สวัสดีค่ะ ทุกคนเคยสังเกตกันบ้างไหมว่านี่เพิ่งผ่านพ้นปี2019มาได้แค่ครึ่งปี หรือก็คือ6เดือนเพียงเท่านั้น แต่กลับได้เกิดเรื่องราวเลวร้ายมากมายทั่วโลก และในวันนี้เราจะมาเรียบเรียงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ เพราะเราแอบคิดนิดหน่อยว่าเด็กๆรุ่นต่อไปอาจจะต้องกลับมาอ่านบทความนี้เพื่อใช้สอบในวิชาประวัติศาสตร์ก็ได้นะคะ55555 แต่เนื่องจากความวายป่วงมันเกิดขึ้นมากมาย จึงขอคัดมาแค่หัวข้อที่ส่งผลหรืออาจจะส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลกละกันนะคะ Timeline กลางปี 2019 - 3 มีนาคม 2020 : ไฟไหม้ป่าออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีป่าไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อด้านธรรมชาติและสัตว์ป่าทั้งหายากและหาง่ายต่างๆมากมาย แต่แล้วก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในทุกๆปี โดยในปลายปี2019ที่ผ่านมาประเทศออสเตรเลียมีอุณหภูมิเฉลี่ยขึ้นสูงถึง48.9องศาเซลเซียส การที่จะเกิดไฟป่าที่ประเทศออสเตรเลียนั้นเรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงและยาวนานที่สุดในรอบ30ปี! โดยเหตุการณ์นี้ลากยาวกว่า240วัน บ้านเรือนราว2,400หลังถูกทำลาย มีผู้เสียชีวิต25คน และมีสัตว์ที่ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนกว่า5,000ล้านตัว! ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอขอบคุณและสรรเสริญเหล่าฮีโร่ที่เข้าไปช่วยดับเพลิงทุกคน โดยเฉพาะเหล่านักผจญเพลิงและอาสาสมัครดับเพลิงทุกคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยสัตว์ที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ตัวเองได้ รวมถึงได้ช่วยปกป้องผู้คนที่อยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลล์นั้นด้วย และขอแสดงความเสียใจด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อฮีโร่ทั้งสามคนที่ได้เข้าร่วมทีมดับเพลิงและได้เสียชีวิตในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ คือนายเจฟฟรี่ย์ คีตัน(Jeoffrey Keaton) นายแอนดรูว์ โอ ดไวย์เออร์(Andrew O’Dwyer) และนายซามูเอล แมกพอลล์(Samuel McPaul) 3 มกราคม 2020 : คาเซ็ม สุเลมานี วัย 62 ปี ถูกสั่งสังหารโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ณ สนามบินในกรุงแบกแดดพร้อมกับทหารอีก6นาย เขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps) โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้เหตุผลในการสั่งสังหารผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของตนเองว่าทางอิหร่านมีแผนการณ์ที่จะโจมตีนักการทูตและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ จึงต้องรีบโจมตีก่อนที่จะโดนโจมตีเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้พบหลักฐานเพิ่มเติมใดๆว่าทางอิหร่านมีแผนจะโจมตีทางสหรัฐจริงๆ.... ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านนั้นไม่ดีมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 จากการที่สหรัฐยกเลิกการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน และเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกการ และส่งผลต่อการผลิตน้ำมันโลก และในกรณีที่แย่ที่สุดก็อาจจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามระหว่างประเทศฝั่งตะวันออกกลางและสหรัฐ โดยฝั่งตะวันออกกลางมีกอกงหนุนเป็นมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีน ดังนั้นเรื่องอาวุธ ขีปนาวุธ นิวเคลียร์ เครื่องบินรบ และอื่นๆก็มีไม่น้อยหน้าไปกว่าฝั่งสหรัฐแน่นอน 8 มกราคม 2020 : เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินยูเครน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ส PS 752ตกที่อิหร่าน เสียชีวิตยกลำ176ราย ไม่มีผู้รอดชีวิต โดยในตอนแรกทางอิหร่านได้ประกาศออกมาว่าเครื่องบินที่ตกนั้นเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิค แต่อิหร่านกลับไม่ยอมให้กล่องดำของเครื่องบินลำนี้ให้กับทางบริษัทโบอิ้งและทางการสหรัฐ โดยอ้างว่าไม่อยากส่งให้บริษัทแม่และชาวอเมริกัน และในท้ายที่สุดทางอิหร่านก็ได้ออกมายอมรับว่าเป็นฝ่ายที่ยิงเครื่องบินโดยสารลำนี้จนเกิดเหตุสลดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และกล่าวขอโทษกับการทำงานที่ผิดพลาดครั้งนี้ 11 มีนาคม 2020 : World Health Organization หรือ WHO ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการระบาดของโคโรน่าไวรัส 25 พฤษภาคม 2020 : การเสียชีวิตอย่างไม่เป็นธรรมของ "จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวสีชาวอเมริกัน-แอฟริกันที่โดนตำรวจผิวขาวใช้เข่าล็อคคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต เขาเป็นชายที่ได้จุดประกายให้เกิดการต่อต้านการเหยียดสีผิวและชนชาติ แล้วเรื่องนี้มันแย่ตรงไหนล่ะ? ผู้คนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการเหยียดชนชาติและสีผิวควรจะเป็นเรื่องดีสิ..... มันก็ใช่ ถ้าหากว่าความรุนแรงมันไม่มากขนาดนี้ล่ะก็นะ.... ทางตำรวจได้พยายามสลายการชุมนุมทุกวิธีรวมไปถึงการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นแก๊ซน้ำตา การเข้าจับกุม หรือการปะทะกัน แต่ทางผู้ชุมนุมก็ประท้วงด้วยความรุนแรงไม่แพ้กัน ทั้งทำลายข้าวของ ทุบตีกระจกร้านค้า กระจกรถ ปีนขึ้นรถที่จอดอยู่ที่แถวนั้น รวมไปถึงพ่นสเปรย์ และวาดเขียนเป็นข้อความบ้างงานศิลปะบ้างบนพื้นที่ต่างๆ และที่เลวร้ายที่สุดคือการบุกรุกเข้าไปในร้านค้าต่างๆหรือห้างแล้วเข้าไปขโมยของและทำลาย ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ วิตตอง, กุชชี่ และอื่นๆอีกมากมาย ขอขอบคุณภาพประกอบจากPixabay Pixabay Pixabay Pixabay และ Pixabay Pixabay Pixabay