8 สิ่งที่ต้องทำใน São Miguel Island แลนมาร์คที่สายผจญภัยต้องห้ามพลาด วันนี้จะพาทุกคนไปผจญภัยด้วยกันที่ São Miguel Island หรือเกาะเซามีแกล ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ Azores ของประเทศโปรตุเกตุ ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ขั้นกลางระหว่างทวีปยุโรป และอเมริกา และยังเป็นเกาะที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามพลาดและสวยที่สุดในโลก การผจญภัยของเราเริ่มต้นขึ้นเมื่อสายการบิน Lufthansa เปิดโปรลดราคาเที่ยวบินแรกของฤดูกาลไปยังเกาะเซามีแกล และใช่ค่ะทุกคน เราตกเป็นทาสของการลดราคา นิยามของคำว่าถูกและดีที่แท้ทรูจึงได้เริ่มต้นขึ้นเพราะเกาะนี้มันดีต่อใจจริงๆ หลังจากยับยั้งมือตัวเองไม่อยู่กดจองไฟลท์และยื่นเรื่องลาพักร้อนเรียบร้อยเราก็เริ่มศึกษาข้อมูลของเกาะนี้อย่างจริงจัง อ่านไปอ่านมาก็พบว่ามันเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบเดินป่า ปีนเขาอย่างแท้จริง คิดในใจนี่มันไม่ใช่สไตล์อิช้อยเลยนะเนี่ย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เอาวะ ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต เอาให้มันสุดไปเลย เมื่อวันเดินทางมาถึงเราตื่นเต้นมากถึงมากที่สุด ไฟลท์เป็นช่วงเช้ามืดเวลา 4.00 น. เรายอมถ่างตาไม่นอนทั้งคืน เพราะกลัวตื่นไม่ทันแล้วตกเครื่อง ใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรรวมเวลารอเปลี่ยนเครื่องจนถึง Pontadelgada International Airport ที่ตั้งอยู่บนเกาะเซามีแกลเบ็ดเสร็จประมาณ 8 ชั่วโมง (ถ้ามาจากไทยก็แน่นอนว่าใช้เวลานานกว่านี้แต่เราเดินทางจากทาลลินน์, เอสโตเนียค่ะ) เราสัมผัสถึงความไม่ธรรมดาของเกาะนี้ได้ตั้งแต่เครื่องใกล้จะลงจอดแล้วต้องบินอยู่เหนือเกาะ ตอนนั้นเรามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วมีแต่คำว่า ว้าว ว้าว ว้าว ปรากฎขึ้นมาในหัวไม่หยุด มันเป็นทัศนียภาพที่แตกต่าง อารมณ์เหมือนเรากำลังมองสถานที่ที่ไม่มีอยู่จริง (ว่าไปซั่น) วันแรกของเราที่เกาะเซามีแกลไม่มีอะไรมากมาย เราจัดการเรื่องเช่ารถ เช็คอินเข้าที่พักแล้วนอนเอาแรง (ผลของการถ่างตาทั้งคืน) ตื่นขึ้นมากลางดึกก็ออกไปเดินเล่นและหาอะไรกิน รูปข้างล่างนี้เป็นอาหารมื้อแรกของเราที่เกาะค่ะ วันที่สองเป็นวันแห่งการเริ่มต้นของทริปผจญภัยหลักของเรา หากเพื่อน ๆ พร้อมแล้ว จะช้าอยู่ไย เราไปเริ่มต้นการผจญภัยกันเลยดีกว่า 8 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดหากได้มีโอกาสไปเยือน São Miguel Island 1.จุดชมวิว Miradouro da Boca do Infernoหนึ่งในจุดชมวิวที่เรายกให้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเกาะเซามีแกลเลยทีเดียว การเดินเท้าเข้าไปถึงจุดชมวิวแห่งนี้นั้นไม่ยาก ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากลานจอดรถ เมื่อไปถึงเพื่อนๆ จะได้เห็นวิวทะเลสาบ 3 แห่ง คือ Lagoa de Santiago ที่อยู่กึ่งกลาง Lagoa Rasa อยู่ด้านซ้าย และ Lagoa Azul ทางขวา รวมไปถึงยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปอวดลงไอจีอีกเพียบ2.จุดชมวิว Miradouro da Vista do Rei และเดินเท้าลงไปชม ทะเลสาบ Lagoa Azul และ Lagoa Verdeเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวในบริเวณพื้นที่ Sete Cidades ในจุดนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นสะเลสาบ Azul และทะเลสาบ Verde ที่ว่ากันว่าเกิดจากความรักที่เป็นไปไม่ได้ของชายหญิงคู่หนึ่ง รักกันแต่มิอาจบรรจบกันได้ เป็นเหมือนกับโรมิโอกับจูเลียตเวอร์ชั่นโปรตุเกตุ ในช่วงที่มีแสงแดดส่องจ้าเพื่อนๆ จะเห็นสีที่แตกต่างของทะเลสาบทั้งสองแห่งอย่างชัดเจน แต่โชคไม่ดีที่ตอนเราไปนั้นอากาศครึ้มและแดดไม่จ้าจึงไม่มีโอกาสได้เห็นสีน้ำที่ต่างกันจากชุดชมวิวนี้เพื่อนๆ สามารถเลือกได้ว่าจะขับรถต่อไปเพื่อลงไปชื่นชมความงามของทะเลสาบทั้งสองใกล้ๆ หรือจะใช้วิธีเดินไป ซึ่งมีหลายรูทให้เลือกเดินชมความงามของทิศนียภาพโดยรอบ รูทที่เราเลือกใช้คือเดินป่าลงไปเพราะใกล้กว่า ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร (ตอนลงไปไม่เท่าไหร่ แต่ตอนขึ้นนี่สิ เราเปลี่ยนใจไปเดินเลียบถนนแล้วโบกรถกลับขึ้นไปยังจุดที่เราจอดรถแทนการเดินกลับ) 3.ไปเดินชมทะเลสาบ Fogo หรือ Lagoa de Fogo ทะเลสาบแห่งนี้แทบจะมีหมอกปรกคลุมอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว ในเวลาครึ่งชั่วโมงต้องมีหมอกพัดมาบดบังทะเลสาบไว้อย่างน้อยหนึ่งรอบ การจะชมวิวต้องอาศัยโชคและความอดทน ถ้าโชคดีไปตอนหมอกจางก็จะเห็นความสวยงามได้ชัดเจน แต่ถ้าไปตอนที่มีหมอกจัดก็คงต้องรอกันยาว ๆ เมื่อไปถึงเพื่อน ๆ สามารถเลือกได้ว่าจะเดินลงไปดูทะเลสาบใกล้ ๆ หรือจะยืนชมความงามอยู่ ไกลๆ แต่สำหรับเรา เราเลือกที่จะเดินลงไปชมทะเลสาบแบบชิดติดขอบ การเดินลงไปยังทะเลสาบใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ตอนเดินขึ้นก็จะเหนื่อยหน่อยเพราะทางสูงและชัน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงทะเลสาบ แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากเดินต่อไปยังหาดเล็ก ๆ ที่อยู่ในทะเลสาบอาจจะต้องใช้เวลานานกว่า และระยะทางก็ยาวกว่าเช่นกัน4.ไปเล่นน้ำทะเลที่จุดน้ำร้อน Ponta da Ferrariaน้ำทะเลตรงจุดนี้นั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าที่จุดเล่นน้ำอื่น ๆ ของเกาะ เพราะมีน้ำร้อนจากใต้พิภพทำให้อุณหภูมิน้ำสูงกว่าบริเวณอื่น นอกจากเรื่องอุณหภูมิที่อุ่นกว่าจุดอื่นแล้ว การจะไปเล่นน้ำตรงจุดนี้ยังต้องอาศัยการเช็คข้อมูลน้ำขึ้นน้ำลงด้วย เพราะเพื่อนๆ จะสามารถไปเล่นน้ำที่จุดนี้ได้เฉพาะตอนน้ำนลงเท่านั้นเพราะคลื่นทะเลมีความสูงและรุนแรงเอาเรื่องเมื่ออยู่ในช่วงน้ำขึ้น นอกจากนี้แล้ว Ponta da Ferraria ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรืออวดโมลงไอจีหลายจุดมากๆ5.ไปเล่นน้ำทะเลที่ชายหาด Fogo ใน Ribeira Quenteการเล่นน้ำตรงจุดนี้เพื่อนๆ สามารถไปได้ตลอดเวลา เป็นชายหาดที่เหมาะกับการว่ายน้ำครั้งแรกในทะเลแอตแลนติกอย่างยิ่ง น้ำทะเลไม่เย็นจนเกินไป วิวชายหาดสวยมาก ทั้งยังมีรถขายอาหารจอดอยู่ไม่ห่าง เผื่อเล่นน้ำแล้วหิวก็ขึ้นไปซื้ออาหารมากินได้รวดเร็วทันใจ 6.ไปเดินถ่ายรูป ซื้อของฝากที่ Parque Natural da Ribeira dos Caldeirõesเราขับรถไปเจอสวนที่มีน้ำตกอยู่ใกล้กับสะพานโดยบังเอิญ และความบังเอิญนี้ก็ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เราชอบมากที่สุดอีกที่หนึ่ง มองไปทางไหนก็พบกับความเขียวชะอุ่มให้ได้ชื่นใจ และมีกลิ่นของน้ำตกลอยมากับลม มันดีต่อใจมากจริงๆ7.ขับรถตะลอนไปยังจุดชมวิวต่างๆ ของเกาะการขับรถชมวิวของเกาะและแวะจอดตามจุดชมวิวที่มีอยู่นับร้อยแห่งของเกาะเซามีแกลเป็นสิ่งที่ต้องทำมากถึงมากที่สุดเพราะในเกาะมีจุดชมวิวสวย ๆ มากมายชนิดที่นับแทบไม่หวาดไม่ไหว แถมเกือบทุกจุดชมวิวเพื่อนยังสามารถนั่งพัก บางที่ก็บาร์บีคิวได้อีกด้วย8.ไปกินหอยหอยหมวกเจ๊ก หรือ Limpetsหอยหมวกเจ๊กหรือ Limpets เป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของเกาะเซามีแกล หากเพื่อน ๆ มีโอกาสได้ไปเยือนเกาะแห่งนี้ก็ควรพิจารณาของขึ้นชื่ออย่างหอยหมวกเจ๊กไว้ในลิสอาหารที่ควรลิ้มลอง ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบ รสสัมผัสของหอยชนิดนนี้คล้ายกับหอยแครง มีรสชาติเจือความเค็มในเนื้อหอย ผสานกับกลิ่นหอมของเนยและเลม่อน กินกับขนมปังก็เข้ากันได้ดีแบบแปลก ๆ เพราะปกติบ้านเราไม่มีใครกินอาหารทะเลกับขนมปังแต่ก็ไม่ได้แย่ อยู่ในเกณฑ์ดีเลย สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริปคิดเป็นเงินไทยค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ 5,000 บาท (ต้นทาง Tallinn International Airport)ค่าที่พัก เราจองที่พักโรงแรม 4 ดาว ราคาคืนละ 1,350 บาท รวม 9,450 บาทค่าเช่ารถ 365 บาทต่อวัน รวมเป็นเงิน 2,555 บาทคันสีขาวคือรถที่เราเช่ามานะคะ ค่าอาหารเฉลี่ยมื้อละ 380 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 5,700 บาทค่าใช้จ่ายตลอดทริปคร่าวๆ รวมประมาณ 22,705 บาท หากเพื่อน ๆ เดินทางจากประเทศไทยก็จำเป็นจะต้องพิจารณาค่าเดินทางจากประเทศไทยด้วยซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่เราคำนวณไว้ประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศไทย ยุโรป (แล้วแต่ว่าเพื่อน ๆ จะเลือกจุดเปลี่ยนต่อไฟลท์ที่ไหน ของเราเป็น Frankfurt ประเทศเยอรมนี เพราะใช้สายการบิน Lufthansa) ***หมายเหตุ อาหารไม่หลากหลาย และส่วนใหญ่รสชาติไม่น่าจะถูกปากคนไทย ค่อนไปทางรสชาติแย่ หากเป็นไปได้เพื่อนๆ ควรเลือกที่พักที่สามารถทำอาหารเองได้ จะได้หมดปัญหาเรื่องอาหาร ปิดท้ายด้วยรูปฮ็อตด็อกสไตล์เกาะเซามีแกลที่ถ้าใครได้ไปแล้วหาอะไรกินไม่ได้เราแนะนำสิ่งนี้ ฮ็อตด็อกที่มีมันฝรั่งเส้นทอดกรอบโปะหน้า เคี้ยวกรุบๆ แทงเพดานปากเจ็บๆ บ๊ายบาย ภาพประกอบและเรียบเรียง: ThisaraMเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !