5 เหตุผลที่ควรดู ghost lab ภาพยนต์สยองขวัญไทย ใหม่บน Netflix “คุณเชื่อในโลกหลังความตายไหม” Ghost Lab ภาพยนต์สยองขวัญวิทยาศาสตร์ ภายใต้การผลิตของ GDH 559 และจอกว้างฟิล์มที่ร่วมจับมือกับ Netflix เพื่อสร้างผลงานแล็บผี โดยมี ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับภาพยนต์สยองขวัญในตำนาน ได้มากำกับภาพยนต์เรื่องนี้ด้วย โดย Ghost Lab เพิ่งได้ฉายลงบน Netflix เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาไม่นาน เรียกได้ว่าเป็นผลงานใหม่ล่าสุด ส่งตรงให้ทุกคนได้รับชมพร้อมๆกันเลย ภาพยนต์เรื่องนี้ก็ว่าด้วยเรื่องราวของนายแพทย์หนุ่มสองคน คือ กล้า (รับบทโดยพาริส อินทรโกมาลย์สุต) และ วี (รับบทโดยธนภพ ลีรัตนขจร) ที่สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ และ “ผี” จนพวกเขาทั้งสองต้องการทำวิจัยเพื่อหาคำตอบว่าจริงๆแล้วผีคืออะไร โลกหลังความตายเป็นอย่างไร เพื่อหาคำตอบนี้ ทั้งกล้าและวีจึงยอมทำทุกอย่าง จะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นนั้นหรือท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์การทดลองนี้จะเป็นอย่างไร จึงอยากชวนให้ทุกคนมาร่วมตั้งสมมติฐานและฉีกกฎทดลองแบบวิทยาศาสตร์พร้อมหาคำตอบของโลกหลังความตายไปด้วยกันนี่จึงเป็น 5 เหตุผลหลักที่คุณต้องดู Ghost lab 1. เป็นภาพยนต์สยองขวัญที่มีเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ เป็นการเชื่อมโยงระหว่าง ความรู้แบบวิทยาศาสตร์ กับ เรื่องของโลกหลัง ความตายว่าจะไปด้วยกันได้อย่างไร และจะมีวิธีไหนที่จะพิสูจน์ได้บ้าง เรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์ที่จะหาคำตอบ 2. แม้จะเป็นภาพยนต์สยองขวัญ แต่ก็เรียกได้ว่ามี Drama เข้ามาเพิ่มอรรถรสได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนการแสดงของนักแสดงหลักของเรื่องนี้ รับรองว่าคุณจะต้องประทับในความสามารถของพวกเขาอย่างแน่นอน 3. ผู้กำกับ Ghost lab คือ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่เคยกำกับหนังสยองขวัญไทยที่เราทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น สี่แพร่ง บอดี้ศพ 19 และไม่นานมานี้ยังได้กำกับ Girl from nowhere season 2 หรือ แนนโน๊ะ ที่หลายๆคนน่าจะเคยได้ดูมาแล้ว ใน Episode 6 : Liberation อีกด้วย 4. เมื่อเป็นภาพยนต์สยองขวัญ ก็ต้องขาด “ผี” ไปไม่ได้ รับรองได้ว่าสยองจนพาคุณสะดุ้งได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังพกความลึกลับจะสะกดให้คนดูได้ตื่นเต้นเร้าใจจนตลอดจนจบ 5. มีข้อคิดให้ผู้ชมได้กลับเก็บเอาไปตั้งคำถามและทบทวนตัวเองเกี่ยวกับคุณค่าของชีวิตตัวเอง “ทุกชีวิตมีจุดจบ คำถามคือแล้วเราจะทำยังไงกับจุดจบนั้น” Ghost Lab ถือได้ว่าเป็นภาพยนต์สยองขวัญที่ควรค่าแก่การรับชม มีหลายจุดที่อยากชื่นชมในความสามารถของผู้ผลิตและนักแสดง จุดที่รู้สึกประทับใจเล็กๆอีกหนึ่งอย่างคือ การนำ footage มาเรียบเรียงได้ดีมาก ทำให้น่าสนใจแล้วก็เกิดมิติของการเล่าเรื่องที่สนุกมากขึ้น และภาพยนต์สยองขวัญเรื่องนี้ก็สามารถทำจุด Drama ได้อย่างเข้มข้นแต่แอบสลับไปสลับมารวดเร็วไปนิดหน่อยเลยทำให้อาจจะไม่ได้ถึงจุดที่ควรจะต้องเศร้าตาม แต่พอดูเรื่องนี้จบก็เหมือนเห็นแสงสว่างของภาพยนต์สยองขวัญของไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อดูเรื่องนี้แล้ว ทำให้นึกถึงบทวิพากษ์ของฟูโกต์ที่ว่าด้วยความรู้วิทยาศาสตร์ที่ไปกดทับความรู้ในแขนงอื่นๆที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ อย่างเช่นในเรื่องของ Ghost lab นี่เองที่ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ระหว่างความเป็นวิทยาศาสตร์กับความไม่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยฟูโกต์เองได้กล่าวว่า "ความรู้ที่เป็นอิสระ ไม่ถูกรวมศูนย์อยู่ภายใต้กรอบทางทฤษฎีสำคัญที่เรารู้จัก เป็นความรู้ซึ่งจะถูกหรือไม่ ใช้ได้หรือไม่ก็ตาม แต่ที่แน่ๆก็คือมิได้อยู่ภายใต้การรับรองของระบอบการคิดที่เรารู้จักเลย ลองสนใจความรู้ย่อยๆ ที่ไม่ต่อเนื่อง ความรู้ตามนอกขอบเหล่านั้นที่ถูกปฏิเสธ ถูกหาว่าไม่ดีพอหรือไม่ชัดเจนพอ ถูกหาว่าเป็นความรู้ตื้นๆอยู่ปลายแถวของบรรดาความรู้ทั้งหลายจนเกินกว่าจะยอมรับได้โดยมาตรฐานของวิทยาศาสตร์" ดังนั้นสำหรับ Ghost lab เอง ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นวิทยาศาสตร์แนวใหม่ที่ทำให้คนดูได้เห็นและเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เราเองเชื่อว่าคนที่ดูเรื่องนี้อย่างน้อยๆก็ต้องได้อะไรกลับไปแน่นอน จึงอยากฝากทุกคนไปร่วมตั้งสมมติฐานฉีกกฎการทดลองไปพร้อมๆกัน “วิทยาศาสตร์ที่แท้จริงคือการเดินทางของความไม่รู้ไปสู่ความรู้ จากความเขลาไปสู่ปัญญา จากความลึกลับไปสู่ความสว่างแจ้ง” เครดิตภาพจากภาพปก : Ghost Lab IMDBภาพ 1 : Ghost Lab IMDBภาพ 2 : Ghost Lab IMDBภาพ 3 : ภาพจากหนัง Body ศพ19 : บอดี้ศพ 19 IMDBภาพจากหนัง สี่แพร่ง : Phobia IMDBภาพจากซีรีส์ Girl from nowhere SS2 : Liberation IMDBภาพ 4 : Ghost Lab IMDBภาพ 5 : Ghost Lab IMDB อ้างอิงเนื้อหาธงชัย วินิจจะกูล. (2558). การศึกษาประวัติศาสตร์แบบสาแหรก วิธีการศึกษาประวัติศาสตร์ของฟูโกต์. ใน อ่านวิพากษ์มิเชล ฟูโกต์. กรุงเทพฯ: ศยาม. จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !