การเบียดขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในวงการฟุตบอลอาชีพนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากแสนสาหัสมากโดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นนักเตะของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ และงานนี้จะยากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวสำหรับบรรดาแข้งที่ยังอายุน้อย เพราะพวกเขาจะต้องเจอกับด่านหินคือบรรดานักเตะรุ่นพี่ที่นอกจากจะมีฝีเท้าดีแล้วยังมีประสบการณ์มากกว่า แข้งพรสวรรค์สูงที่อายุยังน้อยหลายรายถึงกับต้องถูกส่งไปเล่นในแบบยืมตัวกับทีมที่เล็กกว่าเพื่อให้ได้โอกาสลงสนามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการแข่งขันจริง ถ้าการเบียดแทรกเป็น 11 ตัวจริงนั้นยากแล้ว การก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะแกนหลักของทีมตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นยิ่งยากเป็นพิเศษขึ้นไปอีก ดังนั้นหากนักเตะคนไหนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วล่ะก็ นั่นบ่งบอกถึงความสามารถที่เหนือชั้นกว่านักเตะทั่วไป พวกเขาจะถูกจับตามองในฐานะอนาคตของวงการฟุตบอล และนี่คือ 7 นักเตะอายุน้อยที่ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป แถมยังสามารถโชว์ผลงานในระดับสุดยอดชนิดที่รุ่นพี่ ๆ ยังต้องยอมซูฮก พวกเขาคือ 7 แข้งอายุน้อยที่เก่งและเนื้อหอมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ 1.เจา เฟลิกซ์ เขาคือนักเตะหนุ่มชาวโปรตุกีสที่มีอายุเพียง 20 ปี แต่มีค่าตัวในการย้ายจากเบนฟิก้าไปยังแอตเลนติโก มาดริดถึงถึง 126 ล้านยูโร ก่อนการย้ายทีมนั้นเฟลิกซ์เพิ่งจะลงเล่นในลีกสูงสุดของโปรตุเกสแค่ปีเดียว แต่ยิงไปถึง 15 ประตูจากการลงสนาม 26 นัด แถมยังทำแฮตทริกในรายการยูโรป้าลีกได้ด้วย ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป ก่อนจะเป็นทีมตราหมีที่ทุ่มคว้าตัวเขาไปร่วมทีมเพื่อเป็นตัวแทนของอองตวน กรีซมันน์ที่ย้ายออกไป สโมสรอย่างแอตเลติโก มาดริดนั้นขึ้นชื่อมากในเรื่องแมวมอง โดยเฉพาะตำแหน่งกองหน้านั้น ทีมตราหมีสามารถนำกองหน้าชั้นยอดเข้าสู่ทีมได้เสมอ การที่ทีมยอมทุ่มเงินขนาดนี้เพื่อเจา เฟลิกซ์ เป็นเครื่องบ่งชี้เบื้องต้นได้ว่านักเตะคนนี้มีดีขนาดไหน เฟลิกซ์ถูกวางตัวให้เป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมใหม่ในทันทีและโชว์ผลงานช่วงเปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็เริ่มเจอปัญหาเรื่องการปรับตัวและอาการบาดเจ็บในช่วงกลางฤดูกาล กระนั้นก็ตาม เขาก็ลงสนามให้ทีมตราหมีไปแล้วถึง 28 นัด ทำไป 6 ประตู ไม่เลวนักสำหรับการย้ายเข้าลีกใหม่ในปีแรก 2.ไค ฮาเวิร์ตซ์ แข้งหนุ่มอายุ 20 ปีชาวเยอรมันได้ลงเล่นให้ทีมเลเวอคูเซ่นมาตั้งแต่อายุเพียงสิบเจ็ดปี และตอนนี้เขาก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมเรียบร้อยแล้ว หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจน เขาคือนักเตะตัวความหวังสูงสุดของทีมในเวลานี้เลย ฮาเวิร์ตซ์นั้นเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ซีซั่นก่อนเขายิงให้ทีมไปถึง 20 ประตูจาก 42 นัด และปีนี้ก็ยิงไปแล้วถึง 15 ประตู เป็นกองกลางที่ยิงได้เยอะมากจริง ๆ ดูจากสไตล์การเล่นแล้ว เขาสามารถขยับไปเล่นเป็นกองหน้าสมัยใหม่ได้สบาย ๆ ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่แต่มีความคล่องตัวสูง บวกกับทักษะการเล่นที่ยอดเยี่ยมทั้งการครองบอล การสร้างสรรเกม และการยิงประตู ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถูกจับจ้องจากบรรดายักษ์ใหญ่ของยุโรป และเชื่อว่าคงมีการย้ายทีมเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ 3.เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เขาคนนี้คือเด็กหนุ่มจากท้องถิ่นของเมืองลิเวอร์พูลที่ได้เดินตามความฝันคือได้ลงเล่นฟุตบอลให้ทีมรัก จากนักเตะฝึกหัดที่เข้าสู่อคาเดมี่ของสโมสรตั้งแต่ 6 ขวบ วันนี้ในวัย 21 ปี เขากลายเป็นแบ๊คขวาระดับโลกไปแล้ว เมื่อสองปีก่อนนั้น เทรนท์ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องด้วยวัยเพียงสิบแปดปีเพราะแบ๊คขวาตัวจริงของทีมบาดเจ็บ เขาค่อย ๆ เรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาการเล่นจนกลายเป็นหนึ่งในแบ๊คขวาที่ดีที่สุดของโลกในเวลานี้ โดยมีจุดเด่นที่การเติมเกมรุก และการเปิดบอลที่แม่นยำมาก เขากลายเป็นเจ้าของสถิติการแอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกปี 2019 ทั้ง ๆ ที่เล่นในตำแหน่งกองหลัง และยังเดินหน้าทำสถิติการแอสซิสต์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันนี้เทรนท์อายุ 21 ปี แม้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในวัยเพียงเท่านี้ แต่เทรนท์นั้นยังใช้ชีวิตแบบติดดิน เรียบง่าย และขยันฝึกซ้อม ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหลงระเริงกับความสำเร็จและเงินทอง ด้วยความเป็นนักเตะท้องถิ่น แถมมีทัศนคติที่ยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นเขาสวมปลอกแขนกัปตันทีมของลิเวอร์พูลในอนาคตอย่างแน่นอน 4.เจดอน ซานโช่ อดีตเด็กปั้นของเรือใบสีฟ้าคนนี้ น่าจะเป็นดาวรุ่งที่พรสววรค์สูงที่สุดของอังกฤษในเวลานี้ เขาตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทำในสิ่งที่นักเตะอังกฤษส่วนมากไม่ค่อยทำกัน คือย้ายออกมาเล่นในต่างแดนตั้งแต่อายุน้อย และดอร์ทมุนคือทีมที่คว้าเพชรเม็ดงามนี้เข้าสู่ทีมเมื่อปี 2017 จากนักเตะที่ยังไม่เคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แม้แต่นัดเดียว ซานโช่ใช้เวลาเพียงปีเศษในการยึดตำแหน่งตัวจริงของดอร์ทมุน แถมเขาแจ้งเกิดเป็นดาวดังของบุนเดสลีก้าได้สำเร็จในวัยเพียงสิบแปดปี โดยฤดูกาล 2018-2019 นั้นซานโช่ได้ลงเล่นในลีกไปถึง 34 นัด และทำไป 12 ประตูใน และในฤดูกาลปัจจุบันเขาก็ทำประตูในลีกไปแล้วถึง1 7 ประตูด้วยกัน ซานโช่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นผู้เล่นแนวรุกชั้นยอด ทั้งความเร็ว เทคนิคการครองบอล การพาผ่านคู่แข่ง การเคลื่อนที่ที่ดี ความคิดสร้างสรรค์ในการเล่น และการยิงประตู ที่สำคัญคือเขาเล่นได้ดีทั้งสองเท้าด้วย ตอนนี้ในวัยเพียง 20 ปี เขากลายเป็นนักเตะที่ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปล้วนอยากคว้าตัวไปเล่นให้ แต่ติดตรงที่ดอร์ทมุนเองก็ตั้งค่าตัวเขาเอาไว้สูงตามฝีเท้าด้วยเช่นกัน 5.เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ในวัยเพียง 19 ปี ฮาแลนด์กลายเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดของโลกไปเรียบร้อยแล้ว นักเตะชาวนอร์เวย์คนนี้ทำสถิติยิงประตูมากกว่าจำนวนนัดที่ลงสนามให้กับดอร์ทมุนด์หลังจากที่เขาเพิ่งย้ายมาจากเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์กเมื่อช่วงเดือนมกราคมปีนี้ ฮาแลนด์ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการทำแฮททริกได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามให้ดอร์ทมุนด์ในฐานะตัวสำรอง พลิกสถานการณ์ให้ทีมกลับมาเก็บชัยชนะได้ คงไม่มีการเปิดตัวกับทีมใหม่แบบไหนที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ฮาแลนด์นั้นเริ่มต้นการค้าแข้งในลีกนอร์เวย์ ก่อนที่เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ยักษ์ใหญ่จากลีกออสเตรียจะคว้าตัวเขาไปร่วมทีม เพียงแค่ปีกว่าในลีกออสเตรียเขาก็สร้างชื่อโด่งดังทั่วยุโรปจนตกเป็นเป้าหมายหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายปิศาจแดงก็ต้องอกหักเมื่อเจ้าตัวเลือกที่จะย้ายไปเล่นให้ดอร์ทมุนด์ด้วยเงื่อนไขในสัญญาที่เจ้าตัวพร้อมตีจากทีมได้เมื่อถึงเวลา จนถึงตอนนี้ฮาแลนด์ยิงไปแล้ว 11 ปรตูในบุนเดสลีกาทั้งที่ลงเล่นให้ทีมดอร์ทมุนไปเพียง 10 นัด จับตาดูเด็กหนุ่มคนนี้กันให้ดี ว่าเขาจะสร้างปรากฏการณ์อะไรให้เกิดขึ้นบ้างในวงการฟุตบอลนับจากนี้ไป 6.มาร์คัส แรชฟอร์ด ด้วยผลงานที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของต้นสังกัดอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะทำให้หลายคนมองข้ามความยอดเยี่ยมของแรชฟอร์ดไปบ้าง แต่เชื่อผมเถอะว่านี่คือนักเตะอายุน้อยที่ฝีเท้าดีมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรปในเวลานี้ แข้งวัย 22 ปีรายนี้ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ตั้งแต่ตอนที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี และร่วมทีมชาติอังกฤษชุดที่เข้าถึงรอบสี่ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกมาแล้ว เขาเป็นกองหน้ากึ่งปีกที่มีความเร็วสูงมาก เมื่อบวกกับความสามารถเฉพาะตัวและความสามารถในการยิงประตู ทำให้เขาเป็นผู้เล่นเกมรุกที่ดีที่สุดของทีมปิศาจแดงในเวลานี้เลย สถิติล่าสุดในฤดูกาลนี้ของแรชฟอร์ดคือลงเล่นให้ทีมปิศาจแดงไป 31 นัด ยิงไปถึง 19 ประตู อีกสถิติที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของเขาคือ จนถึงตอนนี้แรชฟอร์ดยิงประตูใส่บรรดาทีมในกลุ่มบิ๊ก 6 ของพรีเมียร์ลีกครบทุกทีมแล้ว ซึ่งเมื่อนับรวม ๆ กัน แรชฟอร์ดในวัย 22 ปี ยิงใส่ทีมในกลุ่มบิ๊ก 6 ด้วยกันไปแล้วถึง 16 ประตูทีเดียว 7.คีเลียน เอ็มบั๊บเป้ เขาคนนี้คือราชาของบรรดาแข้งอายุน้อยเลยทีเดียว เอ็มบั๊บเป้เป็นนักเตะที่โด่งดังจากการเล่นให้โมนาโคชุดคว้าแชมป์ลีกเอิงในฤดูกาล 2016-2017 ก่อนที่พ่อบุญทุ่มแห่งวงการอย่าง PSG จะดึงตัวเข้าสู่ทีมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก เอ็มบั๊บเป้คือนักเตะที่ก่งระดับหาตัวจับยาก ในตอนที่อายุเพียง 19 ปีนั้นเขาคือผู้เล่นตัวหลักของทีมฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 มาแล้ว จุดเด่นของเขาคือความเร็วที่หาตัวจับยาก เมื่อบวกกับทักษะที่ยอดเยี่ยมในการไปกับลูกฟุตบอล และความยอดเยี่ยมในการจบสกอร์ที่แม่นยำ เฉียบขาด และเยือกเย็น ก็ทำให้ยากนักที่กองหลังทีมไหนจะหยุดเขาได้ ด้วยวัยปัจจุบันเพียง 21 ปี เขายังเก่งขึ้นได้อีกแถมยังมีเวลาเก็บเกี่ยวความสำเร็จในวงการฟุตบอลได้อีกหลายปี หากพ้นจากยุคสมัยของเมสซี่กับโรนัลโด้เมื่อไหร่ คาดว่าเอ็มบั๊บเป้คงจะมีชื่อกลายเป็นตัวเต็งของการคว้าบัลลงดอร์ในทุก ๆ ปีไปอีกนาน เพราะเขาคือแข้งอายุต่ำกว่ายี่สิบสามปีที่เก่งที่สุดของโลกในเวลานี้ ขอบคุณภาพจาก TrueID Sport และ Pixabay.com เครดิตภาพ ภาพปก / ภาพที่1 / ภาพที่2 / ถาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7