กระเจี๊ยบเป็นสมุนไพรที่คนไทยมักจะเห็นในรูปแบบของ”น้ำกระเจี๊ยบ” ซึ่งถ้ายิ่งตอนที่อากาศร้อน ๆ และได้ดื่มตอนมันเย็น ๆ แล้ว จะรู้สดชื่น และมีแรงขึ้นมาเลย แซนดี้เองก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบดื่มมันมาก ๆ เหมือนกัน ส่วนหนึ่งเพราะรสชาติของมันเปรี้ยว ๆ บวกกับน้ำตาลหวาน ๆ ที่ทำให้นุ่มชุ่มคอแบบกลมกล่อม เอาเป็นว่า แปลว่าอร่อยล่ะกัน (ฮา) แถมยังบำรุงสุขภาพอีกด้วย กระเจี๊ยบนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ กระเจี๊ยบแดง และกระเจี๊ยบเขียว ซึ่งกระเจี๊ยบในทีนี้ที่แซนดี้กล่าวก็คือ กระเจี๊ยบแดงต้นกำเนิดของเจ้ากระเจี๊ยบแดงมาจาก แอฟริกา เติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศร้อนถึงกึ่งเขตร้อน ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Hibiscus sabdariffa ได้แพร่หลายไปแถบอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ล่ะภูมิภาคก็จะมีวิธีรับประทานแตกต่างกันไป เช่น ประเทศอิหร่าน จะทำเป็นชาเปรี้ยว (Sour Tea) หรือ เรียกว่าชาแดง (Red Tea) เป็นชาที่ทำแบบดื่มตอนร้อน ๆ ดื่มเพื่อสุขภาพ ประเทศอังกฤษนิยมรับประทานใบของมันโดยเรียกมันว่า เรดซอเรล (Red Sorrel) รับประทานแบบสด ๆ แบบสลัด ไว้จัดจานสวยงาม ชาวอินเดียก็จะนำกระเจี๊ยบไปเป็นเครื่องเทศ หรือแกงต่าง ๆ บางประเทศนำมันมาหมักเป็นไวน์ ส่วนประเทศไทยเราก็จะดื่มกับแบบเย็น ๆ เพื่อดับร้อน ดับกระหาย หรือทำเป็นขนมก็มีให้เห็นแล้วด้วยบทความนี้แซนดี้จะกล่าวถึง 5 ประโยชน์หลัก ๆ จากกระเจี๊ยบแดงในตัวกระเจี๊ยบนั้นประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย ได้แก่คาร์โบไฮเดรตแคลเซียมแมกนีเซียมธาตุเหล็กวิตามินซีโพแทสเซียมฟอสฟอรัสวิตามิน B2วิตามิน Aประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง ใช้รักษาโรคความดันเลือดสูงมีการวิจัย และได้พิสูจน์แล้วว่า หากดื่มชาที่ทำจากกระเจี๊ยบไปประมาณ 2-6 อาทิตย์ จะช่วยให้ความดันของเลือดลดลงได้ แถมยังได้ผลกว่าการรับประทานยาทั่วไปอีกด้วย (แต่เรื่องนี้ต้องประกอบการแนะนำจากแพทย์ด้วยนะ)บำรุงเหงื่อ และฟันเนื่องจากในตัวกระเจี๊ยบมีทั้ง แคลเซียม และวิตามินซีค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยให้เหงื่อ และฟังแข็งแรงยิ่งขึ้น ทำให้เหงื่อกระชับขึ้น ลดการเลือดออกตามไรฟันได้อย่างดี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เด็ก ๆ ควรทานบำรุงครรภ์เนื่องจากผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องรับประทานธาตุเหล็กมากกว่าคนปกติ เจ้ากระเจี๊ยบจึงมีประโยชน์ต่อหญิงที่ตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องไขมันจากอาหาร แถมยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ วิตามินอื่น ๆ เสริมด้วยป้องกันโรคเนื่องจากในตัวกระเจี๊ยบมีวิตามินซีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรา ช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากความหนาวเย็น เช่น อาการไข้หวัดต่าง ๆ ได้ แถมยังช่วยด้านผิวพันธุ์อีกป้องกันโรคท้องผูกในตัวกระเจี๊ยบมีแมกนีเซียมที่สามารถละลายน้ำค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยแก้อาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีช่วยด้านกล้ามเนื้ออ่อนแรงกระเจี๊ยบประกอบด้วยฟอสฟอรัสซึ่งมีส่วนช่วยลดอาการพวก กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหน็บชา อ่อนเพลีย เป็นต้น ร่วมทั้งเรื่องสมรรถภาพทางเพศก็สามารถช่วยด้วยการเสริมฟอสฟอรัสได้นอกจากที่กล่าวมานี้กระเจี๊ยบนั้นยังมีประโยชน์อีกมากที่ยังไม่กล่าว อย่างเช่น ช่วยลดอาการหนาวสั่น ดับกระหาย และอื่น ๆ ในบทความนี้แซนดี้ยกมา 5 ประโยชน์หลัก ๆ ด้วยกัน กระเจี๊ยบนี้คนทั่วไปจนถึงคนที่โรคความดันสูงทานได้ตามปกติ แต่ก็มีคนบางจำพวก เช่น คนที่มีโรคความดันต่ำ และคนที่กำลังจะเข้าผ่าตัด ไม่ควรรับประทาน เพราะเนื่องจากกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติในการสร้างเม็ดเลือดแดงในเลือด และช่วยลดความดันเลือด อาจจะทำให้ความดันของเลือดต่ำเกินไป และทำให้การผ่าตัดยากยิ่งขึ้น ฉะนั้นคนที่กำลังจะผ่าตัด แนะนำให้เลิกรับประทานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนเข้าผ่าตัด ถึงจะดีและถึงแม้ว่ากระเจี๊ยบถึงจะดียังไง แซนดี้ก็แนะนำให้ทานอาหารอย่างอื่นให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงกันนะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยขอบคุณภาพประกอบจาก Pexel และ Flickrภาพหน้าปก / ภาพประกอบที่1 / ภาพประกอบที่2 / ภาพประกอบที่3