ห้องเรียนธรรมะถ่ายทอดสด โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 10 ภายใต้แนวคิด “ความรักจักรวาล” รัก-เรียน-เพียร-ให้ สามเณรทั้ง 12 รูปใช้ชีวิตร่วมกัน ณ สถานปฏิบัติธรรมธวีธรรม (ไร่แสงงาม) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ผ่านเข้าสู่วันที่ 5 หลังพิธีบรรพชา โดยได้รับเมตตาจากพระราชภาวนาวชิรญาณ วิ. (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี) เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระอาจารย์ใหญ่ประจำโครงการ และคณะพระพี่เลี้ยงอบรมดูแลอย่างใกล้ชิด มีกิจกรรมบทเรียนหนึ่ง รับชมเกิดความรู้สึกประทับใจในเนื้อหาแฝงคำสอนผ่านกิจกรรม “บังคับรถดับเพลิง” หรือรถดับทุกข์ ในช่วงสนุกคิดสนิทธรรม ในวันที่ 25 เมษายน 2567 โดยพระอาจารย์วชิระ สุปภาโส แม้ดูเป็นเกมเล่นง่าย ๆ แต่แฝงความหมายหลายอย่างให้ผู้ชมทางบ้านได้ฉุกคิด สามเณรทุกรูปซึมซับอย่างเข้าใจถ่องแท้กิจกรรมบังคับรถดับเพลิงหรือรถดับทุกข์ วิธีการเล่นคือ “พี่ป๊อป ปวเรศ” อดีตสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 5 มาเป็นผู้บังคับรถโดยต้องปิดตา โดยให้สามเณรแบ่งเป็น 3 ทีมคือศีล , สมาธิ , ปัญญา แข่งกันส่งตัวแทนออกคำสั่งเพื่อบังคับรถไปให้ถึงจุดหมายบ้านที่ไฟไหม้เปรียบรถดับเพลิงคือสิ่งดับทุกข์เปรียบบ้านไฟไหม้คือความร้อนใจแห่งทุกข์ รถดับเพลิงต้องวิ่งบนกระบะทรายขนาดใหญ่ผ่านอุปสรรคมากมายทั้งก้อนหิน , ต้นไม้ , พื้นไม่เรียบมีหญ้า ฯลฯ ซึ่งระหว่างทำกิจกรรมบังคับรถ สามเณรเจออุปสรรคเพิ่มเติมคือ “บังคับรถแล้วไม่ไป” ไม่รู้จะไปให้ถึงจุดหมายได้อย่างไรในเมื่อรถไม่ยอมเคลื่อนที่ อาจเป็นเพราะล้อติดหญ้า ติดหินก้อนใหญ่ เกือบทำภารกิจไม่สำเร็จ จนพระอาจารย์ชี้ทางสว่าง “ลองใช้คำสั่งแตกต่างออกไป” สามเณรเริ่มเกิดปัญญาแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นไปขวาไม่ได้ก็เลี้ยวซ้าย , เดินหน้าไม่ได้ให้ถอยหลังมาก่อน ในที่สุดทุกทีมสามารถบังคับรถดับเพลิงไปดับไฟแห่งทุกข์ได้สำเร็จ เราสามารถเรียนรู้การทำงานอย่างมีความสุข ด้วยหลักธรรมจากกิจกรรมบทเรียนนี้ ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตการทำงานได้ดังนี้1. ทุกปัญหามีหลากหลายทางออกเมื่อเจอปัญหาการทำงาน หาหลายแนวทางแก้ปัญหา “วิธีนี้ไม่ได้ก็หาวิธีอื่น” เช่นบทเรียนในกิจกรรมรถดับเพลิงไปข้างหน้าไม่ได้ หากเรายึดมั่นถือมั่นเห็นผิดในทิฐิตัวเอง “ความคิดเรานั้นถูก” ดื้อดึงจะเดินหน้าอย่างเดียวโดยไม่ฟังเสียงทัดทาน มันก็จะไม่มีทางไปถึงความสำเร็จได้เลย เปรียบชีวิตจริงเดินหน้างานนั้นเกิดการปะทะกับอุปสรรคเอาอาจจำเป็นต้องถอย มองภาพกว้างในกระบะทรายหาแผนสำรองหนึ่ง.. สอง.. สาม.. หากรถดับเพลิงไปทางนั้นไม่ได้ สามารถอ้อมไปทางไหนเพื่อไปถึงจุดหมาย เกิดสติ ปัญญา ไม่มองทุกอย่างเป็นอุปสรรค นู่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ทำไม่ได้ แต่เรื่องราวทุกอย่างมีหนทางดับทุกข์ได้เสมอ2. มีความเชื่อใจ ให้เกียรติความคิดซึ่งกันและกัน ผู้ปิดตามองไม่เห็นอะไรจำเป็นต้องรับฟังคนอยู่หน้างานที่มองเห็นทุกอย่าง ไม่ทำอะไรเกินคำสั่งแม้รู้สึกว่าบังคับรถแล้วยังไปได้อีก “สั่งหยุดก็ต้องหยุด” สามเณรหัวหน้าทีมอยู่ใกล้กระบะทรายที่สุด มองเห็นความเป็นไปทุกอย่าง แม้เพื่อนสามเณรอยู่ไกลมองว่าทางนั้นใกล้กว่า แต่เมื่อผู้อยู่ใกล้พินิจพิเคราะห์ ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง พิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบว่าไปอีกไม่เท่าไหร่รถดับเพลิงต้องติดก้อนหิน จำเป็นต้องให้เกียรติความคิด “มัวแต่เถียงกันก็ไม่เดินหน้าไปไหนสักที” เชื่อใจกันและกันมีความสำคัญมากสำหรับสังคมการทำงาน3. ต้องหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ ฝึกปฏิบัติหากสามเณรบอกทางให้ แต่ตัวโยมพี่ป๊อปไม่รู้วิธีการบังคับรถ กะประมาณไม่ได้ เช่นกดนานเกินไปเลี้ยวซ้ายไม่หยุดกลายเป็นวกกลับมา , กดถอยหลังแช่ไว้นานกลายเป็นถอยกลับที่เดิม หรือเจอกับปัญหาใหม่ ๆ เช่นเดินหน้ามากเกินไปชนกับก้อนหินรถพลิกคว่ำ สะท้อนการทำงานเป็นทีมทั้งตัวสามเณร และโยมพี่ป๊อปต้องเข้าใจตรงกัน “นิดเดียวคืออะไร” หรือ “ไปอีกหน่อยหมายถึงแค่ไหน” บังคบรถได้อย่างชำนาญตามความต้องการทีมสามเณร สะท้อนสังคมออฟฟิศหากมีแนวทางนโยบายดี ๆ สั่งไปแล้วไม่เกิดการปฏิบัติ หรือทำไปตามความเข้าใจของตนซึ่งไม่ตรงกันกับคนคิด งานมันก็พัง4. มีความสามัคคี ปรับมุมมอง ให้ตรงกันสามเณรมองกระบะทราย เกิดการถกเถียงบางรูปว่าไปทางนั้นดีกว่า บางรูปบอกทางนั้นไม่ดี ต้องมาทางนี้ เป็นธรรมดาของสังคม “เมื่อมนุษย์มาอยู่รวมกัน” เกิดความคิดเห็นหลากหลาย แต่ภาพน่ารักเกิดขึ้นเมื่อในทีมได้ข้อสรุปแล้วหัวหน้าทีมออกคำสั่ง เมื่อรถดับเพลิงไปแล้วเจออุปสรรคก็กลับมาคิดปรึกษากันใหม่โดยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน นั่นคือเมื่อเราทำงานเป็นทีม ควรคิดในสิ่งที่ตรงกัน “ไม่ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่” รู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่เสมอ พูดกันด้วยความรักความปรารถนาดี ตั้งอยู่บนพื้นฐานเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ติกันเพื่อพัฒนาไม่ใช่เพื่ออยากเหยียบกันให้จมดิน เมื่อนั้นความเจริญก้าวหน้าทั้งหลายทั้งปวงย่อมเกิดขึ้นกับองค์กร5. ต้องมีสติ พบเจอปัญหาครองสติให้ได้พระอาจารย์วชิระ สุปภาโส รวมถึงพระพี่เลี้ยงได้เน้นย้ำตลอดกิจกรรมบังคับรถดับเพลิงว่าต้องมีสติ เมื่อใจเกิดความว้าวุ่นร้อนรนก็เหมือนคนตาบอดหาทางออกไม่ได้ หากมีสติจะเกิดปัญญา มองเห็นทางออกวิธีการหลายอย่างให้เราได้ทำ ในทางธรรมเรียก “สติปัฏฐาน 4” หมายถึงมีสติรู้สิ่งมากระทบกาย กระทบใจตามความเป็นจริง ทำให้สามารถแยกแยะเรื่องราว ตอบสนองต่อปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาได้อย่างเหมาะสม เมื่อทำงานเจอผู้คนมากหน้าหลายตากระทบใจเราให้ขุ่นหมองไม่ผ่องใส วันนั้นทำอะไรก็ไม่ดี หากมีสติเราอาจเกิดความคิดว่าเอ๊ะ! เรื่องแค่นี้เองเราจะเครียดทำไม แก้ไปทีละอย่างไม่นานปัญหาก็หมดไปแล้ว มัวไปโกรธไปตำหนิกันแบบนี้มันจะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้เลยเป็นเพียงตัวอย่างข้อคิดแฝงหลักธรรม ผ่านบทเรียนกิจกรรมมากมายที่เราสามารถพบเจอได้ใน “สามเณรปลูกปัญญาธรรมปี 10” การบรรพชาผ่านพ้นมาเป็นวันที่ 5 แล้ว เราเริ่มได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของสามเณรทุกรูปในทางดีขึ้น เวลาผ่านไปจะได้เรียนรู้ธรรมะคำสอนอย่างเข้มข้นขึ้น เส้นทางแห่งธรรมยังทอดยาวอีกไกล ถ่ายทอดสด ผ่านทรูวิชั่นส์ HD 119 , 333 และ TrueID ตลอด 1 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันนี้ - 18 พฤษภาคม 2567ขอเชิญติดตามรับชมไปด้วยกันนะครับ 🌷 ..#สามเณรปลูกปัญญาธรรม #truelittlemonk #ยิ่งรู้ธรรมยิ่งทำให้ชีวิตดี #ทรูปลูกปัญญา #trueplookpanya #ธรรมะ #dhammaภาพประกอบโดย สามเณรปลูกปัญญาธรรม : ภาพปก , ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5 , ภาพที่ 6 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !