1 มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ (Potato Chip)ภาพจาก : The Organic Crave Company / Unsplash สุดยอดขนมขบเคี้ยวยอดนิยมของทุกเพศทุกวัย รู้หรือไม่ว่าขนมสุดโปรดที่ทุกคนชอบทานนี้นอกจากจะใส่ผงปรุงรสต่าง ๆ แล้วยังใส่สารที่มีชื่อว่า Sodium Bisulfite ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเจริญเติบโตของเชื้อจุรินทรีย์ และยังช่วยรักษาสภาพมันฝรั่งให้สวยงามจนถึงวันที่เราแกะซอง แต่ไม่ต้องกังวลเนื่องจากองค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้ระบุว่า ‘Sodium Bisulfite ในอาหารปลอดภัย เนื่องจากใช้ในปริมาณที่น้อยมาก' แต่ถ้าหากกินเข้าไปปริมาณมากจะทำให้ส่งผลต่อความดันเลือด เวียนศีรษะ ปวดท้อง ไปจนถึงอาเจียนเลยก็ได้ ดังนั้นไม่ควรบริโภคมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบมากเกินไป 2 เจลลี่ บีน (Jelly Bean)ภาพจาก : Amit Lahav/ Unsplash ขนมรสผลไม้หลากสีที่มาในรูปลักษณ์ของเมล็ดถั่ว หลายคนอาจคิดว่ามันก็แค่ขนมที่ทำมาจากนำ้ตาลกลูโคสและสี่ผสมอาหารทั่วไป แต่สำหรับเจลลี่ บีน ที่มีความแวววาวล่อตาล่าใจเด็ก ๆ ให้อยากรับประทานได้นั้นเพราะสารที่มีชื่อว่า Shellac โดยโรงงงานจะเคลือบเจลลี่ บีนทั้งหมดด้วยสารชนิดนี้ในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเพิ่มความเงางามให้กับขนมแสนอร่อย แม้สารชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแต่ด้วยความที่สารนี้แปรรูปมาจากยางคั่งที่เกิดจากการคัดหลั่งของแมลงคั่งแถมยังมีการนำสารนี้ไปเคลือบผิวของเครื่องใช้ประเภทไม้เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน และการซึมของของเหลวทำให้หลายคนขยาดที่จะกินขนมที่เคลือบด้วยน้ำยาเคลือบไม้นี้ด้วยเช่นกัน 3 กัมมี่แบร์ (Gummy Bear)ภาพจาก : Amit Lahav/ Unsplash ขนมที่แสนอร่อยหลากรสที่มาในทรงหมีน้อยน่ารัก ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1922 ที่ประเทศเยอรมันนี ก่อนที่จะขายไปทั่วโลกในปัจจุบัน และยังมีบริษัทอีกมากมายที่มาแชร์ตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทนี้ในปัจจุบัน เคล็ดลับที่ทำให้เยลลี่เหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินมาจากส่วนผสมที่มีชื่อว่า Gelatin ที่สกัดมาจากผิวหนังกระดูก และเนื้อเยื่อของสัตว์ สัตว์ที่นำมาทำก็คือสัตว์ที่เรารับประทานกันปกตินี่แหละ ดังนั้นจึงรับประกันได้ว่า กัมมี่ แบร์ มีความปลอดภัย 4 มาร์ชเมลโล่ (Marshmallow)ภาพจาก : FLY:D / Unsplash ขนมสีขาวเหมือนปุยเมฆ และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นต้นกำเนิดขนมชนิดนี้มาจากขนมต้นตำหรับฝรั่งเศสด้วยการนำน้ำที่คั้นจากรากมาร์ชเมลโล่มาผสมกับน้ำตาล และไข่ขาวตีให้เข้ากันพร้อมปรุงรสด้วยน้ำกุหลาบ แต่ว่ามาร์ชเมลโล่ที่วางขายในท้องตลาดในปัจจุบันไม่มีส่วนผสมของรากมาร์ชเมลโล่เลย แต่ใช้ส่วนผสมที่มีชื่อว่า Gelatin ที่สกัดมาจากผิวหนังกระดูกและเนื้อเยื่อของสัตว์แทน ทำให้เราได้รูว่าปัจจุบันเรากินมาร์ชเมลโล่ที่ไม่มีส่วนผสมของมาร์ชเมลโล่อยู่เลย 5 หมากฝรั่ง (Chewing Gum)ภาพจาก : Jeff W / Unsplash เวลาขับรถไปไหนไกลๆ ทีไรก็อยากได้หมาฝรั่งมาเคี้ยวแก้ง่วงเหลือเกิน รู้หรือไม่ว่าในสมัยก่อนนั้นหมากฝรั่งนั้นทำมาจากยางไม้โดยจะใส่รสชาติต่าง ๆ เข้าไปเพื่อเพิมความอร่อยก่อนจะเปลี่ยนจากยางไม้มาเป็นยางสังเคราะห์ แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการนำวัตถุดิบอื่นมาทำหมากฝรั่งตวบคู่ไปกับยางสังเคราะห์ นั่นก็คือ Lanolin ซึ่งเป็นสารคัดหลั่งจากต่อมใต้ไขมันของแกะ ถึงจะเป็นวัตถุดิบมาจากธรรมชาติ แต่ผิวของแกะนั้นไวต่อสารกำจัดศัตรูพืชในฟาร์มเป็นอย่างมาก ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมอยู่ในต่อมใต้ไขมัน เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าหมากฝรั่งที่เราเคี้ยวอยู่จะมาจากแกะจากฟาร์มที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือไม่ ซึ่งถ้าสารชนิดนี้สะสมในร่างกายเราไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต่างจากการตายผ่อนส่งเลยทีเดียว 6 ครีมเทียม (Coffee Creamer)ภาพจาก : zwei chen/ Pixabay เคล็ดลับความนุ่มละมุนของกาแฟ และเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลาย ๆ คนนั้นมาจากครีมสีขาว ๆ เมื่อผสมลงไปในเครื่องดื่มก็จะได้รสชาติที่กลมกล่อมเหมือนกับนม ทั้งที่จริงแล้วสิ่งที่เราดื่มกับกาแฟนี้ทำมาจากไขมันนพืชเป็นหลักเช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดฝ้าย ถึงแม้มันจะดัดแปลงรสชาติให้หอมกลมกล่อมเหมือนนม แต่ถ้าบริโภคมากเกินไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพ 7 นมขาดมันเนย (Fat Free Milk)ภาพจาก : Mehrshad Rajabi / Unsplash เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสำหรับหนุ่มสาวที่ต้องการควคุมน้ำหนัก ซึ่งเป็นนมที่ปราศจากไขมันหลังจากสกัดไขมันออกไปแล้วน้ำนมที่ได้จะมีสีเป็นสีฟ้า ทางบริษัทนมอาจเล็กเห็นว่าสีฟ้าอาจส่งผลต่อความต้องการดื่มของผู้บริโภค จึงได้ใส่สารที่มีชื่อว่า Titanium Dioxde เพื่อให้นมขาดมันเนยกลับมาเป็นสีขาวอีกครั้ง ซึ่งเราสามารถพบสารชนิดนี้ได้ในเครื่องสำอางและสีทาบ้าน 8 เบียร์ (Beer)ภาพจาก : kazuend / Unsplash เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมจากข้าวบาร์เลย์ และเมล็ดธัญพืชอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะดื่มคนเดียวในห้องนั่งเล่น หรือฉลองกับเพื่อนในงานปาร์ตี้เบียร์ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี และราคาไม่แพง รู้หรือไม่ว่าเบียร์ได้มีการใส่สารประกอบตัวหนึ่ง เพื่อให้เบียร์ที่เราดื่มมีความใส และชูรสชาติของเบียร์ให้ดีขึ้น สารนั้นก็คือ Isinglass ซึ่งสกัดมาจากเครื่องในของปลา แม้ว่าเบียร์จะไม่มีรสคาวปลา แต่ก็ยังคงส่งผลเสียต่อผู้ที่แพ้อาหารทะเลอยู่อาหารสุดโปรดของใครหลายคนอาจมีส่วนผสมที่เราคาดไม่ถึงผสมอยู่ก็ได้ แม้ว่าหลาย ๆ อย่างจะผ่านการรับรองว่าปลอดภัย แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ดังนั้นการศึกษาข้อมูล การอ่านฉลากโภชนาการข้างบรรจุภัณฑ์ การดูเครื่องหมายรับรองมาตรฐานคุณภาพสินค้า ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ และสามารถลดความเสี่ยงจากอันตรายของอาหารที่เรารับประทานได้ อย่างไรก็ตามอาหารบางชนิดแม้ไม่มีส่วนผสมที่อันตรายผสมอยู่ แต่การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นแล้ว อาหารที่เราคิดว่าปลอดภัยอาจจะเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวกว่าอาหารที่เราคิดว่าอันตรายเสียอีกภาพหน้าปกจาก : Olga Kozachenko / Unsplashเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !