..." สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา แต่บางครั้งอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่เราพูดคุยกันอาจมีส่วนรบกวนในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจกันผิดพลาดได้ ดังนั้นการควบคุมอารมณ์ขณะพูดคุยจึงเป็นทักษะที่สำคัญที่ต้องฝึกฝนและพัฒนากันต่อไปค่ะ เพื่อให้การสื่อสารของเราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน "... ..." วันนี้ผู้เขียนมีวิธีและเทคนิคดีๆในแบบของผู้เขียนมาแบ่งปัน เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้นำไปปรับใช้กันนะคะ เราไปดูกันเลยค่ะ "...1. รู้จักตนเอง ..." ให้เราทราบถึงอารมณ์ของตนเองและสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์เหล่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถรับรู้และควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น โดยให้เราตระหนักถึงอารมณ์ของเราเพื่อรับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในตนเอง และพยายามระบุว่าเรารู้สึกอย่างไร เหตุใดที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น ....ดังนั้นการฝึกรู้จักตนเองจะช่วยให้เราเข้าใจตนเองและเข้าใจอารมณ์ของตนเองมากยิ่งขึ้น และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ในขณะที่พูดคุยกันนะคะ ลองไปฝึกวิธีนี้กันดูน๊า "....2. หาสาเหตุ ..." ให้เราพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรืออารมณ์ที่ไม่พอใจ ว่ามาจากสิ่งใด เช่น มาจากความเครียด, มาจากความกังวล, หรือมาจากความรู้สึกที่ไม่สบายใจ เป็นต้น ให้เราพยายามหาสาเหตุหรือเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น การรู้สาเหตุสามารถช่วยให้เรามีความเข้าใจและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นนะคะ "...3. ใช้เทคนิคการหายใจ ..." เมื่อมีการพูดคุยกันแล้วอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นได้ ดังนั้นควรฝึกฝนเทคนิคการหายใจอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเครียดและช่วยควบคุมอารมณ์ของเราได้มากขึ้นนะคะต่อไปนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่าง เช่นการหายใจลึกๆ: ให้เราหายใจเข้าผ่านจมูกลึกๆ โดยให้ลมเข้าไปในท้องจนเต็ม จากนั้นปล่อยลมออกช้าๆผ่านปากหรือจมูก ให้เราทำแบบนี้ซ้ำๆตามความเหมาะสมนะคะการหายใจช้าๆ: ให้เรานับเวลาเมื่อหายใจเข้าและออก ให้หายใจเข้าและออกโดยช้าๆ พยายามควบคุมการหายใจให้คงที่และมีระยะเวลาเท่าๆกันการฝึกฝน: ให้เราทำการฝึกการหายใจลึกๆและช้าๆเป็นประจำ โดยเริ่มต้นจากการทำเป็นวันละไม่กี่นาทีแล้วเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆตามความสะดวกนะคะการใช้ใจควบคุม: ระหว่างการหายใจลึกๆและช้าๆ ให้เราตั้งใจสังเกตที่ใจของเราว่าให้ใจของเรามีสมาธิและสงบนิ่ง ให้พยายามที่จะทิ้งความคิดต่างๆออกจากใจให้หมด เพื่อให้ใจเราผ่อนคลายและไม่เครียดนะคะ ..." ดังนั้นการฝึกฝนเทคนิคการหายใจเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเครียดและช่วยควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างมากขึ้นในการพูดคุยกันในชีวิตประจำวันของเรานะคะ "...4. การใช้คำตอบที่เป็นบวก ..." การใช้คำตอบที่เป็นบวก คือ การตอบกลับด้วยคำพูดหรือพฤติกรรมที่เชื่อมโยงกับความเข้าใจและสนับสนุนความรู้สึกของผู้อื่น เช่น เมื่อใครบางคนพูดถึงความสำเร็จของตนเอง คำตอบที่เป็นบวกอาจจะเป็นการชมเชยหรือสนับสนุนเขา เพื่อแสดงความเข้าใจต่อความรู้สึกของผู้อื่น ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการพูดคุยกันค่ะต่อไปนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างการใช้คำตอบที่เป็นบวกมาให้ดูนะคะ เช่น การพูดว่า "เข้าใจเลย" เมื่อคนอื่นให้ข้อมูลหรือบอกเรื่องราวส่วนตัวให้เราทราบ ก็อาจใช้คำพูดว่า "เข้าใจเลยว่าคุณรู้สึกอย่างไร" การใช้คำพูดเช่นนี้สามารถช่วยให้ผู้อื่นรู้ว่าเราสนใจและเข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึง ซึ่งอาจช่วยลดความตึงเครียดและเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างบุคคลได้ดีขึ้นการพูดว่า "คุณทำงานได้ดีมาก!" หรือ "ฉันชอบวิธีคิดของคุณ เป็นความคิดที่ดี!" การใช้คำพูดเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ดีทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานนะคะการพูดว่า "ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกเสียใจเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น แต่อย่างไรก็ตาม มีคนรอบข้างที่พร้อมที่จะช่วยเสมอ"การพูดว่า "ฉันเข้าใจว่าการเปลี่ยนงานอาจทำให้คุณรู้สึกไม่แน่ใจ แต่ก็เป็นโอกาสใหม่ที่คุณสามารถเริ่มต้นสิ่งใหม่ได้"การพูดว่า "ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกเครียดกับการทำงานในระหว่างวันนี้ อย่างไรก็ตาม รู้ว่าคุณทำได้ดีและสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้" ..." และนี่ก็เป็นตัวอย่างคำพูดที่ผู้เขียนยกขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้นำไปปรับใช้ดูนะคะ ดังนั้นการใช้คำตอบแบบนี้จะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามีคนสนใจและสนับสนุนเราอยู่ข้างๆ ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียดและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเขาได้บ้าง ทำให้เราได้มิตรภาพที่ดีต่อกันนะคะ "...5. ให้เวลาให้กับตัวเอง ..." ทุกคนมีขีดจำกัดของอารมณ์ที่แตกต่างกันและไม่เท่ากันนะคะ ซึ่งอาจจะมีผลมาจากประสบการณ์หรือปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง เพราะฉะนั้นหากเรามีอารมณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในระหว่างการพูดคุยก็ให้เราออกจากสถานการณ์เหล่านั้นก่อนเพื่อหาที่สงบและนั่งพักสักครู่ หากเป็นไปได้หาสถานที่ที่มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เช่น ห้องน้ำหรือพื้นที่ที่ไม่มีคนเยอะ โดยให้บอกกับคู่สนทนาของเราว่า "ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ/ครับ" ..." หลังจากนั้นให้เราทำการหายใจลึกๆ ลองปิดตาและพยายามทำสมาธิ โดยโฟกัสไปที่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เช่น การตั้งคำถามในใจว่า "อารมณ์นี้มาจากที่ไหน" หรือ "ทำไมเรารู้สึกแบบนี้" พยายามใช้สติและมองหาอารมณ์ด้วยมุมมองที่เป็นบวก เมื่อรู้สึกพอสมควรแล้ว เราสามารถพูดต่อได้โดยไม่ให้มีความรู้สึกว่าอารมณ์เหล่านั้นมีอิทธิพลต่อการพูดของเรามากเกินไปนะคะ ..." เพราะฉะนั้นการให้เวลากับตัวเองในขณะที่พูดคุยกัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรในขณะนั้นก็ได้ แค่ให้เวลาให้ตัวเองได้พักใจและผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ควรให้เวลาอย่างเหมาะสมไม่นานจนเกินไปนะคะ ซึ่งจะทำให้คู่สนทนาของเรารอนานจนทำให้เกิดความไม่พอใจได้ และอาจจะยิ่งทำให้บรรยากาศตึงเครียดไปกันใหญ่นะคะ เมื่อเรารู้สึกมีสมาธิแล้วเราก็จะพร้อมที่จะพูดต่อได้เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีในการพูดคุยต่อไปค่ะ "... ..." การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องทำทุกวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเพื่อน, การสนทนาในที่ทำงาน, หรือการสื่อสารในครอบครัว อย่างไรก็ตามการสื่อสารไม่ใช่เพียงแค่การส่งผ่านข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการเชื่อมโยงระหว่างคนโดยตรงนะคะ การควบคุมอารมณ์ขณะพูดคุยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมได้อีกด้วย ....อย่างไรก็ตามการควบคุมอารมณ์ไม่ได้หมายความว่าเราต้องปิดกั้นหรือซ่อนอารมณ์ของเรา แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะแสดงอารมณ์ของเราอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ที่เหมาะสมและที่ดีที่สุดนะคะ.... ..." เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับบทความในวันนี้ ผู้เขียนหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยน๊า พบกันใหม่ในบทความหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ "... เครดิตรูปภาพ1. รูปภาพปกโดย Masukaza (เจ้าของบทความ)2. รูปภาพปกออกแบบโดย Canva 3. ขอบคุณรูปภาพปกโดย Brooke Cagle | unsplash4. รูปภาพประกอบทั้งหมดโดย unsplash.comขอบคุณรูปภาพประกอบที่ 1 Magnet.me | unsplashขอบคุณรูปภาพประกอบที่ 2 Magnet.me | unsplashขอบคุณรูปภาพประกอบที่ 3 Fa Barboza | unsplashขอบคุณรูปภาพประกอบที่ 4 Jud Mackrill | unsplashขอบคุณรูปภาพประกอบที่ 5 Antenna | unsplash เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !