การลดน้ำหนักของใครหลายๆคนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่จะทำสำเร็จ แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่ทำสำเร็จ ซึ่งวิธีต่างๆนั้นมีอยู่ทั่วไปในอินเทอเน็ต หรือตามเว็บบอร์ดต่างๆที่คนนำประสบการณ์ที่ตัวเองลดน้ำหนักสำเร็จมาเล่าและบอกวิธีของตัวเอง แต่ในบทความนี้ขอไม่ใช้คำว่า "ลดน้ำหนัก" แต่จะใช้คำว่า "ลดไขมัน" ความหมายต่างกัน โดยคำว่าลดน้ำหนักหมายถึงน้ำหนักตัวหมดทั้งน้ำ ไขมัน กล้ามเนื้อ กระดูก แต่เป้าหมายจริงๆของคนที่อยากมีรูปร่างที่ดีนั้นต้องใช้คำว่าลดไขมันจะตรงความหมายกว่า ความรู้ต่างในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการลดไขมันมีอยู่มากมาย บางวิธีใช้ได้กับบางคนแต่ใช้ไม่ได้กับบางคน โดยจะมีความเชื่อบางอย่างที่เราอาจจะเชื่อโดยไม่รู้ตัวเลยว่า มันถูกต้องแค่ไหน อันตรายแค่ไหน เพราะเราต้องการที่จะได้ผลลัพท์นั้นเร็วๆ เลยยอมที่จะทำตามความเชื่อแบบนี้ อยากแนะนำว่าช้าแต่ชัวร์ดีกว่า มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนแน่นอน ในบทความนี้เราจะรวบรวม 6 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการลดไขมัน ว่ามีอะไรบ้างไปกันเลย1. อดอาหาร นี้คงเป็นความคิดแรกๆของใครหลายๆคนที่กำลังอยากจะลดไขมันอย่างแน่ๆ คือการ "อดอาหาร" เพราะคิดว่าเมื่ออาหารน้อย เราจะผอมลงแน่ๆ คำตอบคือใช่ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าคุณคิดผิด เพราะมันคือการหักโหม ได้ผลช่วงแรกแต่จะไม่รอดในระยะยาว อย่างแรกเลยคือสุขภาพกายคุณจะแย่เอามากๆ คุณจะอ่อนเพลีย สมองตื้นตัน ป่วยบ่อย นอนไม่หลับ หลับไม่อยากตื่น และสุขภาพใจจะแย่เอาอีก คุณจะตะบะแตก เพราะการอดของที่อยากกินมานาน และหลุดกินเยอะในที่สุด และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ "โยโย่" มันคืออะไร ก็คือการที่ร่างกายขาดสารอาหารเป็นเวลานานๆ ทำให้ระบบเผาผลาญปรับลงมาต่ำมากๆเผื่อให้ร่างกายมีชีวิตรอด เนื่องการพลังงานในร่างกายต่ำ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ระบบเผาผลาญต่ำ" คราวนี้แหละ เวลากลับมากินเหมือนเดิม ไขมันคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบที่ว่าวันเดียวอาจจะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมเลยแหละ วิธีแก้ก็คือการค่อยๆลดแคลอรี่ของอาหารลงไม่ใช่ลดปริมาณอาหารนะ ในอาหารแต่ละอย่างแคลอรี่จะไม่เท่ากัน อย่างเช่นอาหารคลีน หรืออาหารทำเองง่ายๆที่ไม่ใช้น้ำมัน และน้ำตาลต่ำ ทำแบบนี้พร้อมกับออกกำลังกายทั้งแบบคาดิโอ กับ เวทเทรนนิ่ง ทำแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่หักโหมแบบนี้จะสามารถลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก 2. มื้อเช้ากินเท่าไหร่ก็ได้ไม่อ้วน ขอเสริมคำว่า "อาหารเช้าสำคัญที่สุด" ผนวกไปด้วยในหัวข้อนี้ คำนี้ได้ยินกรอกหูมานมนาน ส่วนใหญ่เลยเราจะได้ยินจากโฆษณาอาหารเช้า ใช้วลีนี้ในการโฆษณาปลุกฝังคนทั้งโลกให้เชื่อในความคิดนี้ ถามว่าอาหารเช้าสำคัญไหม ใช่มันสำคัญ แต่ถามว่าสำคัญมากไหม อันนี้ก็แล้วแต่กิจกรรม หน้าที่ ของแต่ละบุคคลไป บางคนต้องทำงานที่ใช้เรี่ยวแรงช่วงเช้าจริงๆมื้อเช้าก็สำคัญ บางคนทำงานออฟฟิต มื้อเช้าก็สำคัญรองลงมา บางคนไม่ได้ทำอะไรเลยช่วงเช้า มื้อเช้าก็คงไม่สำคัญมาก ถามว่ามันเกี่ยวอะไรกับการลดความไขมัน เกี่ยวสิ บางคนเข้าใจว่ากินมื้อเช้าเยอะเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่อ้วนหรอก อารมณ์แบบนี้ช่วงนี้คือโควต้าสำคัญ รีบยัดให้ได้มากที่สุด แล้วบวกกับความคิดที่ว่าอาหารเช้าสำคัญที่สุด กลายเป็นส่งเสริมความเชื่อในตัวเองเข้าไปอีก แนวทางก็คือถ้าช่วงเช้าไม่ได้หิวมากมายก็กินเท่าที่ตัวเองอิ่มและถ้าไม่หิวจริงก็ไม่จำเป็นต้องตะบี้ตะบันยัดเข้าไป เก็บแคลอรี่ไว้กินช่วงที่เราจำเป็นต้องกินในช่วงนั้นๆมากกว่า และคุมปริมาณแคลอรี่ต่อวันให้ได้ ในที่สุดถ้าคุณคุมอาหารเป็นแล้ว คุณจะกินอะไร กี่มื้อ ปริมาณไหน ก็ไม่มีทางอ้วนแน่นอน3. งดมื้อเย็น และนี้คืออีกวิธียอดฮิตที่สุดที่เคยเจอมาคือการ "งดมื้อเย็น" เพราะหลายคนคงคิดว่าในช่วงเย็นเราไม่ได้ใช้พลังงานมากแล้ว ถ้าดันกินเข้าไปช่วงนี้ร่างกายจะไม่เผาผลาญพลังงาน สุดท้ายร่างกายจะเก็บอาหารเหล่านั้นไปเป็นไขมัน ถามว่าจริงไหม คำตอบคือ "จริงส่วนเดียว" แต่มันแค่ในระยะเวลาวันเดียว สุดท้ายแล้วมันจะไปเฉลี่ยเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี กระบวนการต่างๆมันใช้เวลามากกว่านั้น สมมุติร่างกายเราเก็บไขมันวันนี้ พรุ่งนี้ร่ายกายก็นำไขมันมาใช้อยุ่ดี ถ้าเราคุมอาหารมาอย่างดีแล้ว ไม่ว่าเรากินอะไร เวลาไหน เราก็จะไม่อ้วนถ้าเราควบคุมอาหารที่ได้รับอย่างมีวินัย อย่างที่ว่าไปก็คือเราจะกินเวลาไหน ไม่กินเวลาไหนก็เหมือนกันอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนบางคนชอบกินมื้อเย็นไปจนถึงมื้อค้ำ ก็กินปกติ เทคนิคก็คือถ้าคุณไม่ชอบกินมื้อเช้าหรือไม่จำเป็นต้องกินมื้อเช้ามาก ให้ลองยกมื้อเช้าเอามากินมื้อเย็นแทน ก็ได้ผลลัท์เหมือนกันนะ4. ออกกำลังกายอย่างเดียว บอกก่อนผู้เขียนบทความนี้สนับสนุนการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความหมายก็คือ ถ้าเราจะลดไขมันจริงๆ อาหารมันสำคัญมากกว่าการออกกำลังกายมาก ถ้าเราคุมอาหารแต่ไม่ออกกำลังกายเลย ผลลัพท์มันจะดีกว่าการออกกำลังกายแต่ไม่คุมอาหาร ในเชิงการลดความอ้วนนะ ต่อให้ออกกำลังกายมาหนักแค่ไหน ถ้าเราไม่ควบคุมอาหารเลย มันก็อาจจะเหนื่อยๆเปล่าๆ บางคนออกกำลังกายหนักบวกกับอดอาหารอีก อันนี้ไม่แนะนำด้วยอย่างแรง ฉะนั้นทางออกไม่ยากเลย คือต้องออกกำลังกายพร้อมกับควบคุมอาหาร เพราะการควบคุมอาหารมันจะส่งเสริมให้เรามีประสิทธิภาพในการออกกำลังกายด้วย ถ้าวันไหนออกกำลังกายหนักมากๆเราก็สามารถเพิ่มปริมาณแคลอรี่ในวันนั้นๆได้ เราอยากสร้างกล้ามก็กินโปรตีน อยากมีแรงออกกำลังกายก็กินคาโบไฮเดรต อยากสร้างความสมดุลให้ร่างกายก็กินไขมันดี แค่นี้ก็ช่วยให้การออกกำลังกายเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความยั่งยืนในการลดความอ้วน5. กินยาลดความอ้วน เอาจริงๆจะบอกว่าเงินใครเงินมันก็ใช่ แต่จะบอกด้วยความเป็นห่วง ทุกคนอาจจะได้ยินโฆษณาเกี่ยวกับยาลดความอ้วนต่างๆในอินเทอเน็ต พร้อมสรรพคุณอันน่าทึ่งอย่างเช่น สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัมขึ้นไปต่อเดือน โอ้วพระเจ้า ผลลัพท์ดีแบบนี้ใครจะไม่อยากซื้อมาลองละ เอาจริงๆผลลัพท์มันอาจจะเป็นไปได้แบบที่เขาโฆษณาแหละ แต่เราหมายถึงอันตรายที่มาจากผลข้างเคียงจากยา ที่มันอาจจะไม่ค่อยดีนักกับคนที่สุขภาพไม่ค่อยจะดีอยุ่แล้ว โทษจะมีอย่างเช่น ไม่หิวข้าว นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรง ท้องผูก และระบบในร่างกายอาจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร บางคนมีอาการทางจิตใจเพราะน้ำหนักไม่ลงอย่างที่ตั้งใจ เพราะอาการดื้อยา บางคนติดยาลดความอ้วน และก็เลิกไม่ได้ เห็นไหมว่ายาลดความอ้วนมันน่ากลัวมาก วิธีเดียวเลยคือคุณต้องใช้วิธีตามธรรมชาติเลยจะดีกว่า ออกกำลังกาย คุมอาหาร ทำกิจกรรมในระหว่างวันให้ร่างกายเผาผลาญตลอดเวลา ลดไขมันได้ดีกว่า การกินยาลดความอ้วนแน่นอน6. ซีเรียสกับตัวเลขบนตราชั่ง มาถึงตอนนี้ถึงช่วงเวลาสำคัญของการลดไขมัน หลังจากเหนื่อยกับการออกกำลังกายกับการควบคุมอาหารมาทั้งวัน นั้นคือการ "ชั่งน้ำหนัก" ลุ้นกันใจแทบแตกเลยทีเดียว บางคนพอใจ บางคนไม่พอใจ บางคนมีกำลังใจ บางคนหมดกำลังใจ อันเนื่องมาจากตัวเลขที่อยุ่บนตราชั่งนั้นเอง ถามว่าตัวเลขบนตราช่างมันบอกอะไรได้บ้าง อย่างแรกเลยคือความก้าวหน้าของเราที่ทำมาตลอดหลายเดือน ถามว่าตัวเลขที่ลดลงบ่งบอกถึงไขมันที่ลดลงไหม ตอบว่าใช่ส่วนหนึ่ง แต่น้ำหนักที่ลงไปนั้นมันมีหลายปัจจัย เช่น น้ำในร่างกาย ไขมันลดก็จริงแต่กล้ามเนื้อก็อาจจะลดลงไปด้วย และอาหารในท้องเราอีก ตัวเลขอย่างเดียวไม่อาจบอกปริมาณของไขมันในร่างกายได้ บางคนน้ำหนักเยอะแต่หุ่นดี บางคนน้ำหนักน้อยแต่ดูไม่เฟิร์ม หนังย้อย ลงพุง ก็มี จริงๆแล้วเป้าหมายของเราจริงๆก็คือ "สิ่งที่อยู่ในกระจก" ใช้แล้ว ภาพเราในกระจกในทุกๆวันนั้นแหละคือเป้าหมายเราที่แท้จริง ตัวเลขบนตราชั้งมันควรดูควบคู่กับภาพที่เราเห็นในกระจกด้วย แล้วถามตัวเองดูว่านั้นคือสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้หรือเปล่า ที่กล่าวมาทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการลดไขมันซึ่งมันไม่ใช่ทั้งหมดของการที่เราไม่สามารถลดไขมันได้ มันยังมีอีกหลายปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่เราควรมีเช่น มีความรู้ มีเป้าหมายชัดเจน มีกำลังใจ เห็นข้อดีข้อเสีย มีจิตใจที่มุ่งมั่น ถ้าคุณมีสิ่งเหล่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อผิดๆที่กล่าวมาได้ การลดไขมันที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายทั้งแบบคาดิโอและเวทเทรนนิ่ง ควบคู่กับการควบคุมอาหาร และอีกอย่างหนึ่งที่อยากย้ำมากๆก็คือ "ความรู้" และ "วินัย" ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จได้โดยปราศจากความรู้และวินัย ขอบคุณรูปภาพหน้าปกจาก : pixabay / canvaขอบคุณ รูปภาพที่1 / รูปภาพที่2 / รูปภาพที่3 / รูปภาพที่4 / รูปภาพที่5 / รูปภาพที่6 / รูปภาพที่7 จาก : pixabay