ในบทความนี้เราจะพูดถึงหนี้ในระบบ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด เพราะเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมากที่สุด แต่หากเพื่อน ๆ อ่านแล้ว จะนำไปปรับใช้กับหนี้สินด้านอื่น ๆ ก็ถือว่าไม่ผิดเช่นกันหลายคนเป็นหนี้ พอจ่ายไม่ไหวก็จะหาโอกาสหลบหนี ไม่รับโทรศัพท์ บางทีระหว่างนี้ ก็อาจจะย้ายที่ทำงานย้ายบ้าน และไม่รับรู้ในเรื่องของหนี้สินอีกต่อไป มารู้ตัวอีกที มีเจ้าหน้าที่บังคับคดีที่ไหนก็ไม่รู้ จะมายึดทรัพย์สิน (อย่างถูกต้องตามกฎหมาย) กลายเป็นเสียทรัพย์สินไปแบบไม่รู้ตัว พอมาคิดได้อีกที ก็บ่นกับตัวเองว่า รู้งี้จ่ายไปตั้งนานแล้วก็ดี ... เรามาดูกันว่า การปลดหนี้แบบไม่ต้องหนี จะทำยังไงได้บ้างเครดิตภาพ : stevepb4 แนวทางปลดหนี้แบบไม่ต้องหนีหนี้ ทำยังไง? ต้องอ่าน!!1. หยุดจ่ายหนี้อย่างฉลาดและรอส่วนลดในที่นี้หมายถึงต้องวางแผน ไม่ใช่ว่าเดือนนี้ไม่มีก็ไม่จ่าย เดือนหน้าก็ค่อยว่ากัน ทำแบบนี้เท่ากับขาดการวางแผนที่ดี หากเราจะหยุดจ่ายก็ต้องนำเงินขั้นต่ำที่เคยจ่ายก่อนหน้านี้ เก็บแยกเอาไว้อีกหนึ่งบัญชี อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ก็สะสมไปเรื่อย ๆ เป็นเงินก้อน เพื่อรอการติดต่อเจรจาจากเจ้าหนี้ในอนาคตจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เก็บเงินก้อนเพื่อรอส่วนลดที่ตรงใจ เช่น ยอดหนี้ 50,000 บาท เจ้าหนี้เสนอลดแบบปิดจบที่ 10,000 บาท เป็นต้น (มีผู้ที่เคยได้ปิดจบเพียง 8,000 บาทมาแล้ว)เครดิตภาพ : nastya_gepp2. รับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้อย่างสุภาพจริง ๆ แล้ว เจ้าหนี้ก็ทำผิดเงื่อนไขบ้างอยู่เหมือนกัน เพราะหลาย ๆ เจ้า กระหน่ำโทรแบบถี่ยิบ แถมบางรายไม่สุภาพ และยังยกเอาเรื่องศาล เรื่องกฎหมาย เรื่องการยึดทรัพย์มาข่มขู่สารพัดแต่ช่างเถอะ!! เราเตรียมตัวรับมือมาแล้ว ก็ปล่อยให้เค้าทวงไปตามหน้าที่ ส่วนลูกหนี้ถ้ายังไม่พร้อม ก็ไม่ต้องจ่าย และบอกเจ้าหนี้ไปดี ๆ ว่า เราไม่ได้หนีหนี้ ยังอยู่ที่เดิม รับทราบเรื่องหนี้สิน และมีเงินอยู่เพียง 1 ก้อนเล็ก ๆ แต่หากเจ้าหนี้ให้ส่วนลดที่พอจ่ายไหว ก็จะชำระให้ทันที เพราะมีอีกหลายเจ้าหนี้ที่ต้องเคลียเช่นกัน เชื่อว่าเจ้าหนี้ต้องอยากได้เงินก้อนนี้ก่อนใครแน่นอน รอลุ้นส่วนลดได้เลยเครดิตภาพ : StartupStockPhotos3. ไม่รับเงินเงื่อนไขปรับโครงสร้างหนี้เด็ดขาดก่อนที่เจ้าหนี้จะให้ส่วนลดกับลูกหนี้ จะมีช่วงหนึ่งที่เค้าจะเสนอเงื่อนไข “ปรับโครงสร้างหนี้” เข้ามา แต่เรากำลังหาทางปลดหนี้กันอยู่ใช่ไหม? ถ้าตอบว่า “ใช่” ก็อย่าเผลอไปรับเงื่อนไขเด็ดขาด เพราะเท่ากับว่า เราเพิ่มหนี้ให้กับตัวเอง ไปเริ่มเป็นหนี้ใหม่ ในยอดหนี้ใหม่ ระยะเวลาการจ่ายชำระใหม่ และดอกเบี้ยใหม่ เท่านั้นเอง และในสัญญาใหม่นี้ ลูกหนี้จะได้ยอดหนี้เก่า + ค่าต่าง ๆ เข้าไปทั้งหมด สรุปรับภาระไปแบบเต็ม ๆข้อคิดในเรื่องนี้ก็คือ ไหน ๆ เราก็เสียเครดิตไปแล้ว จะไปเพิ่มภาระหนี้สินให้กับตัวเองอีกทำไม สู้รอเวลาที่เหมาะสม เพื่อปิดหนี้ด้วยเงิน 1 ก้อนที่ออมไว้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเครดิตภาพ : stevepb4. ไม่หลงคารมณ์เจ้าหนี้โดยจ่ายชำระบางส่วนสิ่งที่ลูกหนี้ต้องลุ้นในอนาคตก็คือเรื่องของอายุความ หากเจ้าหนี้ฟ้องศาลช้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม เท่ากับลูกหนี้ชนะคดีไปแล้ว (ต้องยกเรื่องอายุความต่อสู้ในศาล) แต่ทางเจ้าหนี้จะไม่หมดมุขเท่านั้น เมื่อรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ ก็จะหลอกล่อให้ลูกหนี้ไปจ่ายชำระบางส่วน โดยยกเหตุผลการ “ไม่ถูกฟ้องศาล” มาบอกลูกหนี้ให้รู้สึกเบาใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราเป็นหนี้หลายหมื่น หลายแสนบาท แล้วทำไมถึงอยากให้เราจ่ายเพียงไม่กี่ร้อย กี่พัน ซึ่งจะเอาไปหักเงินต้นยังไม่พอเลย ... คำตอบเดียวที่คิดได้ก็คือ “หนี้กำลังขาดอายุความ”หากหนี้ของเราเข้าข่ายนี้ ก็เตรียมตัวไปศาล ยกเรื่องการขาดอายุความขึ้นต่อสู้ โอกาสที่ศาลจะตัดสินให้ลูกหนี้ชนะคดี มีสูงมากถึงมากที่สุด เราก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจ่ายอีกต่อไป แต่เจ้าหนี้ก็ยังตามทวงได้อยู่เหมือนเดิม เพราะศาลไม่ได้ห้ามเจ้าหนี้ทวงหนี้เราหากมีสัก 1 ก้อนเล็ก ๆ ก็เสนอจ่ายหนี้ไปเลยก็ได้ เพราะเราเป็นหนี้เค้าจริง ๆ เชื่อว่าเจ้าหนี้ต้องรับ เพราะหากไม่รับ ก็คงจะไม่ได้อะไรเลยอีกต่อไป ลูกหนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมาทวงหนี้ได้อีกเครดิตภาพ : QuinceCreative5. ไปศาลตามนัดเพื่อขอส่วนลดปิดจบอย่าทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน เพราะเราอาจโดนบังคับคดีได้!! และอย่างที่ได้บอกไว้ในทุก ๆ ข้อ เมื่อวางแผนหยุดจ่าย ก็ต้องเก็บเงินก้อนเอาไว้ด้วย เมื่อไปถึงศาลแล้ว หากสามารถคุยขอส่วนลดที่ตกลงกันได้ ก็จ่ายก้อนที่สะสมนั้นกับเจ้าหนี้ไปได้เลย เราก็ไม่ต้องไปขึ้นศาล แต่หากเราไม่เตรียมความพร้อม ก็ต้องไปทำสัญญาจ่ายชำระหนี้ตามที่ศาลตัดสินกันใหม่ และหากไม่จ่ายก็เตรียมถูกบังคับคดีกันต่อไปเครดิตภาพ : kschneider2991ทั้ง 5 แนวทาง จะเห็นได้ว่า เราไม่จำเป็นต้องหนีหนี้ เริ่มต้นจากหยุดจ่าย ยอมเสียเครดิต เก็บเงินก้อน เจรจาขอส่วนลด จ่ายเงินก้อนชำระหนี้ ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ส่วนลดที่ได้รับของแต่ละคนก็จะต่างกันไป แต่เชื่อว่าจะได้ลดกันแทบทุกคน อยู่ที่เราจะพอใจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งดีกว่าที่เราจะหมุนเงินไปเรื่อย ๆ จนหนี้พอกพูนไม่รู้จบแน่นอนเครดิตภาพปก : Letti-S