Netflix มีซีรีส์จำนวนมากมายมหาศาลเสียจนในหนึ่งชีวิตคนเรา นับตั้งแต่โตพอจะดูหนังรู้เรื่องไปจนกระทั่งตาย ก็ไม่สามารถดูหมด แถมยังมีแนวให้เลือกหลากหลาย คุณภาพได้มาตรฐาน หลายเรื่องดีและได้รับความนิยมอย่างสูง ถูกสร้างออกมาซีซั่นแล้วซีซั่นเล่าอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีอีกหลายเรื่องเช่นกันที่คุณภาพดีไม่แพ้กัน แต่กลับไมไ่ได้รับความนิยมในวงกว้างเท่าไหร่ วันนี้ผมขออนุญาตนำทุกท่านมาทำความรู้จักซีรีส์ 5 เรื่อง ที่คุณภาพดี แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่กำลังรอซีรีส์ยอดนิยมซีซั่นใหม่ในปีหน้าหรือปีต่อ ๆ ไป และ สำหรับคนที่ต้องการดูอะไรใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกมาจากความนิยมกระแสหลักบ้าง เผื่อบางที คุณอาจจะค้นพบซีรีส์ในดวงใจเพิ่มขึ้นอีกสักเรื่องก็เป็นได้ (แต่ถ้าไม่ ก็ถือซะว่าเป็นการฆ่าเวลาก็แล้วกัน)1.Altered Carbonซีรีส์แนว Sci-Fi ว่าด้วยโลกอนาคตที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลจนมนุษย์สามารถถ่ายเทความทรงจำทั้งหมดของตัวเองลงไปในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งสามารถนำไปเชื่อมต่อกับร่างมนุษย์ร่างอื่น แล้วความทรงจำในอุปกรณ์ก็ถ่ายเข้าไปอยู่ในร่างใหม่ กลายเป็นคนเดิมในอีกร่างหนึ่งได้ นำไปสู่การตั้งคำถามเชิงปรัชญา เช่น คนที่ย้ายร่างยังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่า? ตัวตนของคนคืออะไร? อะไรที่ทำให้เราเป็นเรา? ฯลฯเรื่องเริมต้นที่ตัวเอกถูกปลุกขึ้นมาจากความตายด้วยการนำอุปกรณ์เก็บความทรงจำไปเชื่อมต่อกับร่างนักโทษรายหนึ่ง ภารกิจของเขาคือการสืบหาตัวฆาตกรที่ฆ่ามหาเศรษฐีใหญ่ประจำเมือง ดำเนินเรื่องในทางสืบสวนสอบสวนเป็นหลัก ผสมแอ๊คชั่นเป็นระยะ และลุ้นระทึกในหลาย ๆ ตอน ระหว่างทางยังมีการสะท้อนสภาพสังคม ภาวะชนชั้น และความอยากได้อยากมีที่ว่างเปล่าของผู้คน เชื่อมโยงกับยุคปัจจุบันได้อย่างคมคาย ปัจจุบันมี 2 ซีซั่น 2.Dracula สร้างโดย Mark Gatiss และ Steven Moffat ผู้สร้างซีรีส์ Sherlock ที่นำแสดงโดย Benedict Cumberbatch ดังนั้น Dracula เวอร์ชั่นนี้ แม้จะสร้างโดยอิงจากนิยายของ Bram Stoker แต่ก็ยังคงลีลาการเล่าเรื่องแบบซีรีส์ Sherlock ไว้ได้อย่างน่าสนใจและน่าติดตาม เรื่องราวเดินตามนิยายของ Stoker ว่าด้วยทนายชาวอังกฤษ Jonathan Harker มีอันจะต้องไปเยือนปราสาทของท่านเคานต์รายหนึ่งในโรมาเนีย เพื่อช่วยทำเอกสารในการย้ายไปอังกฤษ และช่วยสอนท่านเคานต์ให้พูดภาษาอังกฤษ สลับการสืบสวน แฝงเงื่อนปม ลึกลับ ปนความสยองขวัญ แถมด้วยเสน่ห์แปลก ๆ ของตัวละครเอกอย่าง Dracula ซึ่งมาในมาดสุขุมนุ่มลึกผสมความดิบเถื่อนดุร้าย และเจ้าเล่ห์อยู่ในที ปัจจุบันมี 1 ซีซั่น จบสมบูรณ์ และไม่น่าจะมีต่อ 3.Dark ซีรีส์จากประเทศเยอรมนี ที่หม่นทั้งภาพ หม่นทั้งเนื้อเรื่อง และด้วยความซับซ้อนลึกล้ำสุดหยั่งคาด ความสัมพันธ์ตัวละครที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง (แต่ไม่มั่ว ไม่มีช่องโหว่) ลำดับเวลาที่กระโดดข้ามไปข้ามมาอย่างสนุกสนาน โดยการออกแบบของคนครีเอทและทีมงาน ที่คงอ่านคอมเมนต์ของชาวเน็ตแล้วนั่งขำสะใจอยู่คนเดียว ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่ขยาดสำหรับนักดูซีรีส์จำนวนไม่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ตาม หากลองเปิดใจและตั้งใจ ทำความเข้าใจกับสิ่งที่คนครีเอทต้องการจะเล่า ลองปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเอง แม้จะตกหล่นไปบ้าง แต่เมื่อถึงจังหวะเฉลย เรา คนดูที่ตามมาอย่างใจจดใจจ่อ จะได้รับความฟินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอน เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เกิดเหตุเด็กชายหายตัวไปอย่างลึกลับบริเวณถ้ำกลางป่า ซ้ำรอยกับเหตุเด็กหายเมื่อ 33 ปีก่อน กลุ่มตัวเอกเป็นเด็กวัยรุ่นที่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการหายตัว และเมืองที่เก็บซ่อนเรื่องราวลึกลับเอาไว้ ซึ่งจะค่อย ๆ ขยายออกมาเรื่อย ๆปัจจุบันมี 2 ซีซั่น4.Mindhunterชื่อผู้กำกับ David Fincher ผู้สร้างตำนานหนังสายดาร์ก อย่าง Se7en ดูเหมือนจะเป็นเครื่องการันตีอย่างดีสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ ด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องอันเหนือชั้น สามารถกดดัน เขย่าขวัญคนดูได้ตลอดเวลา จับคนดูให้ติดตามเรื่องราวการสืบสวนของ 2 เอฟบีไอ และ 1 อาจารย์มหาวิทยาลัย ในการริเริ่มโครงการสัมภาษณ์เก็บข้อมูล จำแนกประเภท และพัฒนาเทคนิคการสืบสวนสอบสวนบรรดาฆาตกรโหดชื่อดังในช่วงทศวรรษ 1970 ยุคก่อนที่โลกจะเกิดการบัญญัติศัพท์คำว่า "Serial Killer"การดำเนินเรื่องจะสลับไปมาระหว่างการสืบคดีฆาตกรรมโหดกับการสัมภาษณ์เหล่าฆาตกรในเรือนจำ ซึ่งหลายคนมีตัวตนจริง ก่อคดีจริง และอีกหลายคนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฆาตกรตัวจริง เช่น ชาร์ลส์ แมนสัน, เอ็ด เคมเปอร์, Son of Sam Killer และฆาตกร ABCปัจจุบันมี 2 ซีซั่น 5.Love, Death & Robotซีรีส์แอนิเมชั่น จบในตอน ที่มาพร้อมความหลากหลาย ทั้งลายเส้น เทคนิค และแนวทาง ทั้งหมด 13 เรื่อง เนื้อเรื่องแยกออกจากกันเรื่องใครเรื่องมัน จะเลือกดูเรื่องไหนก่อน หรือเลือกดูเฉพาะลายเส้นที่ชอบก็ได้ไม่มีปัญหาแม้จะมีเนื้อเรื่องแยกจากกัน แต่ทั้งหมดก็ถูกร้อยเรียงด้วยธีมหลักอันเป็น Sci-Fi แต่ละตอนความยาวไม่มาก (ไม่ถึง 20 นาที) ให้ความรู้สึกเหมือนได้อ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์จากมือนักเขียนหลาย ๆ คนเมื่อเป็นแอนิเมชั่น เรื่องที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคืองานภาพ งานภาพในซีรีส์มาจากทีมสร้างหลาย ๆ ทีม ดังนั้นแต่ละเรื่องจึงมีงานภาพแตกต่างกันตามสไตล์ มีทั้งสวยงามละเอียดสมจริง หรือเป็นการ์ตูนจ๋า หรือเป็นกราฟฟิกล้ำ ๆ เท่ห์ ๆ หรือบางตอนก็เอาคนจริงมาแสดงผสมกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิกก็มี ปัจจุบันมี 1 ซีซั่นความจริงยังมีซีรีส์อีกหลายเรื่องใน Netflix ที่ถูกมองข้าม แต่คุณภาพดีไม่ควรพลาด ลองเปิดใจดู แล้วคุณจะพบอะไรใหม่ ๆ อีกมากมาย. ขอบคุณภาพปกจาก Pexels.comขอบคุณภาพที่1 จาก netflix.com / ภาพที่2 จาก netflix.com / ภาพที่3 จาก netflix.com / ภาพที่4 จาก netflix.com / ภาพที่5 จาก netflix.com