บางคนชอบดูอนิเมะญี่ปุ่น บางคนอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น หรือบางคนอยากจะย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะชอบญี่ปุ่นแบบไหนก็ต้องมีความคิดที่อยากจะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นบ้าง และบางคนก็อาจจะตัดสินใจเริ่มเรียนแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มเรียนยังไงดี งั้นผู้เขียนขอแนะนำ 6 ขั้นตอนเริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ต้น1.รู้ว่าเรียนภาษาญี่ปุ่นไปเพื่ออะไรสำหรับคนที่เริ่มต้นเรียนภาษาอื่น ๆ นอกจากภาษาแม่ของตัวเอง การรู้ว่าเราเรียนภาษานั้น ๆ ไปทำไมหรือเรียนไปเพื่ออะไรสำคัญมาก เพราะการรู้ว่าเราเรียนไปเพื่ออะไรจะให้เรามีเป้าหมายของการเรียนภาษาที่ชัดเจนมากขึ้น และพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้เหมาะกับตัวเอง เช่น เราชอบดูอนิเมะญี่ปุ่นมาก แล้วอยากดูอนิเมะให้รู้เรื่องโดยไม่ต้องอ่านซับ การเรียนภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะเน้นไปที่การฟังกับการอ่านมากกว่าการเขียนกับการพูด แต่ถ้าเราจะเรียนภาษาญี่ปุ่นไว้เพื่อทำงานกับคนญี่ปุ่นก็อาจจะต้องเรียนภาษาให้ดีทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน2.ฝึกคัดฮิรางานะ คาตาคานะเมื่อเรารู้ว่าเรียนภาษาญี่ปุ่นไปเพื่ออะไรแล้วก็ได้เวลามาเริ่มเรียนภาษาจริง ๆ กันสักที สิ่งพื้นฐานที่คนเรียนภาษาญี่ปุ่นทุกคนต้องรู้คือฮิรางานะ และคาตาคานะซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่เริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นควรจำและเขียนให้ได้ก่อนเรียนเรื่องอื่น ๆฮิรางานะคาตาคานะ3.เรียนตามบทเรียนในหนังสือหลังจากจำฮิรางานะ และคาตาคานะได้แล้ว ขั้นต่อมาก็คือการเรียนตามบทเรียนในหนังสือเพื่อให้เรามีความเข้าใจในคำศัพท์ รูปประโยคต่าง ๆ และหลักไวยากรณ์ของภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นที่คนส่วนมากนิยมใช้กันคือหนังสือมินนะ โนะ นิฮงโกะ ของสำนักพิมพ์ภาษาและวัฒนธรรม หนังสือมินนะ โนะ นิฮงโกะมีทั้งหมด 4 เล่ม ถ้าเรียนเล่มที่ 1 และ 2 จบแล้วจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับ N5 และถ้าเรียนตั้งแต่เล่มที่ 1 จนจบเล่ม 4 จบแล้วจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับ N4 4.จำคันจิพร้อม ๆ กับจำคำศัพท์คันจิเป็นตัวอักษรจีนที่ใช้เพื่อสื่อความหมายของคำแต่ละคำ คนที่เริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นจะจำคำศัพท์ที่เขียนด้วยตัวฮิรางานะก่อน จากนั้นก็ค่อยจำด้วยอักษรคันจิแทนตัวฮิรางานะ การจำคันจิควรเริ่มต้นจากคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวันง่าย ๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มระดับความยากขึ้นไปเรื่อย ถ้าใครไม่รู้ว่าจะต้องจำคันจิอะไรบ้าง ลองจำคันจิตามระดับการสอบ JLPT ดูก็ได้ เพราะจะมีการกำหนดมาให้แล้วว่าถ้าสอบระดับไหน ควรจำคันจิตัวอะไรได้แล้วบ้าง5.ฝึกใช้ภาษาญี่ปุ่นเมื่อเรามีความรู้ภาษาญี่ปุ่นประมาณหนึ่งแล้วก็ได้เวลาเอาความรู้มาใช้จริงสักที การฝึกใช้ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดแค่ต้องคุยกับคนญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากที่เราจะได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นอย่างเช่น การดูอนิเมะญี่ปุ่น เราจะได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง และการอ่านคำต่าง ๆ ที่อยู่ในอนิเมะ หรือบางคนชอบอ่านข่าวก็ลองอ่านข่าวที่เป็นภาษาญี่ปุ่น เราจะได้ฝึกทักษะการอ่าน และยังได้เห็นการใช้รูปประโยคต่าง ๆ ที่คนญี่ปุ่นใช้จริง ๆ ด้วย6.ลองสอบ JLPT การสอบ JLPT เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น มีระดับตั้งแต่ N1 - N5 โดย N5 คือระดับที่ง่ายที่สุดแล้วก็จะค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับยากที่สุดคือระดับ N1 ถ้าเราได้ลองสอบ JLPT ก็จะเป็นการวัดเวลาภาษาญี่ปุ่นของเราอยู่ในระดับไหนแล้ว ซึ่งเมื่อสอบแล้ว เราก็จะได้ดูคะแนนในแต่ละพาร์ททั้งคำศัพท์ ไวยากรณ์ การอ่าน การฟัง ที่เราทำได้ ถ้าเราได้คะแนนส่วนไหนน้อยก็จะได้พัฒนาในส่วนนั้น ๆ มากขึ้นเคล็ดลับการเรียนภาษาญี่ปุ่น-สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาไม่ว่าจะภาษาอะไรก็ตามจะเริ่มต้นจากการฟังก่อนเป็นอย่างแรก เพราะฉะนั้นควรฟังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การฟังมาก ๆ จะทำให้เราคุ้นเคยกับวิธีการออกเสียง วิธีการพูด และซึมซับคำศัพท์มากกว่าการอ่านแค่หนังสืออย่างเดียว-สำหรับการเรียนตามหนังสือ ในหนังสือเรียนมักจะมีซีดีเสียงประกอบการเรียนมาให้เราฟังการออกเสียงคำศัพท์แต่ละตัว รวมทั้งประโยคต่าง ๆ ในหนังสือ ในส่วนไวยากรณ์เราต้องมาทำความเข้าใจเองซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะงงหรือไม่เข้าใจบางบท เราก็สามารถไปดูวิดีโอสอนในยูทูปได้เลย เพราะมีวิดีโอสอนไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นเยอะมาก เช่น ช่อง aoysensei -การเรียนภาษาควรต้องเรียนอย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาดช่วง เพราะอาจจะลืมได้ ควรกำหนดเวลาไว้เลยว่าในหนึ่งวันควรจะเรียนวันละกี่นาที ในช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกไม่อยากทำหรือรู้สึกเหนื่อยบ้าง แต่ถ้าทำไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยไปเอง-การดูอนิเมะหรือภาพยนตร์ต่าง ๆ ไปพร้อมกับการเรียนตามหนังสือก็ทำให้เราสามารถพัฒนาภาษาญี่ปุ่นได้แบบก้าวกระโดดและนี่คือ 6 ขั้นตอนเริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะรู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นยาก(ซึ่งก็ยากจริง ๆ นั่นแหละ) แต่ถ้าเราพยายามเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่เรื่อย ๆ รับรองว่าจะต้องเก่งภาษาญี่ปุ่นแน่นอนภาพปกจาก canva / ภาพประกอบจาก wikipedia ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 / จาก unsplash Tianshu Liu ภาพที่ 1 / felipepelaquim ภาพที่ 5 / Nick Morrison ภาพที่ 6 / TPA Press ภาพที่ 4 / jlptonlinethailand ภาพที่ 7เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !