7 วิธี อัพเกรดเสียง “กีต้าร์โปร่ง” ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง ถ้าจะบอกว่า ‘กีต้าร์โปร่ง’ ที่หลายคนเล่นอยู่เป็นประจำ มีวิธีที่สามารถอัพเกรดเสียงให้น่าฟังขึ้นไปอีกจะเชื่อกันไหมครับ? ผมค่อนข้างมั่นใจว่านักกีต้าร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ หลายคนไม่รู้วิธีที่จะทำให้เสียงกีต้าร์ของตัวเองน่าฟังยิ่งขึ้น หรือเปลี่ยนโทนเสียงกีต้าร์ในแบบต่างๆ บางคนเล่นเป็นอย่างเดียวจนมีฝีมือเก่งกาจ รู้แค่ว่าถ้าสายกีต้าร์ขาดต้องเปลี่ยนสายยังไงก็พอแล้ว แต่จริงๆ เราสามารถเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ต่างๆ บนตัวกีต้าร์ เพื่อให้เสียงกีต้าร์มันดีขึ้นไปอีก ซึ่งวันนี้ผมมี 7 วิธี อัพเกรดเสียงกีต้าร์โปร่งมาฝากก ไปดูกันเลยครับ (ภาพประกอบจากผู้เขียน)วิธีที่ 1: เปลี่ยน 'นัท' (NUT) (เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/) ‘นัท’ หรืออาจจะเรียกเรียกว่า “หย่องหน้า” ก็ได้ เป็นชิ้นส่วนที่เอาไว้รองรับสายกีต้าร์บริเวณส่วนหัวก่อนถึงลูกบิด กีต้าร์ราคาหลักร้อยและหลักพันบาทต้นๆ จะใช้ ‘นัท’ ที่ทำจากพลาสติกเพราะมีราคาถูก ซึ่งเมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ‘นัท’ พวกนี้ก็จะเริ่มสึกหรอ สังเกตง่ายๆ เลยตรงช่องที่สายกีต้าร์แต่ละเส้นพาดอยู่จะเริ่มกว้างขึ้น ถ้าคุณเป็นพวกชอบโซโลกีต้าร์ที่ต้องดันสายขึ้นลงบ่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้ช่องมันกว้างเร็วขึ้นอีก! ดังนั้น การเปลี่ยน ‘นัท’ จากพลาสติกไปเป็นวัสดุอย่างอื่นที่ทนทานกว่าก็เป็นไอเดียที่ดี! ไปดูกันว่าเราจะเลือก ‘นัท’ ที่ทำจากวัสดุประเภทใดได้บ้าง และเมื่อเปลี่ยน ‘นัท’ แต่ละแบบแล้ว จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ‘นัท’ กระดูก (Bone Nut) ทำมาจากกระดูกและเขาสัตว์ (เช่นกกระดูกขาวัวและเขาควายเป็นต้น) มีความทนทานต่อแรงกดและแรงดึงของสายมากกว่าพลาสติกหลายเท่า ที่สำคัญยังไปช่วยเรื่องของเสียงกีต้าร์ด้วย โดย ‘นัท’ ประเภทนี้จะทำให้กีต้าร์ของคุณมีหางเสียงที่ยาวกว่าเดิม กังวานขึ้น เพิ่มเสียงแหลมมากขึ้น และคมชัดกว่าเดิม ราคาของ นัทกระดูกจะอยู่ราวๆ 100 - 120 บาท ถ้ากีต้าร์ของคุณมีราคาไม่แพงมาก การเปลี่ยนนัทจากพลาสติกไปเป็นกระดูกก็ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าสุดๆ ‘นัท’ ทองเหลือง (Brass Nut) สำหรับ ‘นัท’ ประเภทนี้ นอกจากจะทำให้กีต้าร์ของคุณดูไฮโซจากสีทองเหลืองอร่ามแล้ว มันยังช่วยเปลี่ยนโทนเสียงกีต้าร์ของคุณด้วย นัททองเหลืองให้เสียงที่คมชัดขึ้น โดยเฉพาะเสียงเบสที่หนักแน่น เพิ่มย่านเสียงแหลม แต่เวลาตีคอร์ดความกังวานจะไม่เท่ากับนัทแบบกระดูก สำหรับกีต้าร์โปร่งอาจจะหาซื้อนัททองเหลือยากซะหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะผลิตมาสำหรับกีต้าร์ไฟฟ้าและเบสมากกว่า (ถ้าตามร้านขายเครื่องดนตรีทั่วไปไม่มี แนะนำให้ไปที่ร้านค้าออนไลน์มีขายแน่นอนครับ) ‘นัท’ ทัสคิว TUSQ หรือบางคนอ่านว่า "ที-ยู -เอส-คิว" เป็นวัสดุสังเคราะห์ขึ้นมาโดยเลียนแบบคุณสมบัติบางส่วนที่เหมือนกับนัทกระดูก ทั้งในเรื่องความแข็งแรงทนทาน ให้เสียงคมชัด กังวาน แต่ลดย่านเสียงแหลมที่มากเกินไปของนัทกระดูกให้มีความแหลมที่น่าฟังกว่า นอกจากนี้ ยังให้ความสมดุลของเสียงกีต้าร์ที่มาจากสายทั้ง 6 เส้นได้ดีกว่านัทแบบกระดูก เพราะวัสดุแบบสังเคราะห์จะให้ความหนาแน่นเท่ากันในทุกพื้นที่ วิธีที่ 2: เปลี่ยน ‘หย่องหลัง’ (SADDLE) (ภาพประกอบจากผู้เขียน) ‘แซดเดิล’ หรืออาจจะเรียกว่า ‘หย่องหลัง’ เป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่รองรับสายกีต้าร์เช่นเดียวกับ ‘นัท’ กีต้าร์ราคาประหยัดมักจะใช้ ‘แซดเดิล’ ที่ทำจากพลาสติกเพื่อช่วยลดต้นทุน ส่วนวัสดุที่ใช้ทำแซดเดิลก็เหมือนกับ ‘นัท’ ด้วยเช่นกัน คือมีให้เลือกทั้งแบบ กระดูก, ทองเหลือง และวัสดุสังเคราะห์ สำหรับเสียงกีต้าร์ที่ได้หลังจากเปลี่ยนแซดเดิลด้วยวัสดุต่างๆ เหล่านี้ก็จะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกับ ‘นัท’ ในหัวข้อแรกนั่นเอง วิธีที่ 3: เปลี่ยน สายกีต้าร์ อันนี้เห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจน ถ้าเราใช้สายกีต้าร์ชุดละ 100 บาท นอกจากจะมีอายุการใช้งานที่สั้นแล้ว สายราคาประหยัดพวกนี้ก็มีส่วนทำให้กีต้าร์เสียงเพี้ยนได้ง่ายขึ้น เมื่อนำมาเทียบกับสายกีต้าร์ที่มีราคาตั้งแต่ 300 ขึ้นไป เสียงกีต้าร์ของคุณจะดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาหลังจากเปลี่ยนสาย ฟังสบายหู เล่นสบายมือ แถมอายุการใช้งานก็มากกว่าด้วยวิธีที่ 4: เปลี่ยน ‘หมุดพิน’ (ภาพประกอบจากผู้เขียน) สำหรับหมุดพินนั้นทำหน้าที่ยึดสายกีต้าร์เข้ากับสะพานสายกีต้าร์ (Bridge) วัสดุที่ใช้ทำหมุดพินก็เหมือนกับ ‘นัท’ และแซดเดิล คือมีทั้งแบบ พลาสติก, กระดูก, TUSQ, ทองเหลือง นอกจากนี้ยังทำมาจากไม้เนื้อแข้งด้วยเช่นกัน กีต้าร์ที่มีราคาไม่แพงจะใช้หมุดพินแบบพลาสติก ซึ่งการเปลี่ยนหมุดพินจากพลาสติกไปเป็นวัสดุต่างๆ เหล่านี้ก็ให้ผลลัพธ์ทางด้านเสียงด้วยเช่นกัน โดยหมุดพินที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้โรสวู๊ด (Rosewood) และอีโบนี (Ebony) จะได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะช่วยทำให้เสียงกีต้าร์น่าฟังยิ่งขึ้น ส่วนหมุดพินประเภทอื่นๆ ก็จะให้ผลลัพธ์ทางด้านเสียงที่เหมือนกับ นัท และแซดเดิลวิธีที่ 5: เปลี่ยน ลูกบิดกีต้าร์ (เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/) กีต้าร์โปร่งราคาประหยัดมักจะติดตั้งลูกบิดยึดสายที่มีคุณภาพพอใช้มาให้ เมื่อผ่านการเล่นไปสักระยะหนึ่ง ลูกบิดพวกนี้ก็มักจะทำให้เราปวดหัวอยู่เรื่อยๆ เพราะสายกีต้าร์มันจะคลายตัวเองบ่อยมาก บางทียังเล่นไม่จบเพลงก็ต้องมาตั้งสายกันใหม่ ลูกบิดที่ได้มาตรฐานจะต้องคงสภาพของแรงตึงสายที่เราตั้งเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด ส่วนพวกลูกบิดมาตรฐานต่ำ นอกจากสายจะเพี้ยนเร็วแล้วก็อาจจะแสดงอาการอื่นๆ อีก เช่น ทำให้เกิดเสียงแปลกๆ เวลาเล่น เพราะตัวลูกบิดยึดสายมีการเคลื่อนตัวหรือสั่นไปด้วยนั่นเองวิธีที่ 6: ติดตั้ง ภาคขยายเสียง (ภาพประกอบจากผู้เขียน) การเปลี่ยนกีต้าร์โปร่งธรรมดาให้เป็นกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าโดยติดตั้งภาคขยายเสียงเพิ่มเติม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยอัพเกรดเสียงกีต้าร์ของคุณ โดยเฉพาะกีต้าร์ราคาประหยัด เมื่อติดตั้งภาคขยายเสียงแล้ว คุณจะพบว่าเสียงของมันไม่เหมือนกีต้าร์ตัวเดิมอีกต่อไป แต่คุณจำเป็นต้องหาตู้แอมป์มาเพิ่มด้วย ข้อดีของการอัพเกรดวิธีนี้ก็คือ ไม่ว่าเสียงกีต้าร์ของคุณจะฟังดูแย่ขนาดไหนก็ตาม หลังจากผ่านภาคขยายเสียงแล้วมันจะน่าฟังยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถปรับระดับความดังเบาและปรับโทนเสียงต่างๆ ของกีต้าร์ได้ในแบบที่ต้องการอีกด้วยวิธีที่ 7: ใช้เครื่องสั่นสายเพื่อเบิร์นเสียงกีต้าร์ (เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/) สำหรับวิธีสุดท้ายนี้จะเหมาะกับกีต้าร์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ซึ่งเสียงกีต้าร์ยังไม่ไพเราะกังวานเท่าที่ควร เพราะผ่านการเล่นมาน้อยครั้ง การทำให้เสียงกีต้าร์ตัวใหม่เปิดดังกังวาน เหมือนกับผ่านการเล่นมาหลายปีจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยครับ ซึ่งก็คือ เครื่องสั่นสายกีต้าร์นั่นเอง (ใครอยากเห็นหน้าตาเจ้าเครื่องนี้ลองค้นหาในกูเกิลด้วยคำว่า "guitar string vibrator" หรือจะลองเข้าไปดูสินค้าจากผู้ผลิตจากเว็บนี้ดูนะครับ>> https://www.stewmac.com/Materials_and_Supplies/Accessories/ToneRite/ToneRite_for_Guitar.html) เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ทำหน้าที่สั่นสายกีต้าร์ โดยแรงสั่นจะไปเขย่าไม้แผ่นหน้าให้สั่นตามไปด้วย ถ้าคุณเปิดเจ้าเครื่องนี้ทิ้งไว้วันละ 6 - 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 เดือน กีต้าร์ตัวใหม่ของคุณก็จะเหมือนกับผ่านการเล่นทุกวัน ซึ่งจะทำให้เสียงกีต้าร์ดังกังวานมากน่าฟังมากยิ่งขึ้น วิธีนี้เป็นทางลัดที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ส่งผลร้ายกับกีต้าร์ด้วย ^ ^