพอะไร......ต้องเรียนอะไรถึงเป็นอาชีพในฝันนั้นได้ .ตรงนี้สำคัญ ...และอาจต้องใช้เวลานะเพราะขนาดผู้ใหญ่วัยเรา ๆ ทำงานแล้วตั้งหลายปี ยังไม่รู้เลยว่าชอบงานที่ทำอยู่หรือเปล่า 2. ดูหลักสูตร เมื่อรู้ว่าอยากทำงานอะไร ต้องเรียนอะไร ที่ไหนเปิดสอนบ้าง ทีนี้ต้องดูหลักสูตร ตรงนี้สำคัญมาก ๆ นักเรียนควรได้เห็นหลักสูตรที่เราสนใจอยากเรียน และดูสิว่า หลักสูตรที่เปิดสอนของแต่ละสถาบันมีวิชาอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย หลักสูตร หรือโปรแกรมที่เปิดสอนจะแตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างคล้าย ๆ กัน คือ 1.วิชาพื้นฐานทั่วไป(General Education) 2. วิชาแกนของคณะที่เรียน (Core Subject) 3. วิชาเลือกบังคับของสาขาที่เราต้องการเรียน 4.วิชาเลือกของสาขาวิชา 5. วิชาเลือกเสรี ถ้าเราไม่ชอบเรียนคณิตศาสตร์ ...ลองสำรวจดูหน่อยสิว่า ....สาขาที่เราอยากเรียนต้องเรียนคณิตศาสตร์กี่วิชา .นอกจากนี้สาขาที่เราอยากเรียน.มีฝึกงานไหม ฝึกกี่ครั้ง.. 3. คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าเรียนและการคัดเลือกนักศึกษาใหม่ เรื่องนี้พลาดไม่ได้ ไม่งั้นไม่ได้เรียนนะ นักเรียนต้องดูคุณสมบัติของผู้เข้าสมัครเข้าเรียน(Admission Requirement) และวิธีการคัดเลือกนักศึกษาใหม่ เกณฑ์การคัดเลือกนักศึกษา ช่วงเวลาการรับสมัคร การสอบ การประกาศผล พูดกันง่าย ๆ คือ สอบเข้าเรียนต่อยากไหม? บางมหาวิทยาลัยกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครเข้าเรียนไว้ไม่สูงหรือไม่กำหนดก็มี ....อย่างนี้เราก็ต้องไปดูวิธีการสอบคัดเลือกด้วย ....ถ้าสบาย ๆ สอบง่ายเกินไป อาจต้องมีคำถามในใจนะ ....แล้วจะเรียน จะสอนกันอย่างไร ...ใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ...แต่บางสถาบันมีหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษให้นักศึกษาก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย บางสถาบันกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าเรียนไว้สูงเหมาะสมกับการเรียนอินเตอร์จริง ๆ ยิ่งถ้าเปิดมาหลายปี ๆ น่าสนใจนะ Admission Requirement สูงยังมีนักเรียนไปสมัครเรียนเยอะ แสดงว่า...ต้องเป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่งละ 4. ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยกับสถาบันต่าง ๆ ในต่างประเทศ การที่ คณะ มหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ ต้องการเรียนมีความร่วมมือกับสถาบันต่าง ๆ ในต่างประเทศเป็นข้อดี เพราะทำให้เรามีโอกาสไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนไปฝึกงานในต่างประเทศ หรือเปิดโอกาสให้เราได้เรียนร่วมกับนักศึกษาต่างชาติที่มาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนในประเทศเรา ทำให้สภาพแวดล้อมน่าเรียน ทำให้เราได้ใช้ภาษามากขึ้น 5. ค่าใช้จ่ายในการเรียน ค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องสำคัญ ...เรียนอินเตอร์มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลักสูตรภาษาไทย คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องอนุมัตินะถึงจะได้เรียนถ้ามีเวลานักเรียนควรเข้าไปสัมผัสบรรยากาศในคณะ หรือมหาวิทยาลัยที่เราต้องการจะเรียนดูว่า พี่ ๆ นักศึกษาที่ เรียน เขาใช้ภาษาอังกฤษกันหรือเปล่า?. การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต และปฏิเสธไม่ได้ว่าการศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องลงทุน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเป็นเรื่องธรรมดา ความเสี่ยงของการลงทุนด้านการศึกษาคือ.....เรียนแล้ว...ไม่เหมือนกับที่เราคาดหวังไว้. ….การตัดสินใจต้องใช้ข้อมูลและเวลา.......:) Take your time…… ภาพที่ 1 ตารางรับสมัคร จาก Fanpage BBA Thummasat University ภาพที่ 2 ประกาศ จาก Fanpage BBA Chulalongkorn Universityภาพที่ 3 อาคารเรียน และ ภาพที่ 4 Program แลกเปลี่ยนนักศึกษา จาก MUIC Official Fanpageภาพปก ออกแบบโดย Canva ภาพ อาคารเรียน จาก MUIC Official Fanpage เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !