ในช่วงเดือนที่ผ่านมา คงไม่มีเกมอะไรเป็นกระแสมากไปกว่า God of War Ragnarok ว่าที่ Game of the Year ปี 2022 เกม Action ที่อ้างอิงจากเรื่องราวของเทพนิยายนอร์ส ที่มีชื่อตัวละครที่คุ้นหูมากมายไม่ว่าจะเป็น โลกิ, ธอร์, โอดิน, วาคิลลี่ โดยเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับเรื่องราวของเกมนี้ คือการเปลี่ยนจากตำนานกรีก เป็นตำนานนอร์ส โดยหลังจากที่ Kratos ได้สังหารเหล่าเทพกรีกจนหมดหมดสิ้นแล้ว ในภาคนี้เขาก็ได้ไปผจญภัยไปในโลกของ Midgard และอาณาจักรทั้ง 9 แห่งดินเทพนอร์ส โดยเนื้อหาภายในเกมไม่ได้ถอดเนื้อหาจากเทพปกรณัมนอร์สมาแบบ 100 เปอร์เซ็น แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล โดยที่สิ่งเรื่องรางใน God of War Ragnarok แตกต่างจาก เรื่องราวในเทพนิยายนอร์ส มีด้วยกัน 5 เรื่องต่อไปนี้1. งูยักษ์ Jormungandr (ยอร์มันกันด์) เป็นลูกของโลกิเรื่องราวในเกม Jormungandr หรือ The World Serpent ในเกมนั้นถูกพบว่าหลบซ่อนอยู่ใน Lake of Nine และท่าทางดูไม่มิตรเท่าไหร่ แต่ต่อมาจึงรู้ว่าเจ้างูยักษ์ที่พันรอบโลกนี้เป็นมิตร และช่วยเหลือ Kratos และ Atreus หลายต่อหลายครั้ง ในเกมนั้นได้เปลี่ยนให้ Jormungandr เป็นสิ่งมีชีวิตที่เดิมข้ามกาลเวลา ถูกส่งมาจากอนาคตมายังไทม์ไลน์ปัจจุบัน สาเหตุมาจากการต่อสู้กับ Thor อย่างดุเดือด จนฉีกช่องโหว่ของเวลาข้ามมายังยุคของ Kratos เรื่องราวในเทพนิยายนอร์ส ในตำนานนอร์ส Jormungandr เป็นลูกของโลกิ กับยักษ์ที่ชื่อว่า Angrboda (อังค์โบดา) โดยที่โลกิ มีลูกกับยักษ์อังค์โบดาตนนี้ถึงสามคน ได้แก่ หมาป่า Fenrir, งูยักษ์ Jormungandr และ Hel (ในเกม Atreus แท้จริงแล้วคือ Loki) ซึ่งต่อมาลูกๆทั้งสามคนของโลกิ ก็ได้เข้าร่วมสงคราม Ragnarok และเป็นคุ่ปรับคำสำคัญทั้งกับ โอดิน และธอร์ 2. Buldur ไม่ได้ชั่วร้ายเรื่องราวในเกม Baldur เป็นศัตรูตัวสำคัญหลัก God of War 4 เขาเป็นตัวละครที่คอยตามรังควาญ Kratos และ Atreus อย่างสม่ำเสมอ ในเกม Baldur จะดูเป็นคนโรคจิต โหดเหี้ยม และไม่เกรงกลัวความตาย เพราะ "คำสาป" ของเฟรย่า ทำให้เขาปราศจากความเจ็บปวดใดๆเรื่องราวในเทพนิยายนอร์ส Baldur ในนิยายนอร์สนั้นแตกต่างจาก Baldur ใน God of War อย่างสิ้นเชิง เพราะ Baldur ในนิยายนั้นคือเทพแห่งแสงสว่าง และความจริง เป็นเทพที่หล่อเหลาที่สุดในบรรดาเทพแห่งแอสการ์ด อีกทั้งเป็นคนใจดีและเป็นที่รักของเหล่าเทพทั้งมวล ยกเว้นเพียงคนเดียวคือ Loki ที่ดูจะเกลียดชังเทพองค์นี้เข้าไส้ และการสังหาร Baldur ของ Loki ก็เป็นสาเหตุให้เกิดสงคราม Ragnarok ขึ้นอีกด้วย3. Heimdall ไม่ได้มีความสามารถในการอ่านการเคลื่อนไหว แต่มีความสามารถในการมอง และได้ยินเสียง เรื่องราวในเกม ใน God of War Ragnarok ศัตรูที่เป็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งคนคงไม่พ้น Heimdall ด้วยลักษณะที่ยียวนกวนประสาท และมีความสามารถในการอ่านการเคลื่อนไหว ทำให้ในตอนแรกเราไม่สามารถต่อสู้ได้เลย เพราะไม่ว่าจะโจมตีกี่ครั้ง Heimdall ก็สามารถหลบหลีกได้หมด แต่ในเทพนิยายนอร์ส Heimdall นั้นแตกต่างจากในเกมพอสมควรเลยทีเดียวเรื่องราวในเทพนิยายนอร์ส Heimdall ในเทพนิยายนอร์สนั้นเป็นเทพผู้เฝ้าประตูสวรรค์ ที่เกิดจาก Odin และยักษ์ชื่อว่า Blóðughadda โดยที่ Heimdall เป็นเทพที่สง่างาม และมีจิตใจบริสุทธิ์ และใจดีมาก เขามีดวงตาที่มีความสามารถพิเศษที่สามารถมองไปได้ไกลถึงดินแดนมิดการ์ด และมีหูที่มีความสามารถพิเศษที่ได้ยินแม้แต่เสียงหญ้างอกที่ดินแดนมิดการ์ด แถมยังเป็นเทพที่นอนน้อยที่สุดอีกด้วย (เพราะแค่หลับตาเพียงแป๊บเดียว ก็พักผ่อนเพียงพอแล้วสำหรับเขา) ด้วยความสามารถนี้จึงได้รับตำแหน่งเทพผู้พิทักษ์แห่งแอสการ์ดไปโดยปริยาย 4. หายนะทั้งหมดเกิดขึ้นจาก Loki เรื่องราวในเกม เรื่องราวของ God of War 4 และ God of War Ragnarök ดูเหมือนว่า Atreus หรือ Loki จะเป็นผู้กอบกู้ โลกของเทพอย่างแอสการ์ด โลกของมนุษย์มิดการ์ด และโลกของยักษ์โจตันไฮม์ ให้สงบสุข และพยายามที่จะหยุดสงคราม Ragnarok (แม้จะไม่สำเร็จก็ตาม) แต่ในเทพนิยายนอร์สนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นชิง เพราะ Loki คือตัวการของการเกิดสงคราม Ragnarok และจุดจบของเหล่าเทพยุคแรกเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่ในเกมเราจะเห็นว่าเทพทางฝั่งแอสการ์ดดูเหมือนจะแสดงท่าทีรังเกียจ Loki อย่างออกหน้าออกตาเรื่องราวในเทพนิยายนอร์ส อย่างที่บอกไปแล้วสาเหตุของการล้มสลายของเทพยุคแรกเกิดจาก Loki โดยฉนวนความแค้นเกิดขึ้นจากการที่โลกิ วางแผนสังหาร Baldur โดยยืมมือ Hodur น้องชายฝาแฝดที่ตาบอดของ Baldur โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า คืนหนึ่ง Baldur เกิดฝันร้ายว่าตนเองพบเห็นซากศพนับพัน ชูมือขึ้นพยายามฉุดเขาลงไป Baldur ฝันแบบนี้อยู่หลายครั้งจนทำให้เขากลัวการหลับนอน ทำให้เทพที่หน้าตาหล่อเหลา เริ่มมีสภาพที่ทรุดโทรม เรื่องนี้จึงไปถึงหูของฟริกซ์แม่ของ Baldur ฟริกซ์ได้พา Baldur ไปขอพรจากโลกทั้ง 9 ว่าอย่าให้มีอาวุธอะไรมาทำร้ายลูกตนเองได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาอาวุธอะไรก็ไม่สามารถทำร้าย Baldur ได้อีกเลย แต่ด้วยความหมั่นไส้ Baldur เป็นการส่วนตัวของ Loki จึงคิดหาวิธีการต่างๆ เพื่อแสวงหาสิ่งของที่ทำอันตราย Baldur ได้ ในที่สุด Loki ก็พบว่า ต้นมิสเซิลโท คือสิ่งเดียวที่ฟริกซ์ไม่ได้ขอพรไว้ จากนั้น Loki จึงได้วางแผนยืมดาบฆ่าคนของเขาขึ้นมา วันหนึ่ง Baldur ได้ทำการพิสูจน์ว่าไม่มีอาวุธอะไรสามารถทำร้ายเขาได้ เขาได้ให้เหล่าเทพขว้างปาอาวุธอะไรมาก็ได้ใส่ตนเอง แต่ก็ไม่มีอาวุธอะไรทำอันตรายเขาได้เลย Loki จึงฉวยโอกาสนี้เหลาไม้ที่ทำจากต้นมิสเซิลโทวางในมือของ Hodur และบอกให้ Hodur ไปลองพิสูจน์ดู Loki จูงมือ Hodur ไปยัง Baldur และแทงไม้แหลมที่ทำจากต้นมิสเซิลโทเต็มแรงทำให้ Baldur เสียชีวิตลง หลังจากนั้น Hodur ก็ถูกลอบสังหารด้วยความแค้นจากเทพที่ชื่อว่า Vali ทำให้ตอนนี้ แสงสว่าง (Baldur) และ ความจริง (Hodur) ได้หายไปจากแอสการ์ด ทำให้ความชั่วได้รับการปลดปล่อย และความชั่วจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Loki นั้นเอง5. สาเหตุการตายของเทพในสงคราม Ragnarök เรื่องราวในเกม ใครที่เล่นมาจนถึงฉากสุดท้ายของ God of War Ragnarok น่าจะรู้กันดีว่าเหล่าเทพนอร์สตายกันแทบจะยกแอสการ์ด เหลือเทพยุคแรกเพียงแค่ไม่กี่องค์เท่านั้น โดยสาเหตุการตายของเทพแต่ละองค์ส่วนใหญ่ก็เกิดจากฝีมือของ Kratos และ Atreus มีที่แตกต่างไปบ้างก็เช่นตายของธอร์ที่เกิดจากฝีมือของโอดิน แต่ทว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของเหล่าเทพแตกต่างกันออกไปเรื่องราวในเทพนิยายนอร์ส โดยในนิยายนอร์สหลังจากที่เกิด Ragnarok ขึ้น เหล่ากองทัพของยักษ์ และ Hel (ลูกคนที่สามของโลกิ) ก็ได้รบกองทัพเทพแห่งแอสการ์ด โดยที่โอดิน ต่อสู้กับ หมาป่ายักษ์ Fenrir (ลูกของโลกิ) ทั้งสองต่อสู้กันอย่างยาวนาน แต่แล้วโอดินก็พลาดท่าถูกหมาป่า Fenrir อ้าปากขย้ำทีเดียวเสียชีวิต ส่วนธอร์เทพแห่งสายฟ้าเผชิญหน้ากับงูยักษ์ Jormungandr (ลูกของโลกิอีกแล้ว) ผลการต่อสู้แม้ว่าธอร์จะเอาชนะงูยักษ์ตนนี้ได้ แต่ธอร์ก็บาดเจ็บสาหัส และโดนพิษของงูยักษ์ตัวนี้ที่ตกลงมาเหมือนห่าฝนจนตัวของเขาเต็มไปด้วยพิษ และธอร์ก็เดินได้อีกเพียง 9 ก้าว ก็สิ้นใจ ส่วนเทพแห่งสงครามอย่าง Tyr (ไทร์) ก็สู้กับหมาป่า Gram (กาม) จนเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนโลกิ ที่ต่อสู้กับ Heimdall ก็ต่างถูกดาบของอีกฝ่ายแทงจนเสียไปทั้งคู่เช่นเดียวกัน เทพและยักษ์ต่างล้มตายจากสงครามครั้งนี้จนเกือบหมด ในที่สุดยักษ์ Surtr (เซอร์เทอ) สิ่งมีชีวิตตนแรกของก็กวัดแกว่งดาบเหนือศรีษะ ประกายไฟของดาบลอยเผาไหม้ไปทั้ง 9 อาณาจักร เผาแอสการ์ดดินแดนของเทพ มิดการ์ดดินแดนของมนุษย์ และโจตันไฮล์มของยักษ์ แผ่นดินและท้องทะเล ซึ่งเป็นการสิ้นสุดจักวาลของเทพนอร์สโดยสมบูรณ์ แม้ทุกอย่างจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว แต่ตามความเชื่อของขาวนอร์สเชื่อว่า เมื่อโลกถูกทำลายไปแล้ว ในไม่ช้าโลกก็จะกลับมาเกิดใหม่ โดยในคราวนี้โลกจะกลับเขียวสดใส และมีชีวิตชีวากว่าเดิม ซึ่งนี่คล้ายกับฤดูหนาวของชาวนอร์ส ที่ฤดูหนาวทำให้สิ่งมีชีวิต ต้นไม้ ใบหญ้า ต้องล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงฤดูร้อน ต้นไม้ ใบหญ้า และสิ่งมีชีวิต ก็จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งนั้นเอง เครดิตรูปภาพจากเกม God of War Ragnarökเครดิตบทความจาก 5 เรื่องที่แตกต่างระหว่างเทพนิยายนอร์ส และ God of War Ragnarokบทความ และบทความในวิดีโอ เป็นเจ้าของเนื้อหาเดียวกันจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !