หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า ผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneur กันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าอีกคำหนึ่งที่เราเคยได้ยินกันมาบ้างแต่ไม่เยอะนั้นก็คือคำว่า Solopreneur หรือผู้ประกอบการตัวคนเดียว มาบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้เรามีเคล็ดลับสำหรับคนที่ทำธุรกิจคนเดียวอย่างไรให้ประสบความสำเร็จมาฝากกันค่ะ เพราะตัวเราเองนั้นก็เป็นผู้ประกอบการที่ทำทุกอย่างคนเดียวเหมือนกัน วันนี้เลยจะขอนำเคล็ดลับส่วนตัวที่ใช้มาโดยตลอด ในช่วงที่เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ ภาพถ่ายโดย Humphrey Muleba จาก Pexels ข้อแตกต่างระหว่าง Solopreneur กับ EntrepreneurEntrepreneur นั้นคือผู้ประกอบการที่มีทีมงานคอยช่วยทำงานในส่วนต่าง ๆ เช่น เป็นเจ้าของบริษัท ที่มีพนักงานคอยทำงานในส่วนต่าง ๆ เช่น บัญชี การตลาด การขาย โดยที่เจ้าของบริษัทไม่ต้องลงมือทำเองทั้งหมดก็ได้ แบบนี้เรียกว่า Entrepreneur หรือผู้ประกอบการค่ะ ในขณะที่ Solopreneur นั้น แค่ชื่อก็บอกแล้วว่า เป็นผู้ประกอบการตัวคนเดียวที่ทำทุกอย่างทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ จะต่างตรงที่ว่าไม่มีพนักงานประจำมาคอยช่วยทำงาน แต่จะเน้นการจ้าง Outsource มาช่วยทำงานมากกว่า เช่น ขายของออนไลน์ หาสินค้าเอง โพสต์ขายเอง แพคขายเอง แบบนี้ก็เรียกว่า Solopreneur ได้เช่นเดียวกัน ข้อดีข้อเสียของการเป็น Solopreneurหากพูดถึงข้อดีก็ต้องบอกเลยว่าการเป็นผู้ประกอบการตัวคนเดียวนั้นมีความคล่องตัวสูงกว่ามาก และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอดเวลาเพราะเราเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเพียงคนเดียว ทำให้การลงมือทำอะไรต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีอิสระสูง ยิ่งถ้าผู้ประกอบการท่านไหนใช้ระบบเข้ามาช่วย และสามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลก แต่ยังมีรายได้เข้ามาอยู่ ก็จะยิ่งสะดวกสบายมากขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ ต้องฝึกความเป็นระเบียบวินัยกับตัวเองสูงมาก เพราะไม่มีใครมาคอยเป็นที่ปรึกษา ออกความคิดเห็นหรือผลักดันให้เราทำงาน ถ้าเราไม่ทำงานก็จะไม่มีรายได้เข้ามา ต่างจาก Entrepreneur ที่เราสามารถกระจายงานให้คนในทีมทำงานให้รันต่อไปได้ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการตัวคนเดียวต้องมีคือ ความขยัน มีระเบียบวินัย และรู้จักการเอาระบบมาใช้ในงานเพื่อผ่อนแรงในการทำงานทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ภาพถ่ายโดย Burst จาก Pexels เคล็ดลับการเป็น Solopreneur ที่ประสบความสำเร็จ ภาพถ่ายโดย Startup Stock Photos จาก Pexels 1. มีแผนในการทำงานที่แน่ชัดไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจประเภทไหน ส่งสำคัญที่คุณต้องมีคือ แผนการทำงานและเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้คุณสามารถดูความก้าวหน้าในการทำงานได้อย่างเป็นระบบ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็น Solopreneur แต่ทุกขั้นตอนในการทำงานรวมไปถึง Business Plan นั้น ก็เป็นสิ่งที่คุณควรจะมีเสมอ เช่น- แผนในการทำธุรกิจเพื่อให้เติบโตของคุณคืออะไร-ทำอย่างไรจึงจะมียอดขายที่ดีได้ แผนการตลาดคืออะไร- ทำอย่างไรถึงจะมีรายได้อย่างยั่งยืน-จะขยายผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจออกไปได้อย่างไร 2. มีวินัยในตัวเองให้สูงจากประสบการณ์ของเราเอง ต้องขอบอกเลยว่าการเป็นผู้ประกอบการที่ต้องทำทุกอย่างเพียงคนเดียวนั้นเหนื่อยมาก ๆ และต้องใช้ความอดทนและวินัยที่สูงมากเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การเขียนบทความ ซึ่งถือว่าเป็น 1 ในงานหลักของเราในการทำทุกวันเช่นกัน เราจึงต้องแบ่งเวลาให้เป็น และตรงต่อเวลาและหน้าที่ที่จะต้องทำในแต่ละวันไม่ให้ขาด และต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่น ๆ อีกมากมาย บางครั้งเราทำงาน 7 วัน/สัปดาห์เป็นเวลาหลายเดือนเลยก็มี นี้คือสิ่งที่จะทำให้การเป็น Solopreneur ประสบความสำเร็จได้ 3. ไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่ถนัดสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ คุณต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง หากรู้ว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร จงพัฒนาและทำให้ก่อเกิดเป็นรายได้ของคุณเอง เช่นเก่งกราฟิกก็ไปรับทำงานด้านกราฟิกหรือขายไฟล์ภาพกราฟิกลงในมาร์เก็ตเพลสก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ถนัดด้านการตลาด การขาย ก็ควรจ้าง Outsource ที่เก่ง ๆ มาช่วยทำงานตรงจุดนี้ หรือถ้าเพื่อน ๆ เพิ่งเริ่มต้นในการทำงานยังไม่มีทุนมาก ก็เอาสิ่งที่ถนัดไปทำให้เกิดรายได้พร้อมทั้งเพิ่มการเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดไปก่อน เมื่อมีเงินจึงค่อยจ้างคนมาช่วยก็ได้ค่ะ จะช่วยลดเวลาในการทำงานและทำให้คุณมีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างรายได้ให้มากขึ้นด้วย ภาพถ่ายโดย Breakingpic จาก Pexels 4. แบ่งเวลาให้เป็น จัดลำดับความสำคัญให้ได้การแบ่งเวลาและการจัดลำดับความสำคัญของงานในแต่ละวันนั้นมีความสำคัญมาก ๆ เพราะนอกจากงานจะเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว งานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือการรู้ว่าเป้าหมายสำคัญของคุณคืออะไร และจะทำอะไรในแต่ละวันเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น ๆ ข้อแนะนำคือ เขียนก่อนนอนในแต่ละวันว่าคุณจะทำอะไรบ้าง ช่วงเช้าคือช่วงเวลาสำคัญที่คุณจะต้องทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน เพราะเป็นช่วงที่สมองและร่างกายเราพร้อมทำงานสำคัญที่สุดอยู่แล้ว จากนั้นจึงค่อยลดหลั่นความสำคัญลงมา 5. ทำทุกอย่างให้เป็นระบบหากเป้าหมายของคุณคือการสร้างธุรกิจโดยที่คุณสามารถเดินทางไปทำงานที่ไหนก็ได้ ขอแสดงความยินดีเรามีเป้าหมายเดียวกันค่ะ การเขียนบทความนั้น สิ่งที่เราต้องการเรื่องแรกคือ อิสระภาพในด้านการหารายได้ที่ไม่จำกัดเรื่องสถานที่ เพราะเราเป็นคนชอบเที่ยว และธุรกิจของเรานั้น เราจะใช้ระบบเข้ามาช่วยในเรื่องการดูแลออเดอร์ จัดการสต็อกสินค้ารวมถึงการจ้างคนมาแพคของ ส่งสินค้าให้เราด้วย เพื่อที่ว่าเวลาที่เราไม่อยู่ รายได้เราจะได้ไม่หยุดไปด้วย ดังนั้นคุณควรสร้าง Model ทางธุรกิจที่ช่วยให้คุณไปไหนก็ได้ แต่รายได้ไม่หายไปเมื่อคุณไม่อยู่ เช่นเดียวกันค่ะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่ทำธุรกิจแบบ Solopreneur เหมือนเรานะคะ ขอให้ประความสำเร็จกันทุกท่าน สวัสดีค่ะภาพถ่ายโดย Loe Moshkovska จาก Pexels