ความสัมพันธ์ที่ Toxic ระหว่างเพื่อน ก็นำมาสู่ภาวะ Emotionally Draining ได้เช่นกันEmotionally Draining คือ ภาวะที่เรามีความเครียดสะสมโดยที่ไม่รู้ตัว มันสะสมไปทีละน้อย เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า หมดพลัง ไม่มีแรงบันดาลใจ เรื่องอะไรที่เราเคยทำแล้วสนุก ก็กลายเป็นไม่สนุก หรือไม่ค่อยอยากทำแล้ว มันจะเบื่อๆเซ็งๆ หรือบางคนอาจหนักถึงขั้นนอนไม่หลับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ที่เกิดจากเพื่อน ก็สามารถก่อให้เกิดพลังงานด้านลบได้ ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายอะไรเรา เขาอาจจะแค่ไม่รู้ตัวว่านิสัยของเขาได้ส่งผลต่อเราในทางนั้น8 สัญญาณของ Emotionally Draining Friendshipsมีสัญญาณที่บอกได้ว่า คุณกำลังเจอกับความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดภาวะแบบนี้อยู่1. คุณรู้สึกเบื่อหน่าย หรือเหนื่อยล้า เวลาที่ได้คุยหรือใช้เวลาด้วยกัน2. คุณมักจะเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อทำตามความต้องการของเขา เช่น กำลังทำงานอยู่ คุณก็มักจะต้องวางงานลงทันที เมื่อเขาโทรมาขอระบายให้ฟัง3. คุณกังวลกับปัญหาของเขา มากกว่าเรื่องของตัวคุณเอง 4. ความรู้สึกในทางบวกของคุณที่มีต่อเขาเริ่มหายไป (เรื่องคุยกันมักมีแต่เรื่องในแง่ลบ)5. คุณไม่เป็นตัวเองเวลาที่อยู่กับเขา และเริ่มสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น อาจมีหลายครั้งที่คุณก็เริ่มทบทวนความคิด ความรู้สึกตัวเอง หรือแม้กระทั่งเคยนำมันไปปรึกษากับเพื่อนคนอื่นอีกคนหนึ่ง หรือปรึกษาแฟนคุณ (นั่นแปลว่าคุณเริ่มใช้เวลาไปกับการสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนคนนี้)6. คุณแทบไม่มีโอกาสได้แชร์เรื่องราวของคุณให้เขาฟังเลย ไม่มีโอกาสขอคำแนะนำ ขอคำปรึกษาจากเขา (เพราะมันมักจะถูกโยงกลับไปเป็นเรื่องของเขาเสมอ)7. คุณเริ่มรู้สึกไม่สนุกที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเขาอีกต่อไป แม้กระทั่งการพิมพ์แชทคุยกัน คุณก็แทบไม่อยากตอบกลับ8. เวลาที่คุณเจอปัญหา ต้องการคำปรึกษาบ้าง คุณจะรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสนใจรับฟัง และเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันคือเรื่องใหญ่ เขาเข้าไม่ถึงความรู้สึกของคุณ และคุณอาจจะแปลกใจที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อนำไปปรึกษาคนอื่นแทนทั้งหมดนี้มันคือสัญญาณเตือนว่า ตอนนี้คุณกำลังเจอกับคนที่คอยดูดพลังชีวิตของคุณอยู่8 สัญญาณของ Toxic Friendshipคนเหล่านี้มักจะมีพฤติกรรมคล้ายๆกัน ที่คุณสามารถนำไปสังเกตคนรอบตัวได้ดังนี้1. เขามักจะมีเรื่องมาระบายให้คุณฟังไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งทักมาบ่นเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน 2. เขาแทบจะไม่ถามคุณเลย ว่าคุณทำอะไรอยู่ หรือชีวิตเป็นยังไงบ้าง เพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องของคุณ และถ้าคุณเป็นคนเริ่มต้นเล่าเอง เขาก็อาจจะไม่ได้สนใจมากนัก 3. นอกจากจะชอบมาระบายปัญหาในชีวิตแล้ว เขามักจะมาเล่าถึงความอยากได้อยากมี หรือความคาดหวังในเรื่องต่างๆของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 4. ปัญหาของเขามักจะใหญ่กว่าเราเสมอ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เรื่องของเขามันจะแย่กว่า มันจะหนักกว่า แล้วสุดท้ายตัวเราที่กลุ้มใจอยู่เช่นกันกัน ก็ต้องกลายเป็นฝ่ายรับฟัง5. เขาจะไม่แสดงความรู้สึกดีใจไปกับเรา เวลาที่เรามีความสุข เวลาที่เราทำอะไรสำเร็จ เขาไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายไปกับเรา6. เขาชอบเป็นจุดสนใจ มักจะเป็นคนนำการสนทนา หรือแม้กระทั่งหนักที่สุดคือ พูดคนเดียวเลย (ไม่มีใครพูดทัน)7. เขาเป็นคนที่ขาด self-awareness ขาดความเคารพในตนเอง และขาดความเชื่อมั่นในตนเอง (โดยที่ไม่รู้ตัว) จะเห็นได้จากการที่เขาต้องพยามเป็นจุดสนใจอยู่เสมอ พอความสนใจนั้นคลายลงไป เขาก็จะหาอะไรใหม่ๆมาเป็นประเด็นเพื่อดึงความสนใจอีกครั้ง เช่น อาจจะคอยทักมาอัพเดทชีวิตตัวเองให้เพื่อนฟัง หรือโพสต์ลงโซเชียลบ่อยๆ เพื่อเติมความมั่นใจในตัวเอง และเติมเต็มความรู้สึกที่ว่า ตัวเขาก็เป็นคนมีความสุขนะ มันจะวนลูปไปแบบนี้8. เขาอาจจะเคยทำให้คุณรู้สึกว่า คุณเป็นเพื่อนที่ไม่โอเคที่ไม่ได้มาอยู่ฟังเขาในเวลาที่เขามีปัญหา หรือในเวลาที่เขาต้องการ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกขอบคุณ หรือซึ้งใจอะไรจากในอดีตที่เราอยู่รับฟังเขามาโดยตลอดโดยสรุปทั้ง 8 ข้อนี้ คือ คุณมักจะเป็นคนที่รับฟัง และช่วยเหลือเขา แต่ตรงกันข้าม ถ้าคุณอยู่ในจุดที่คุณต้องการใครสักคนมารับฟัง หรือต้องการคำปรึกษาบ้าง คุณอาจจะต้องไปคุยกับคนอื่นแทน เพราะฉะนั้น ถ้ามันมีสัญญาณหลายข้อที่เหมือนกับเพื่อนที่คุณคบอยู่ ...ก็อาจจะถึงเวลาต้องพิจารณาแล้ว ว่าจะทำยังไงต่อไป เพราะแน่นอนว่า มันส่งผลต่อสุขภาพจิตของคุณในระยะยาวอาจจะดูเหมือนใจร้าย แต่คนเราย่อมต้องมีลิมิต ฉะนั้นมันคงจะไม่แย่นัก ถ้าเราจะกำหนดขอบเขต หรือเลือกถอยห่างออกมาเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตัวเราเองความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเราเองเคยเจอสถานการณ์ทำนองนี้มาก่อน ตอนแรกเราก็ไม่รู้ตัว จนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่าทำไมเหนื่อยหน่ายจัง ทำไมเพื่อนสนิทคนนี้ทักมาทีไร ก็มีแต่เรื่องในทางลบมาแชร์ให้ฟัง มีทั้งปัญหาของเขา และปัญหาของคนรอบตัวเขา มีแต่การบ่น การตำหนิติเตียนคนอื่น หรือไม่ก็การโอ้อวดแต่เรื่องของตัวเอง จนเริ่มมาชัดเจนในวันหนึ่งที่ตัวเราเองประสบปัญหาชีวิต เราทุกข์ใจ แต่เพื่อนคนนั้นกลับไม่ได้อยู่รับฟังเราเลย และยังคงพูดแต่เรื่องของตัวเองเหมือนเช่นเคย ราวกับโลกหมุนรอบตัวเขาปัจจุบันนี้เราตัดสินใจออกห่างมาแล้ว และรู้สึกว่าสุขภาพจิตดีขึ้นจริงๆ รวมไปถึงเรากล้าตัดสินใจทำบางอย่างได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เคยกลัว พอย้อนกลับไปคิด เมื่อก่อนพออยากลองทำอะไร ก็มักจะกลัวความล้มเหลว เพราะเวลาไปปรึกษาเพื่อนคนนั้น (แชร์ให้ฟังตามประสาเพื่อนสนิท) เขาก็มักจะขุดเอาความล้มเหลวเก่าๆของเรามาย้ำเสมอ ด้วยความที่รู้จักกันมานานกว่า 10 ปี เราจึงไม่เคยคิดมาก และไม่รู้ตัว จนกระทั่งความอึดอัดมันเริ่มชัดขึ้น เราจึงถอยห่างออกมาเงียบๆ และเลือกคบคนมากขึ้น เราไม่เสียดายความสัมพันธ์ที่ยาวนานนะ คนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิตจะเข้าใจว่า การเลือกคบเพื่อนส่งผลต่อคุณภาพจิตใจ มุมมองความคิด และการตัดสินใจ Losing Toxic people is a winท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ หรือถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้ คุณไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย แปลว่าคุณเป็นคนโชคดีมาก ที่มีกัลญาณมิตรที่ดี จึงขอให้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้เอาไว้ภาพปก Pixabay - CDD20 ภาพ 1 Pixabay - 13687374 ภาพ 2 Pixabay - mohamed_hassanภาพ 3 Pixabay - mohamed_hassanภาพ 4 Pixabay - CDD20เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !