จากกระแสข่าวคลิปที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวบนเรือสำราญที่จู่ ๆ ผมก็เกิดชี้ตั้ง แล้วเพื่อน ๆ พากันหัวเราะและถ่ายคลิปกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นมีผู้รู้หลายท่านออกมาเตือนว่านั่นคือสัญญาณอันตรายเสี่ยงที่จะโดนฟ้าผ่าเอาได้ สิ่งที่ควรทำคือให้รีบหลบเข้าร่ม อย่าอยู่กลางแจ้ง เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นกำลังอยู่ในบริเวณที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการถูก "ฟ้าผ่า""ฟ้าผ่า" ภัยที่มักมาพร้อมกับพายุฤดูร้อน หรือช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง แม้ว่ายังไม่เคยเห็นเหตุการณ์ฟ้าผ่าคนในระยะประชิดด้วยตาตนเองสักครั้ง แต่บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เกิดไม่ไกลตัวเท่าไหร่นัก เหตุการณ์แรกเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับบ้านคุณยาย เหตุเกิดช่วงที่เพื่อนบ้านคนนี้อยู่บริเวณสวนช่วงที่ถูกฟ้าผ่าฝนยังไม่ตก เพิ่งเริ่มมีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และเขาอยู่ในที่โล่ง ได้ข่าวแค่เขาตายก่อนถูกนำส่งไปโรงพยาบาลอีกเหตุการณ์ที่แม้จะเกิดขึ้นนานแล้วแต่ใกล้ตัวหน่อย เหตุเกิดในงานทำบุญบ้านของญาติคนหนึ่ง ขณะนั้นผู้เขียนอยู่หลังบ้านมองเห็นจากหางตาว่าเห็นคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้กับเสาเต็นท์บริเวณหน้าบ้านที่จัดไว้เป็นที่รับแขก จู่ ๆ ร่างของเขาก็กระเด็นเหมือนถูกดีดออกจากเสาและล้มฟาดลงกับพื้น หลังจากนั้นก็มีคนมุงจนมองไม่เห็นอะไร ได้ยินแต่เสียงร้องโวยวายด้วยความตกใจ หลายคนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งได้ข่าวว่าเขาถูกนำส่งไปโรงพยาบาล แต่โชคร้ายที่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล เหตุการณ์ที่สองนี้ตอนเกิดเหตุฝนหยุดตกสักพักแล้ว "ฟ้าผ่า" จึงเป็นภัยธรรมชาติที่เราไม่ควรมองข้าม และควรรู้ว่าสถานที่ไหนที่เสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าได้ง่าย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสถานที่นั้นเพื่อความปลอดภัยของเราเอง 5 พื้นที่เสี่ยง "ฟ้าผ่า" ที่ควรหลีกเลี่ยง1. กลางแจ้ง พื้นที่ที่ปลอดภัยจากการถูก "ฟ้าผ่า" ที่ดีที่สุด คือ อยู่ในที่ร่ม ไม่อยู่กลางแจ้ง เพราะฉะนั้นให้รีบหลบเข้าในบ้านหรืออาคารให้เร็วที่สุดถ้าทำได้ 2. ที่สูง ส่วนใหญ่แล้วฟ้ามักจะผ่าลงวัตถุที่สูงกว่า ดังนั้น เราจึงควรเลี่ยงบริเวณที่สูงขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง เช่น ไม่อยู่บนดาดฟ้า ไม่อยู่ใกล้ต้นไม้ ไม่อยู่บนยอดเนิน ยอดเขาถ้าหาที่หลบไม่ได้ให้ทำตัวให้ต่ำที่สุด โดยการย่อตัวนั่งยอง ๆ เท้าชิด เขย่งปลายเท้าหากทำได้ เพื่อพยายามลดพื้นที่สัมผัสพื้นดินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากเวลาที่เกิดฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าจะวิ่งไปตามพื้นดิน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ ห้ามนอนราบกับพื้นดินเป็นอันขาด 3. สระน้ำ แม่น้ำ ทะเล บริเวณที่มีน้ำ แม้ว่าน้ำจะไม่ได้เป็นตัวล่อฟ้า แต่น้ำก็เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าได้ดี นอกจากนั้นบริเวณสระน้ำ แม่น้ำ ทะเล ยังมีความชื้นสูงซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนองและเป็นตัวนำให้เกิด "ฟ้าผ่า" อีกด้วยเมื่อมองเห็นฟ้าแลบ ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ควรอยู่ให้ห่างจากสระน้ำ ทะเล หรือแหล่งน้ำอื่น ๆ โดยเร็วที่สุด 4. เต็นท์ สำหรับใครที่ชอบท่องเที่ยวแนวแคมป์ปิ้ง เวลาที่เกิดฝนฟ้าคะนองหลายคนอาจรีบเข้าไปรวมตัวกันอยู่ในเต็นท์เพื่อหลบฝน แต่รู้หรือไม่ว่าเต็นท์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย หากบริเวณที่กางเต็นท์อยู่ในที่โล่งแจ้ง ตัวเรายังเปียกก่อนเข้าไปหลบในเต็นท์ และเต็นท์ก็ยังมีส่วนที่เป็นโลหะซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าที่อยู่สูงกว่าเรา เรียกว่าเป็นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูก "ฟ้าผ่า" อีกที่หนึ่งทางที่ดีควรหลบเข้าในที่พัก บ้าน อาคาร ถ้าเป็นไปได้ หรือหลบอยู่ในรถยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และเมื่ออยู่ในรถแล้วต้องปิดกระจกให้สนิทและไม่สัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ 5. แม้แต่ในบ้าน ก็ยังมีข้อควรระวัง เมื่ออยู่ในบ้านหรือในอาคารขณะที่กำลังมีฝนฟ้าคะนอง ควรงดการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งทีวี อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ รวมทั้งโทรศัพท์แบบมีสาย เพราะถ้า "ฟ้าผ่า" ลงมาที่อุปกรณ์ภายนอกอาคาร อาจได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้าที่วิ่งมาตามสายไฟฟ้าหรือสายโทรศัพท์ได้นอกจากนั้น ยังไม่ควรอาบน้ำ หรือล้างจาน เพราะหากเกิด "ฟ้าผ่า" ลงมาที่ตัวบ้าน กระแสไฟฟ้าจะไหลไปตามช่องทางนำไฟฟ้าอย่างโลหะและน้ำในท่อได้หลังจากพายุฝนฟ้าคะนองหยุดลงแล้ว ควรรออย่างน้อย 30 นาที ให้แน่ใจว่าเมฆฝนฟ้าคะนองได้ผ่านหรือสลายตัวไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยง "ฟ้าผ่า" ที่มักเกิดในช่วงท้ายของพายุฝนฟ้าคะนอง หลังจากนั้นเราค่อยออกจากที่หลบฝน และกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ ผู้เขียน: Gingerbreadขอบคุณภาพจาก:ภาพปก โดย neja5 และออกแบบโดยผู้เขียนใน Canvaภาพที่ 1 โดย jplenioภาพที่ 2 โดย eyeonicimagesภาพที่ 3 โดย Jonathan Sautterภาพที่ 4 โดย Greg Biererภาพที่ 5 โดย chulmin1700ภาพที่ 6 โดย Abdul Momin เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !