เวลาที่เราคุยกับใครซักคน ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องชีวิต เรื่องความรักถ้าเป็นไปได้เราคงอยากเจอคงที่เปิดใจคุยกับเรา มากว่าเจอที่ปิดใจใช่มั้ยครับเพราะคนที่ปิดใจมักจะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่จะไม่ฟังความคิดของคนอื่น และมักใช้ความคิดตัวเองในการตัดสินเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับคนที่เปิดใจที่จะมีทัศนคติที่ตรงกันข้ามกับผู้ที่ปิดใจแล้วที่นี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราหรือคู่สนทนาของเราเป็นคนที่เปิดใจรับฟังผู้อื่น หรือปิดใจกันละ ?ในเรื่องนี้ตัวของ Ray Dalio ผู้เขียนหนังสือ Principle ได้ยกตัวอย่างข้อแตกต่าง 7 ข้อของคนที่เปิดใจและปิดใจเอาไว้ได้อย่างสนใจดังต่อไปนี้ครับข้อ 1 #คนที่ปิดใจผู้ที่ปิดใจมักไม่ชอบให้ใครแย้งความคิดเห็นของเขา ผู้ที่ปิดใจมักจะรู้สึกผิดหวังเมื่อผู้อื่นไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขา แทนที่จะตั้งคำถามว่าทำไมคนอื่นถึงไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา เพราะผู้ที่ปิดใจมักจะรู้สึกแย่ที่ความคิดของตัวเองนั้นไม่การยอมรับและถูกว่าไม่ถูกต้อง เขาจึงพยายามพิสูจน์ว่าความคิดของเขานั้นถูกต้องแล้ว มากกว่าที่จะเรียนรู้มุมมองต่างๆ ของผู้อื่น#คนที่เปิดใจส่วนผู้ที่เปิดใจจะเป็นผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการไม่เห็นด้วยของผู้อื่น เขาจะไม่โกรธเมื่อคนอื่นไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา เพราะเขาเข้าใจว่าบางทีความคิดของเขาก็อาจผิดพลาดได้ และยินดีที่จะใช้เวลาไปกับการพิจารณาความคิดของผู้อื่นว่าเหตุใดจึงมีความคิดอีกแบบหนึ่ง เพื่อให้ได้คำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดและเกิดความผิดพลาดให้น้อยที่สุดข้อ 2#คนที่ปิดใจชอบที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองมากกว่าที่จะปรึกษาผู้อื่น ทั้งๆที่ไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ แต่คนที่เปิดใจเขาจะยังคงต้องปรึกษาผู้อื่นก่อนการตัดสินใจใดๆ อยู่ดีคนที่ปิดใจมักไม่น่าเชื่อถือ หรือคนที่รู้ไม่จริง คำตอบและคำถามต่างๆ จะดูน่าสงสัยโดยปริยาย เพราะผู้ที่ปิดใจจะไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเอง ซึ่งบางครั้งความคิดของเอาอาจจะถูกต้องก็ได้ แต่เท่าที่ผมเจอมามันมักจะไม่ถูกน่ะสิ - Ray Dalio กล่าว#คนที่เปิดใจผู้ที่เปิดใจจะมีความเชื่อว่าความคิดของตนเองอาจผิดพลาดได้เสมอ เขาจึงตั้งคำถามเพื่อป้องกันความคิดที่ผิดพลาด ผู้ที่เปิดใจถามเพราะเขาต้องการอยากรู้ถึงความคิดคนอื่นจริงๆ นอกจากนี้เขายังประเมินความสามารถของตนเองกับผู้อื่นว่าตนเองควรอยู่ในฐานะไหนเมื่อเทียบกับคนคนนั้น เช่น นักเรียน ครู หรือเพื่อนข้อ 3#คนที่ปิดใจมักรู้สึกกดดันเมื่อลองพิจารณาแนวคิดของตนเองผ่านมุมมองของคนอื่น #คนที่เปิดใจมักรู้สึกกดดันเมื่อลองพิจารณาแนวคิดของตนเองผ่านมุมมองของคนอื่น มุ่งเน้นการทำความเข้าใจตนเองมากกว่าเข้าใจผู้อื่น และเมื่อผู้อื่นไม่เห็นด้วยเขาจะคิดว่าผู้อื่นไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อมากกว่าพิจารณาว่าทำไมตัวเขาเองถึงไม่เข้าใจมุมมองของผู้อื่นข้อ 4#คนที่ปิดใจความคิดของฉันอาจจะผิดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงนี่มันก็คือความคิดเห็นของฉันอยู่ดี ผู้ที่ปิดใจมักจะพูดในทำนองเช่นนี้ ซึ่งนี่เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงการไม่อยากรับฟังความคิดเห็นที่ขัดแย้งของผู้อื่น แม้ว่าจะดูเหมือนเขายินดีรับฟังก็ตาม หากคำพูดของคุณเริ่มต้นด้วยคำว่า “ฉันอาจจะผิดก็ได้” หรือ “อย่าเชื่อฉันมาก” คำพูดถัดไปควรเป็นคำถาม ไม่ใช่คำที่ยืนยันว่าความคิดของคุณถูกต้อง#คนที่เปิดใจรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเสนอความคิด และเมื่อไหร่ควรถามคำถามข้อ 5 #คนที่ปิดใจไม่ยอมเปิดโอกาสให้คนอื่นพูดเลย หากใครบางคนไม่ยอมเว้นช่องว่างให้คนอื่นแทรกในการสนทนาเลย เป็นไปได้ว่าเขาต้องการปิดกั้นความคิดจากคนอื่น#คนที่เปิดใจมักชอบที่จะฟังมากกว่าพูด เพราะเขาจะให้ความสนับสนุนความคิดของผู้อื่นเสมอข้อ 6#คนที่ปิดใจมักมีปัญหาในการตัดสินใจเมื่อมีตัวเลือกมากกว่าหนึ่ง เขาจึงอยากจะให้คนอื่นเห็นด้วยกับเขา#คนที่เปิดใจรับฟังความเห็นของผู้อื่นโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการตัดสินใจ เพราะเขาสามารถรับฟังหลายๆ ความเห็นที่ขัดแย้งกันได้ และนำมาไตร่ตรองถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละความคิดเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดข้อ 7#คนที่ปิดใจมักไม่ค่อยถ่อมตัว เพราะความถ่อมตัวจะเกิดจากการที่เรามีประสบการณ์ในความล้มเหลว มันจึงทำให้เรายินดีที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน#คนที่เปิดใจมักจะคิดไตร่ตรองในทุกๆ สิ่ง และคิดเสมอว่าความคิดของตนเองอาจจะผิดก็ได้จะเห็นได้ว่าคนที่ปิดใจ นอกจากจะดูไม่น่าคบหาและปิดใจตัวเองแล้ว ยังคอยปิดกันความคิดคนอื่น แถมปิดปาก ปิดตาและปิดหูผู้อื่นอีกด้วย และนี่ข้อแตกต่างทั้ง 7 ข้อ ระหว่างคนเปิดใจและคนที่ปิดใจ ที่ตัวของ Ray Dalio ได้พูดถึงครับขอบคุณข้อมูลจาก: Principle By Ray Dalio