ไลฟ์แฮ็ก

5 สิ่งควรรู้ ใช้รถยนต์ให้คุ้มค่า และปลอดภัย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
5 สิ่งควรรู้ ใช้รถยนต์ให้คุ้มค่า และปลอดภัย

ในชีวิตประจำวันของคนเรา คงหนีไม่พ้น การเดินทางไปไหน มาไหน เพื่อการทำกิจกรรม หรือทำงาน สมัยก่อน เมื่อครั้งยังไม่มีพาหนะ ก็ต้องใช้วิธีเดิน จากนั้นวิวัฒนาการก็ขยับไปเป็น รถเข็น รถลาก รถปั่น รถราง และรถยนต์ จนถึงปัจจุบัน

แต่ไหนแต่ไร เราจะคุ้นเคยกับ คำว่า ปัจจัย 4 สิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต นั่นคือ อาหาร , เครื่องนุ่งห่ม , ที่อยู่อาศัย และ ยารักษาโรค แต่มาตอนนี้ คงต้องเพิ่มอีก 1 ปัจจัย ก็คือ รถ เข้าไปด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกอันนี้ ที่เหลือคงต้องอาศัย รถโดยสาร ในการสัญจร ตามความต้องการใช้รถคุ้มค่า 2

คราวนี้ เมื่อมี รถยนต์ส่วนตัว แล้ว จะมีวิธีการใช้งาน อย่างไร เพื่อให้ มีความรู้สึกว่า คุ้มค่า และคุ้มราคา กับการที่ซื้อมา เพื่อใช้ขับขี่ไปที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และปลอดภัย ในระหว่างการเดินทาง ลองมาดูความคิดเห็น กับข้อแนะนำที่น่าสนใจ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากัน นะครับ ดังนี้

Advertisement

Advertisement

1)  เลือกซื้อชนิดของรถยนต์ ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์การใช้งาน

เช่น ถ้าต้องมีจำนวนคนนั่งในรถ อยู่ระหว่าง 1-4 คน ในเวลาเดียวกัน โดยไม่มีสัมภาระมากมายในแต่ละคน ก็ควรใช้รถยนต์ประเภท 4 ที่นั่ง หรือ ถ้ามีจำนวนคนนั่งมากถึง 7 คน ก็จัดรถยนต์อเนกประสงค์ จะเหมาะสมกว่า

2)  ทำการบำรุงรักษารถยนต์ และเข้าศูนย์บริการตามวาระ ที่ผู้ขายกำหนด

โดยทั่วไป เมื่อใช้งาน รถยนต์ ไปได้สักระยะ จะต้องนำรถยนต์ ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตรวจสภาพเครื่องยนต์ ตรวจสอบสภาพรถทั้งภายใน และภายนอก โดยได้กำหนดเป็นระยะทางของการใช้งานแบบ กิโลเมตร จะแบ่งเป็น 1,000 ก.ม. , 5,000 ก.ม., 10,000 ก.ม. , 50,000 ก.ม. และ  100,000 ก.ม. เป็นต้น แล้วแต่ประเภทของรถยนต์และบริษัทผู้จำหน่ายใช้รถคุ้มค่าจริง

3)  เติมชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิง ให้ถูกต้องกับรถยนต์ประเภทนั้น

Advertisement

Advertisement

ปกติแล้ว หลังจากนำรถ เข้าจอด ที่ปั๊มน้ำมัน เมื่อจะเติมน้ำมัน ก็ต้องเปิดฝาถังน้ำมัน ที่อยู่ ด้านข้างส่วนท้ายของตัวรถ จะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ก็แล้วแต่ยี่ห้อรถ โดยตรงบริเวณผนังด้านใน ซึ่งเป็นที่ครอบฝาถังน้ำมัน จะมีฉลากหรือติดสติกเกอร์บอกชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สามารถใช้ได้กับรถยนต์รุ่นนั้น เช่น  91 , 95 , E20 , E85 , B10 , B20  เป็นต้น

4)  ขับขี่ทุกท่วงท่า ให้ปลอดภัย ไร้กังวล เป็นไปตามกฎจราจร

ก่อนอื่น เราต้องรู้ว่า จุดหมายปลายทางในการเดินทาง อยู่ที่ไหน พร้อมกับประเมิน สภาพถนน และความหนาแน่นของปริมาณรถบนเส้นทางที่กำลังจะไป ว่าเป็นอย่างไร แล้วจึงมั่นใจว่าการขับขี่ครั้งนี้ เป็นไปด้วยดี มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ เมื่อถึงทางแยก ที่มีเสาไฟจราจร จะต้องมีสติในการควบคุมการขับขี่ อยู่ตลอดเวลา เช่น จังหวะที่เปลี่ยนสัญญาณไฟ จาก สีเหลือง เป็น สีแดง นั่นคือ ลดความเร็วเพื่อเตรียมหยุด ก่อนถึงเส้นที่เขียนไว้บนผิวถนน แต่บางคน ไม่ได้ชะลอความเร็ว มิหนำซ้ำ ยังเร่งความเร็วของรถ พุ่งตรงไปข้างหน้า เพื่อให้ทันเวลาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่คือ สิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ โดยทุกวันนี้ บางทางแยก จะมีตัวช่วยขึ้นมา เป็นตัวเลขเวลานับถอยหลังแบบวินาที ติดไว้ที่เสาไฟจราจร ให้ผู้ขับขี่ได้รู้ล่วงหน้า เมื่อจะขับรถผ่านทางแยกใช้รถคุ้มค่า3

Advertisement

Advertisement

5)  กำหนดแผนการใช้งานของรถ เกี่ยวกับอายุการใช้งานและการทดแทน

ถ้าถามว่า รถยนต์คันหนึ่ง สามารถวิ่งใช้งาน บนท้องถนนได้นานเท่าไร กี่เดือน กี่ปี ตอบได้ว่า ไม่มีกฏเกณฑ์ที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและลักษณะการใช้รถของเจ้าของรถแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน จากผลสำรวจ คนไทยส่วนใหญ่ เปลี่ยนรถใหม่ทุก 5-7 ปี บางคนใช้รถนานเกือบ 20 ปี ในขณะที่คนอเมริกัน ผู้นำด้านรถยนต์ ใช้รถต่อคัน เฉลี่ยอยู่ที่ 11.8 ปี นอกจากนี้ บางคนที่เชื่อว่า รถยนต์เมื่อใช้งานในระยะทาง 100,000 กิโลเมตรแล้ว เครื่องยนต์จะเสื่อมสภาพนั้น แท้จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะระบบเครื่องยนต์ในยุคปัจจุบัน สามารถวิ่งได้ในไปจนถึง 300,000 กิโลเมตร แบบสบายๆ ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และการดูแลรักษา เป็นสำคัญ

ขอขอบคุณ ภาพปก โดย Denys Gromov จาก Pexels

ภาพประกอบ 1 โดย Malte Luk จาก Pexels

ภาพประกอบ 2 โดย Jeshoot.com จาก Pexels

ภาพประกอบ 3 โดย Andrea Piacquadio จาก Pexels

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์