อาการ"อกหักรักชำรุด"ส่งผลต่อสุขภาพทางจิตและทางร่างกาย ไม่ต่างจากโรคอื่น ๆ เลยนะคะ จากผลสำรวจพบว่าความเจ็บปวดจากความรักทำให้อยู่ในสภาวะซึมเศร้าและตามมาด้วยโรคซึมเศร้าในที่สุด อาการอกหักไม่ได้หายกันง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเราจะทำไม่ได้ จากผลสำรวจอาการปวดตึ้บที่ใจจะดีขึ้นในช่วงระยะเวลา 3 - 6 เดือน จนถึง 2 ปีในบางราย กว่าจะฟื้นใจให้แข็งแรงแต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป วันนี้เราได้รวบรวม "5 วิธีMove on รักษาใจจากอาการอกหัก" ที่ใช้ได้จริงของผู้ที่เคยมีประสบการณ์อกหักและก้าวผ่านมาได้มาดูกันว่าพวกเค้าเหล่านั้นใช้วิธีไหนกันบ้างค่ะ 1.เลิกติดตามข่าวสารของแฟนเก่า หากใจยังคงจดจ่ออยู่กับการตามส่องโซเชี่ยลของแฟนเก่า แน่นอนว่าเราคงเหมือน move on เป็นวงกลม ยิ่งเห็นแฟนเก่ามีชีวิตที่ดีแล้วกับแฟนใหม่ ใจเราก็ยิ่งพังและหาเหตุผลไม่สิ้นสุดว่าทำไมเราถึงโดนทิ้ง 2.หากิจกรรมลดความฟุ้งซ่าน ยิ่งว่างยิ่งฟุ้งซ่าน ลองคิดในแง่ดีนะคะช่วงที่เราโสดเนี่ยล่ะคือ prime time เวลาทองที่จะมีเวลาไปพัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเองให้เต็มที่ บางคนอาจไปออกกำลังกายจนหุ่นเฟิร์ม เป็นการเพิ่ม self-esteem หรือการเห็นคุณค่าในตัวเอง เพราะคนอักหักส่วนมากมักจะรู้สึกสูญเสียคุณค่าในตัวเองไป ทั้งที่จริงแล้ว คุณค่าไม่เคยหายไปจากตัวเราเลยล่ะค่ะ 3.มีตติ้งกับเพื่อนเก่าหรือคนใหม่ ๆ ช่วงที่เรามีแฟนอาจเป็นช่วงที่ห่างหายออกจากกลุ่มเพื่อนโดยเฉพาะในสาว ๆ มักจะเกาะติดแฟน หรือหนุ่ม ๆ ที่โดนแฟนกักตัวจนไม่มีสังคม ช่วงเวลานี้ก็ลองนัดเพื่อนเก่า ๆ ออกไปปาร์ตี้คลายเครียดหลังเลิกงานหรือนัดทานข้าววันหยุดกับเพื่อนใหม่ ๆ ดูนะคะ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไปนัก 4.Backpack ตะลุยเที่ยวขึ้นเหนือล่องใต้ หนีร้อนไปพักใจที่ทะเลหรือจะเซไปภูเขาสูดโอโซนบริสุทธิ์ พักความวุ่นวายในหัวลงบ้างก็ดีไม่น้อยนะคะ การไปเที่ยวในที่ ๆไม่เคยไปก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ เปิดมุมมองใหม่ในชีวิต ระหว่างทางอาจเจอมิตรภาพดี ๆ ก็ได้ แถมการไปเที่ยวคนเดียวจะทำให้เรารู้สึกภูมิใจว่าเราไปเองได้ไม่ต้องรอใครไปด้วยเหมือนก่อน การออกเที่ยวคนเดียวจะทำให้เราระวังตัวเอง เป็นการฝึกการอยู่ด้วยตัวเองได้ดีเลยค่ะ 5.อนุญาตให้ตัวเองเสียใจได้ ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลา ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องให้สุด ให้เวลาตัวเองได้เสียใจค่ะ เมื่อเราเสียใจจนสุดแล้วก็ไปต่อ move on นะคะ ชีวิตยังมีอะไรอีกมากให้เราได้ไปเจอ ยังมีคนที่รักและเป็นห่วงเราอีกมากมาย ทั้งครอบครัว เพื่อน และอย่าลืมเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เริ่มต้นใหม่ในวันที่พร้อม การรักษาเยียวยาจิตใจต้องใช้เวลา ไม่สามารถเร่งให้ดีวันดีคืนได้อย่างรวดเร็วนะคะ ใครที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ก็ขอให้มีสติรักตัวเองให้มาก คิดถึงข้อดีของตัวเอง ถ้ารู้สึกอยู่ในภาวะซึมเศร้านานเกินไปจนส่งผลต่อร่างกาย ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อหาทางรักษาและบำบัดใจให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งนะคะ ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Pixbay Freepix