5 เคล็ดลับใช้พจนานุกรมขั้น Advanced! พจนานุกรมหรือดิกชันนารีแทบจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยแทบทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก หรือแม้แต่ครูอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษ หรือวัยทำงานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารก็ตาม นอกจากการใช้พจนานุกรมเพื่อค้นหาคำศัพท์ ความหมาย และการสะกด ซึ่งเป็นเพียงการใช้พจนานุกรมในระดับพื้นฐานแล้วนั้น รู้หรือไม่ว่าเรายังสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเราได้หากรู้วิธีการใช้พจนานุกรมอย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ Night Owl จะยกตัวอย่างการใช้พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษของ Cambridge Dictionary ในเว็บไซต์ https://dictionary.cambridge.org/ เพื่อเป็นทริคแนวทางในการใช้พจนานุกรมในขั้น Advanced ให้กับนักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจครับ 1. ฟังการออกเสียงคำศัพท์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราค้นหาคำศัพท์ เราควรจะทราบว่าคำศัพท์คำนั้นออกเสียงอย่างไรด้วย ซึ่งในที่นี้เราสามารถฟังการออกเสียงคำศัพท์นั้น ๆ ได้โดยการคลิกรูปลำโพงที่อยู่ด้านล่างคำศัพท์ และสามารถเลือกฟังการออกเสียงได้ทั้งแบบบริติช (UK) และแบบอเมริกัน (US) สำหรับนักเรียนภาษาอังกฤษในระดับเริ่มต้น ขอแนะนำว่าให้เลือกฟังและฝึกออกเสียงตามเพียงแบบใดแบบหนึ่งก็เพียงพอ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการฟังและการออกเสียง นอกจากนี้ยังช่วยให้จำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นกว่าการอ่านคำศัพท์ในใจ ยกตัวอย่างคำว่า “cleansing” ที่มักจะอ่านผิดเป็น “คลีน-ซิง” แต่จริง ๆ แล้วคำนี้อ่านว่า “เคลน-ซิง” 2. รู้จักชนิดของคำ เมื่อเราออกเสียงคำศัพท์ได้ถูกต้องแล้ว เราควรจะรู้ด้วยว่าคำศัพท์คำนั้นเป็นคำชนิดใด เช่น คำนาม (Noun) คำกริยา (Verb) คำคุณศัพท์ (Adjective) คำวิเศษณ์ (Adverb) หรือคำบุพบท (Preposition) นอกจากนี้เราก็ควรจะรู้จักรายละเอียดของคำนั้น ๆ ด้วย เช่น หากคำศัพท์คำนั้นเป็นคำนาม เป็นคำนามนับได้ (Countable) หรือนับไม่ได้ (Uncountable) หรือหากคำศัพท์คำนั้นเป็นคำนามนับได้ เป็นคำนามเอกพจน์ (Singular) หรือพหูพจน์ (Plural) ยกตัวอย่างคำว่า “furniture” ซึ่งเป็นคำที่มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นคำนามนับได้เอกพจน์ แล้วเติม -s เมื่อเป็นพหูพจน์ แต่จริง ๆ คำนี้เป็นคำนามนับไม่ได้ โดยให้สังเกตได้ที่ตัวย่อ [U] ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Uncountable” หรือ “นับไม่ได้” ดังนั้น เราจะไม่ใช้คำว่า a furniture หรือ one furniture แต่เราจะใช้คำว่า some furniture หรือ a lot of furniture หรือ a piece of furniture เป็นต้น 3. ศึกษาตัวอย่างประโยค นอกจากรู้คำศัพท์และความหมายแล้วนั้น เราควรจะสังเกตด้วยว่าคำศัพท์คำนั้นใช้อย่างไรในประโยค โดยดูได้จากตัวอย่างประโยค คำศัพท์ในภาษาอังกฤษบางคำเป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา เมื่อใช้เป็นคำนามอาจจะมีวิธีใช้อย่างหนึ่ง และเมื่อใช้เป็นคำกริยาก็อาจจะมีวิธีใช้อีกอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างคำว่า “access” เมื่อใช้เป็นคำนาม แปลว่า “ทางเข้า” จะใช้กับคำบุพบท “to” เช่น - The main access to the building is at the side. แต่เมื่อใช้เป็นคำกริยา แปลว่า “เข้าถึง” จะเป็นสกรรมกริยา (Transitive Verb) หรือคำกริยาที่จะต้องตามด้วยกรรม แต่ไม่ใช้กับคำบุพบท “to” เช่น - Most people use their phones to access the Internet. 4. สังเกตคำปรากฏร่วม (Collocation) ในตัวอย่างประโยค ให้เราสังเกตด้วยว่าคำศัพท์คำนั้นมักจะใช้ร่วมกับคำว่าอะไร หรือมักจะปรากฏร่วมกับคำว่าอะไร เมื่อเรานำคำนั้นไปใช้ในประโยคก็จะทำให้ภาษาอังกฤษของเราฟังดูเป็นธรรมชาติเหมือนที่เจ้าของภาษาอังกฤษใช้กัน ยกตัวอย่างคำว่า “break” เมื่อใช้เป็นคำนาม แปลว่า “การหยุดพัก” มักจะปรากฎร่วมกับคำกริยา “take” เช่น - We’ll take another break at 3.30. - Do you usually take a morning break? 5. เรียนรู้ความหมายอื่น ๆ คำศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำมีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมาย เวลาเรียนรู้คำศัพท์และความหมาย เราควรจะสังเกตด้วยว่าคำศัพท์คำนั้นแปลว่าอะไรได้บ้าง และใช้ในบริบทใดบ้าง ยกตัวอย่างคำว่า “garage” ซึ่งอาจจะหมายถึง “โรงรถ” หรือ “อู่ซ่อมรถ” ก็ได้ เช่น - Did you put the car in the garage? - The car’s still at the garage getting fixed. จาก 5 เคล็ดลับใช้พจนานุกรมขั้น Advanced นี้ หากเรานำไปปรับใช้ในการใช้พจนานุกรม จะทำให้การใช้พจนานุกรมไม่ใช่แค่เพียงการค้นหาคำศัพท์และความหมายอีกต่อไป อีกทั้งจะช่วยให้เราได้ฝึกทักษะการฟัง การออกเสียง การเข้าใจความหมายคำศัพท์ การเข้าใจบริบทในการใช้คำศัพท์ และช่วยให้ใช้ภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น Night Owl รับรองได้ว่าทักษะภาษาอังกฤษของเราจะยกระดับมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ รูปปก free template จาก Canva รูปที่ 1-6 จากเว็บไซต์ Cambridge Dictionary เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !